บท
ตั้งค่า

คำเตือนครั้งที่ 2 พี่เมฆคนเดิม (2)

คำเตือนครั้งที่ 2

พี่เมฆคนเดิม (2)

ใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีพี่เมฆก็พาฉันมาที่ร้านแจ่วฮ้อนตามที่เขาบอก บรรยากาศภายในร้านเต็มไปด้วยผู้คนไม่ว่าจะเป็นพนักงานและลูกค้าที่เดินกันขวักไขว่ ซึ่งกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ก็คือนักศึกษาอย่างเช่นฉันและพี่เมฆนี่แหละ

อากาศเย็น ๆ หลังฝนตก ได้ซดน้ำซุปหอมร้อน ๆ ฉันว่ามันคือมื้ออาหารที่เลิศรสเป็นไหน ๆ ขอยกนิ้วโป้งให้พี่เมฆไปเลยว่าเขาเลือกร้านได้เยี่ยมยอดมาก ๆ ><

“แค่เดินเข้ามากลิ่นน้ำซุปก็ตีขึ้นจมูกแล้วค่ะ หอมข้าวคั่วด้วย ฮือพี่เมฆ ท้องเทียร้องไม่หวาดไม่ไหวแล้วล่ะค่ะ” ฉันพยายามกลั้นความอยากอาหารที่แม้จะรู้ดีว่ามันไม่ได้ผล เพราะสายตาของฉันตอนนี้สอดส่องมองแต่โต๊ะลูกค้าท่านอื่นที่มีของมากมายวางเรียงรายอยู่เต็มไปหมด ซึ่งจังหวะนั้นพนักงานของทางร้านก็เดินเข้ามาพอดิบพอดี

“จิ้มจุ่มชุดใหญ่หนึ่งชุด น้ำแข็งถังเล็กแล้วก็น้ำเปล่าขวดใหญ่ครับ”

“รับอะไรเพิ่มอีกไหมคะ”

“เท่านี้ก่อนครับ” สิ้นประโยคพนักงานก็เดินออกไปพร้อมกับป้ายเมนูที่ถือติดมือไปด้วย

บรรยากาศในร้านมีผู้คนมากมาย อาจจะเป็นเพราะอากาศแบบนี้เลยทำให้คนเลือกที่จะมากินร้านนี้กันเยอะ รวมไปถึงวันนี้ก็เป็นวันเปิดเทอมวันแรก ไม่แปลกที่หลายต่อหลายคนจะนัดแนะกันที่ร้านอาหารราคานักศึกษาแบบนี้

“พี่เมฆมาบ่อยเหรอคะ สั่งคล่องเชียว”

“ครับ พี่มากับเพื่อนบ่อย ๆ”

“ถึงว่าสิ พี่เมฆถึง...”

ครืด...ครืด...

เสียงเรียกเข้าดังขึ้นแทรกก่อนที่ฉันจะเอ่ยจนจบประโยค ฉันชะงักคำพูด หันขวับไปมองยังโทรศัพท์ที่วางอยู่ใกล้ ๆ บนหน้าโชว์แสดงชื่อของคนที่โทรมาก็ทำให้ฉันมีสีหน้าที่เรียบตึงไปโดยปริยาย

‘คุณแม่’ เป็นชื่อนี้ที่ขึ้นโชว์บนหน้าจอโทรศัพท์...

ฉันละสายตาขึ้นมองพี่เมฆชั่วครู่ หลังจากนั้นก็ตัดสินใจกดตัดสายที่โทรเข้ามาพร้อม ๆ กับเก็บมือถือเข้ากระเป๋าทันที ซึ่งแน่นอนว่าการกระทำเหล่านั้นอยู่ในสายตาของพี่เมฆทั้งหมด

“ไม่รับสายเหรอครับ” เสียงทุ้มเอ่ย เขามองฉันนิ่ง ๆ นัยน์ตามีแต่ความสงสัย แต่ฉันก็รู้ดีว่าคนอย่างพี่เมฆคงไม่ก้าวล่วงถามฉันอย่างแน่นอน

“ไม่ดีกว่าค่ะ โอ๊ะ...พี่เมฆระวังนะคะ พี่เขากำลังยกหม้อมาวาง” ฉันส่งยิ้มบาง ๆ แทนคำตอบ แต่แล้วในจังหวะนั้นพนักงานสองคนก็เดินมาเสิร์ฟอาหารพร้อมกับหม้อดินในเวลาเดียวกัน

“ถ้าไม่อิ่มสั่งเพิ่มได้นะเทีย มื้อนี้พี่เลี้ยงเอง”

“โหย ไม่เอาหรอก พี่เมฆจะมาเลี้ยงเทียได้ยังไง เทียจะเลี้ยงพี่เมฆเองค่ะ เทียเป็นคนรบกวนพี่เมฆนี่นา พี่เมฆอุตส่าห์เป็นไกด์ให้เทียอ่า มื้อนี้เทียขอเป็นเจ้ามือนะคะ” ฉันรีบออกปากปฏิเสธ ตั้งใจไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่ามื้ออาหารมื้อนี้ฉันจะเป็นเจ้ามือเลี้ยงเอง ฉันรบกวนเวลาของพี่เมฆ ให้เขามารับที่ตึกเรียน แถมยังให้พามากินข้าวอีก แล้วแบบนี้ฉันจะปล่อยให้พี่เมฆเป็นคนจ่ายเงินได้ยังไงกันล่ะ

“รบกวนอะไรกัน พี่เต็มใจครับ”

“โอเคค่ะ แต่ยังไงมื้อนี้เทียจะเป็นคนเลี้ยงเอง พี่เมฆค่อยเลี้ยงมื้อต่อไปแทนนะคะ เราจะได้เจอกันบ่อย...” ฉันชะงักคำพูดของตัวเองเมื่อเผลอหลุดความรู้สึกในใจออกมาโต้ง ๆ

ฉันเม้มริมฝีปากแน่น ก้มหน้าลงต่ำ ก่อนจะใช้ตะเกียบคีบเนื้อหมูและผักลงหม้อ โดยที่ไม่ปริปากเอ่ยคำใดออกมาสักคำต่อจากนั้น

“เป็นพรุ่งนี้ดีไหมครับ”

“คะ?” ฉันเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้า เพราะอยู่ ๆ พี่เมฆก็พูดขึ้นมาจนเกิดความสับสนในใจ

“เย็นพรุ่งนี้ว่างไหมครับ ไปกินข้าวกัน พี่เลี้ยงเอง”

“พรุ่งนี้...”

“ไม่สะดวกเหรอครับ”

“ปะ...เปล่าค่ะ ไม่ใช่แบบนั้น เทียแค่เกรงใจพี่เมฆน่ะค่ะ เทียกลัวว่าพี่เมฆจะมีธุระอย่างอื่นต้องทำ” ฉันเอ่ยเสียงแผ่วเบา ข้างในร้องดีใจแทบแย่แต่ก็มีความคิดบางอย่างที่สะกดกลั้นเอาไว้

ฉันเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงได้เป็นแบบนี้ ฉันมักจะมีความประหม่าและไม่มั่นใจอยู่เสมอ มีความเกรงใจ สับสน และลังเล ทุกอย่างล้วนอยู่ในหัวของฉันทั้งหมด

“พี่ว่างครับ พรุ่งนี้พี่เลิกเรียนบ่ายสอง หลังจากนั้นก็ว่างทั้งวันเลย แต่จะมีมะรืนนี้นี่แหละที่พี่ไม่ว่าง เพราะพี่ต้องสอนพิเศษน่ะ”

“พี่เมฆยังเป็นติวเตอร์อยู่เหรอคะ”

เพียงแค่ได้ยินก็ทำให้ฉันเบิกตากว้างตกใจ ผ่านมาหนึ่งปีกว่าแล้วพี่เมฆยังสอนพิเศษอยู่เหมือนเดิมอีกเหรอเนี่ย

“ครับ สอนเหมือนตอนที่พี่เคยสอนเทียเลย”

คำพูดของพี่เมฆทำให้เผลอยิ้มกว้างออกมาไม่รู้ตัว ฉันหวนนึกถึงตัวเองที่เคยเรียนกับพี่เมฆเมื่อหนึ่งปีก่อน ตอนนั้นฉันเรียนอยู่ชั้นมอหกส่วนพี่เมฆอยู่ปีสอง เราสองคนรู้จักกันในฐานะผู้เรียนและผู้สอน จวบจนเวลาล่วงเลยไปสามเดือนก็ทำให้เราสองคนเริ่มสนิทกัน

นอกจากพี่เมฆจะเป็นติวเตอร์ให้กับฉันแล้ว เรียกได้ว่าเขาเองก็เหมือนกับพี่ชาย เพื่อน และที่ปรึกษาส่วนตัวของฉันคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะไม่ว่าจะมีเรื่องไม่สบายใจหรือสิ่งรบกวนอะไร พี่เมฆนี่แหละที่จะคอยรับฟังฉันอยู่ตลอด

“เทียอยากกลับไปเป็นลูกศิษย์ของติวเตอร์พี่เมฆจังเลยค่ะ เรียนกับพี่เมฆแล้วสนุก ไม่น่าเบื่อด้วย โอ๊ะ...จริงสิ! เทียลืมอวดเลย เทียสอบแกทได้สองร้อยเก้าแปดสิบคะแนนเลยนะคะพี่เมฆ เป็นเพราะติวเตอร์พี่เมฆล้วน ๆ เลย” พอพูดถึงการสอนก็ทำให้ฉันนึกถึงคะแนนสอบขึ้นมา

พี่เมฆจะรับหน้าที่เป็นคนสอนโอเน็ตวิชาสังคมศึกษา และวิชาแกทพาร์ทภาษาไทยให้กับฉัน ซึ่งแน่นอนว่าคะแนนที่ได้มาล้วนแต่มีผลมาจากการเรียนการสอนของพี่เมฆทั้งนั้น

“เทียเก่งอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวกับพี่สักหน่อย”

“พี่เมฆยังเหมือนเดิมเลยนะคะ พี่เมฆน่าจะจำได้น้าว่าตอนนั้นเทียทำโจทย์แกทเชื่อมโยงไม่ได้เลยสักข้อ เทียจำได้ว่าวันแรกที่เริ่มเรียน ตลอดสามชั่วโมงพี่เมฆสอนเทียทำโจทย์ได้แค่ข้อเดียวเอง” เสียงเอ่ยปนขำเจือไม่ขาดสาย พอนึกย้อนกลับไปก็ยังทึ่งกับตัวเองเหมือนกันที่สามารถทำคะแนนสอบออกมาได้ดีเกินคาด

แล้วจะไม่ให้ฉันยกเครดิตให้กับติวเตอร์พี่เมฆคนนี้ได้ยังไงกันล่ะ...

“แล้วโอเน็ตล่ะ วิชาสังคม คะแนนเป็นยังไงบ้างครับ”

“โห...ผ่านครึ่งมาหนึ่งคะแนนเองค่ะพี่เมฆ วิชานี้ยากจริงเทียรู้ซึ้งแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่ทุกปีไม่เคยมีใครทำคะแนนเต็มได้เลยสักคน” จากเสียงดังเจื้อยแจ้วก็อ่อนกำลังลงเมื่อพูดถึงคะแนนโอเน็ตของวิชาสังคมศึกษา

วิชานี้เรียกได้ว่าปราบเซียนที่สุดสำหรับฉัน เพราะโจทย์วิชานี้มักจะเป็นข่าวสังคมทั้งในและต่างประเทศ โจทย์จะเปลี่ยนผ่านไปทุก ๆ ปี แล้วไอ้เรื่องความรู้รอบตัวหรือกระแสสังคมฉันเองก็ไม่รู้เรื่องด้วยนี่สิ ไม่แปลกใจเลยที่ฉันจะทำคะแนนได้แค่ห้าสิบเอ็ดเต็มหนึ่งร้อยน่ะ

“เท่านี้ก็เก่งแล้วครับ”

“พี่เมฆอย่าชมเทียเยอะสิคะ เดี๋ยวเทียก็เหลิงหรอก” ฉันมุ่ยหน้าใส่พลางคีบตะเกียบตักของในหม้อมาใส่ถ้วยของตัวเองและพี่เมฆ

อาหารที่ตั้งวางอยู่ตรงหน้าตอนนี้เหมือนกับเป็นเพียงฉากประกอบเท่านั้น เพราะตั้งแต่ก้าวเข้ามาในร้านฉันก็พูดพร่ำอย่างเดียว จนพานลืมความหิวไปโดยปริยาย

“แล้วนี่เทียสนิทกับเพื่อนบ้างหรือยังครับ”

“สนิทแล้วค่ะ เทียมีเพื่อนผู้หญิงสองคนที่รู้จักกันตอนรับน้อง ชื่อพัชชากับฟักแฟงค่ะ ไว้ว่าง ๆ เทียจะพามารู้จักนะคะ”

“ครับ พี่เองก็ยังกลัวว่าเทียจะเหงานี่แหละ”

“แหะ...เทียเองก็กังวลเหมือนกันแหละค่ะ แต่โชคดีที่ตอนรับน้องได้รู้จักคนเยอะ จนได้สนิทกับเพื่อนสองคนนี้นี่แหละค่ะ”

ตอนแรกฉันเองก็แอบกังวลเรื่องการปรับตัวเข้าสู่สังคมใหม่เหมือนกัน รับรู้นิสัยของตัวเองว่าเป็นคนประหม่าและวิตกได้ง่าย ๆ ฉันไม่ค่อยมีความมั่นใจที่จะเข้าหาใครสักเท่าไหร่ แต่ก็โชคดีมาก ๆ ที่กิจกรรมในวันรับน้องทำให้ฉันได้รู้จักกับเพื่อนสองคนที่ตอนนี้ฉันสนิทสนมมากที่สุด

“อ้อ...พี่เมฆคะ พี่พอจะรู้จักร้านขายมอเตอร์ไซค์บ้างไหมคะ เทียอยากซื้อมาใช้ตอนไปเรียนน่ะค่ะ แล้วก็เวลาออกไปไหนมาไหนจะได้สะดวกด้วย”

“แล้วเทียขับเป็นหรือเปล่า เคยลองบ้างไหม”

ฉันรีบส่ายหน้าหวือจนเรือนผมสยายไปมา ฉันไม่เคยลองขี่ ไม่เคยลองสัมผัส เคยแต่นั่งซ้อนท้ายเท่านั้นแหละ แต่ในเมื่อมันมีความจำเป็นฉันเองก็ควรที่จะเรียนรู้เอาไว้ เพราะตอนนี้ฉันออกมาใช้ชีวิตด้วยตัวเองแล้ว อยู่คนเดียว ดูแลตัวเองคนเดียว ฉันก็ต้องปรับตัวและทำทุกอย่างให้เป็นเพื่อที่จะใช้ชีวิตโดยไม่ต้องพึ่งพาใครอีก

“แหะ ไม่เคยค่ะ แต่เทียว่าเทียจะไปเรียน มันจำเป็นนี่นา ความจริงแล้วเทียนั่งพี่วินมาเรียนได้แหละค่ะ แต่เทียอยากซื้อไว้เผื่อมีเรื่องฉุกเฉินอะไรแบบนี้น่ะค่ะ เผื่อต้องรีบไปหาเพื่อน รีบไปทำธุระ หรืออยากซื้อของตอนดึก ๆ อะไรทำนองนี้”

“ถ้างั้นเทียบอกพี่ได้ตลอดเลย พี่จะพาเทียไปเองครับ”

“ค่ะ...คะ?” ฉันถึงกับสะดุดกึก คำพูดที่พี่เมฆเอ่ยออกมาไม่ได้มีท่าทีหยอกเย้าหรือล้อเล่นเลยสักนิด

“แค่โทรมาพี่ก็จะมารับครับ โทรได้ตลอดเลย พี่เต็มใจ”

ตึกตัก ตึกตัก

ให้ตาย...ทำไมรู้สึกเหมือนกำลังโดนจีบหรือว่าถูกสารภาพรักยังไงไม่รู้ ตอนนี้ฉันกำลังขัดเขินจนรู้ตัวเองเลยว่าใบหน้าแดงซ่านยิ่งกว่าลูกแตงโมซะอีก!

พี่เมฆได้โปรดอ่อนโยนกับหัวใจของเทียน่าคนนี้ด้วยเถอะค่ะ พี่คงยังไม่รู้ว่าเทียชอบพี่มาตั้งแต่ยังเป็นลูกศิษย์ตัวน้อย ๆ เมื่อหนึ่งปีก่อนแล้ว

“แต่...แต่เทียเกรงใจ กลัวว่าจะรบกวนพี่เมฆด้วย”

“งั้นเอางี้ ถ้าพี่ว่างพี่ก็จะไปรับ ถ้าพี่ไม่ว่างหรือไม่สะดวกพี่จะบอกเทียแล้วกันครับ แต่ยังไงก็บอกพี่ก่อนนะ บอกพี่เป็นคนแรกนะเทีย”

“…” ฉันถึงกับพูดไม่ออก ตอนนี้ทั้งเขินทั้งอายจนไม่กล้าสู้หน้า

เริ่มไม่อยากได้รถมาใช้แล้วสิ อยากซ้อนท้ายพี่เมฆไปตลอดเลยได้ไหมล่ะเนี่ย ฮื่อ...เกรงใจจัง TWT

“เทีย เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมเงียบไปล่ะ”

“ปะ...เปล่าค่ะ ขอบคุณพี่เมฆมากนะคะ ใจดีกับเทียตลอดเลย พี่เมฆตอนนั้นกับพี่เมฆตอนนี้ไม่มีอะไรที่เปลี่ยนไปเลย พี่เมฆใจดีกับเทียเสมอ ขอบคุณนะคะพี่เมฆ”

“พี่ก็ใจดีแค่กับเทียคนเดียวนั่นแหละ”

“อะ...เอ๋? พี่เมฆว่าไงนะคะ” ฉันขมวดคิ้วและทวนถามพี่เมฆอีกครั้ง ได้ยินชัดเจนอยู่นะแต่ก็ไม่กล้าปักใจว่าสิ่งที่ได้ยินนั้นไม่ใช่อาการหูเพี้ยนหูฝาดไปหรือเปล่า

“เปล่าครับ ไม่มีอะไรครับ”

คำตอบพี่เมฆทำให้ฉันได้แค่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ แฝงซ่อนมันเอาไว้ใต้รอยยิ้มและใบหน้าแดง ๆ ของความเขินอาย ที่บ่งบอกได้อย่างชัดว่าฉันหวั่นไหวให้กับพี่เมฆคนนี้อีกครั้ง

อีกครั้งและอีกครั้ง...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel