บทที่ 10 : ผู้ร่วมอุดมการ
ระหว่างตบตีกับระบบในความคิดก็เกิดเรื่องขึ้นตามเนื้อเรื่อง มีนักฆ่าเข้ามาแล้ว เสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นมาเป็นสัญญาณแล้ว
สายฟ้าแสยะยิ้มเหี้ยม
“เอลเดน รีลิน่า เสียงนี้ไม่ใช่สัญญาณที่ดี กลับไปเกาะกลุ่มกับพวกท่านออทัมกันเถอะ” สายฟ้าเอ่ยสีหน้าจริงจัง ดวงตาสีเขียวมรกตคมกริบขึ้นมาทันที สัญชาตญาณของทั้งคู่รับรู้ถึงความรู้สึกอันตรายจากร่างของสายฟ้าอย่างชัดเจนจนแทบหายใจไม่ออก
ท่านเฟรย์ของพวกเขามีรังสีอันตรายและกดดันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
“ไม่ได้ยินที่ผมสั่งเหรอ?” น้ำเสียงที่เอ่ยก็ติดจะราบเรียบด้วย
“รับทราบ” พวกเขาตอบรับและรีบวิ่งไปโดยมีสายฟ้ารั้งท้าย
ในระหว่างวิ่งไปรวมกลุ่มเสียงร้องยังคงดังระงม เสียงต่อสู้อย่างดุเดือดดังขึ้นตามด้วยเสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราด กลิ่นคาวเลือดที่แตกต่างจากกลิ่นเลือดสัตว์ลอยเข้ามาในจมูก สายฟ้าสูดกลิ่นนั้นเข้าไปเต็มปวดแล้วยิ่งคึกคัก ร่างกายตื่นตัวมากขึ้นเรื่อยๆ
จนกระทั่งมารวมกลุ่มกับออทัมได้สำเร็จ พวกเขากำลังต่อสู้กับพวกชายชุดดำซึ่งเป็นนักฆ่า โฮสต์เองก็รู้อยู่แล้วกับเหตุการณ์นี้ก็ตามประกบปกป้องพระเอกไม่ห่าง นี่เป็นจังหวะการทำคะแนนเพิ่มค่าความสัมพันธ์นี่นะ
นักฆ่าเมื่อเห็นนักเรียนมาสมทบก็เข้ามาโจมตีเช่นกัน มีหลายคนที่เพิ่งมาก็เข้ามารุมล้อม สายฟ้าที่ตื่นตัวเต็มที่แสยะยิ้มกว้าง รังสีความเป็นตัวร้ายระดับลาสท์บอสฉายชัด ดาบเรเปียร์คู่มือของเธอถูกชักออกจากฝักเป็นครั้งแรก แต่ฝีมือการต่อสู้กับเหี้ยมหาญตรึงสายตาทุกคนที่อยู่ที่นี่จนต้องหยุดชะงัก
ปลายดาบแหลมคมแทงเข้าจุดตายของศัตรูอย่างแม่นยำ ตวัดฟาดฟันเส้นเอ็นและเส้นเลือดใหญ่จนเลือดศัตรูสาดกระจายราวกับสายฝน เสียงร้องโหยหวนประกอบกับกลิ่นคาวเลือดและเพลิงเวทเผาทำลายซากศพของเทพสงครามหน้างดงามที่ยืนแสยะยิ้มอยู่ตรงหน้า ไม่ต่างอะไรกับภาพวันโลกาวินาศเลยสักนิด
แข็งแกร่ง... งดงาม... และน่ากลัว
เฟรย์ที่แสนร้ายกาจตรงไปตรงมาแบบน่ารักน่าเอ็นดูในสายตาของออทัมเปลี่ยนไปแล้ว ตอนนี้ได้กลายเป็นอะไรสักอย่างที่ยกระดับขึ้นสูงในใจของเขา ใจเต้นระรัวจนแทบคลุ้มคลั่ง
“ยืนบื้ออะไรกันอยู่วะครับ! ส่งสัญญาณเรียกอาจารย์กันเดี๋ยวนี้!”
เสียงตะคอกจากร่างสูงตรงหน้าทำให้หลายคนได้สติ ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือออกไป จำนวนนักฆ่าเหล่านี้ถึงพวกเขาจะสามารถรับมือได้แต่มันก็ไม่ทั้งหมดหรอก
“ท่านเฟรย์!” เอลเดนและรีลิน่าผู้ไม่เคยเห็นเฟรย์ลงมือต่อสู้ตะโกนเรียกด้วยความเป็นห่วง แต่สายฟ้าไม่สนใจยังคงพุ่งตัวออกไปโจมตีนักฆ่าตรงหน้า เสียงนุ่มละมุนกว่าปกติเอ่ยกับพวกเขา
“รักษาตัวให้ดีเอลเดน รีลิน่า และฝากทางนี้ด้วย ผมจะไปช่วยคนอื่น”
“ไม่นะท่านเฟรย์!”
“จะไปไหนเฟรย์!” แม้แต่ออทัมยังไม่อยากให้สายฟ้าไป แต่ที่ตรงนี้ไม่มีใครหยุดยั้งสายฟ้าได้ การใช้เวทมนต์อันละเอียดอ่อนเพิ่มความเร็วและพละกำลังของสายฟ้าขึ้นสูงหายไปจากสายตาพวกเขา...
กว่าทุกคนจะเห็นเฟรย์อีกครั้งก็เหลือเพียงร่างกายชุดนักเรียนเปื้อนเลือดที่ไม่สมประกอบ ไร้ศีรษะและมีดาบประจำตัวของเขาที่ปักคาร่างเอาไว้...
เฟรย์ มาริสฟิลล์ เสียชีวิตแล้ว
ร่างสูงโปร่งในชุดคลุมดำและหน้ากากสีเงินเดินออกจากป่าไปอีกด้านหนึ่งอย่างเงียบเชียบ ริมฝีปากอมชมพูคลี่ยิ้มสนุกสนาน ไม่มีใครพอใจไปกับการตายของเฟรย์ มาริสฟิลล์มากไปกว่าคนๆ นี้อีกแล้ว
ซึ่งก็คือตัวสายฟ้าเองนี่แหละ
ลอกคราบเปลี่ยนตัวตนด้วยการเอาศพนักเรียนหญิงสักคนที่มีรูปร่างเหมือนกันมาเป็นตัวแทนแล้วตัดหัวอีกฝ่ายไปทำลายทิ้ง จากนั้นทิ้งอาวุธประจำตัวและป้ายประจำตัวไว้เป็นหลักฐานว่าร่างนั้นคือเฟรย์ก็พอที่จะตบตาใครต่อใครแล้ว เพราะร่างกายเฟรย์ไม่มีตำหนิอะไรเด่นชัดนอกจากเพศ และยุคสมัยที่ไม่มีวิทยาการแพทย์ที่ตรวจสอบ DNA เพื่อพิสูจน์ตัวตนมันง่ายมากที่จะสลับตัว
ตอนนี้แผนก็ไปอีกขั้นแล้ว ต่อไปก็เข้าสู้แพตช์สงคราม...
“กำลังจะไปไหนฮันนี่”
“หืม?” สายฟ้าหันขวับไปมองเจ้าของเสียง เห็นชายหนุ่มผมสีน้ำเงินและดวงตาสีฟ้าใสที่คุ้นเคยยืนกอดอกทำหน้าบึ้งอยู่ตรงหน้าเธอ
ชินเพ เซดัสท์!?
อ้าว เอ๊ะ? ไหงพ่อเจ้าประคุณมาอยู่ตรงนี้ได้ล่ะเนี่ย
“เราถามว่ากำลังจะไปไหน” เสียงที่เอ่ยขึ้นอีกครั้งเต็มไปด้วยความกดดันคาดคั้น สายฟ้าเลิกคิ้วมองแล้วยิ้มยั่วเย้า
“ท่านกำลังพูดถึงใคร?”
“ฮันนี่อย่าเล่นลิ้น เราจำฮันนี่ได้ไม่มีทางผิดตัวแน่ ไม่ว่าจะเสียง ใบหน้า แววตา สัดส่วนหรือกระทั่งกลิ่นกาย!”
“โอ้โห...”
[โอ้โห โรคจิตมากครับ สหายบั๊กของมาสเตอร์สายฟ้านี่อัปเกรดความโรคจิตมาจากไหนกันมาสเตอร์สายฟ้ายังไม่ขนาดนี้เลยนะ จำได้ยันกลิ่นตัว หมาอายอ่ะครับบอกเลย]
อันนี้เห็นด้วยกับระบบ เป็นครั้งแรกที่ความคิดเราตรงกัน
“ฮันนี่ทำไมต้องทิ้งเรา... ไม่พอใจอะไรเราก็บอกเราพร้อมปรับปรุงตัว แต่อย่าหายไปแบบนี้ อย่าแกล้งตายหนีเรา หรือจะโกรธเรื่องข่าวลือ ฮันนี่ เราขอโทษเรื่องข่าวลือนั่นก็ได้ ฮันนี่... เห็นใจเราเถอะ ใจเราทำเพื่อฮันนี่ทั้งนั้น”
“ฮะ? ข่าวลือ...” สายฟ้าขมวดคิ้ว ไม่รู้อะไรล่ะข่มขู่ไว้ก่อนแล้วกัน “ฝีมือนายสินะ สารภาพมาเลยชินว่าอะไรไปบ้าง! ไม่งั้นก็ไสหัวไป”
“ไม่ๆ ไม่เอาครับ จะสารภาพแล้ว ฮันนี่อย่าโกรธ เราผิดเรื่องข่าวของออทัมและผิดเองที่ขยายข่าวลือของเรากับฮันนี่ เราแค่... เราแค่หึงหวง...”
ชายหนุ่มหล่อเหลากัดริมฝีปากตัวเองเกือบห้อเลือด ช้อนตาขึ้นมองด้วยตาเริ่มแดงระเรื่อ ท่าทางน่าข่มเหงรังแกจนใจคันยิบๆ มาก หนุ่มหล่อเหลาเหลือเพียงกวางน้อยที่น่าจับกิน ต่อมซาดิสต์เต้นระริกไปหมดแล้ว
สติสายฟ้าจงอย่าเพิ่งเตลิด กลับมา!
“อ้อ ก็ไม่ได้ซีเรียสนะ” สายฟ้าตอบก่อนจะปลดหน้ากากออก ความจริงก็ไม่ได้โกรธอะไรเลยหากสหายบั๊กจะจับแผนของเธอได้ แต่ก็ผิดแผนอยู่ดี “แค่ข่มขู่ไปงั้นแหละ ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้น ฉันคันหัวใจไปหมดแล้วเนี่ย”
รู้ไหมว่าพยายามข่มใจขนาดไหนตอนนี้ สายฟ้าอยากข่วนประตูระบายความอัดอั้น
“ฮันนี่ไม่โกรธเรางั้นเหรอ? ไม่ได้รังเกียจเรานะ?”
“ไม่ได้รู้สึกอะไรเลยดาร์ลิง พอใจยัง”
“...”
ใบหน้าของชินเพบิดเบี้ยวเล็กน้อย ไม่รู้จะฟินหรือจะเศร้า พอใจกับคำว่าดาร์ลิงแต่คนพูดดันไม่ได้รู้สึกอะไรเลย!
นี่เขาไม่มีค่าพอให้ฮันนี่ต้องใส่ใจเลยเรอะ
“ว่าแต่ทำไมชินหาตัวกันเจอได้นะ ทั้งที่คิดว่าแนบเนียนแล้วแท้ๆ”
อุปกรณ์แปลงกายนี้เตรียมมาจากในเมือง แต่หน้ากากนี่ใช้แต้มซื้อมาจากไอเทมมอลล์ มันคือสิ่งประดิษฐ์เวทมนต์ระดับยูนิคที่เป็นขั้นสูงสุดของสิ่งประดิษฐ์ทั้งมวล มีความสามารถในการลบกลิ่นอาย ปกปิดตัวตนและบิดเบือนสัมผัส ถ้าไม่ใช่สิ่งประดิษฐ์ระดับเดียวกันก็คาดว่าไม่มีใครหาตัวเฟรย์เจอได้...
“เรามีสิ่งประดิษฐ์ค้นหา” ชินเพหยิบจานกระจกที่กรอบสลักด้วยอักษรสีทองเป็นภาษาเวทเอาไว้ขึ้นมา “นี่เป็นสิ่งประดิษฐ์ระดับยูนิค เราจึงหาฮันนี่เจอ”
เออ ยังมีสิ่งประดิษฐ์ระดับยูนิคในครอบครองอีกแน่ะ
นี่มันตัวประกอบบ้าบออะไร ทำไมมีของแบบนั้นในครอบครองได้วะเนี่ย ระบบเซาน์บั๊กได้ผิดปกติเกินไปแล้ว โฮสต์ยังไม่มีอะไรซัพพอร์ตเท่านี้เลยนะเว้ย ส่วนเธอกว่าจะล่าคะแนนมาซื้อของนี่ก็ต้องแสดงความซาดิสม์ไปทั้งเท่าไหร่ ขี้โกงว่ะ!
เห็นสีหน้าสายฟ้าที่กัดฟันกรอดเหมือนโกรธแค้นชินเพก็กระวนกระวายใจ รีบเอ่ยแก้ตัวเหมือนกลัวถูกโกรธมากกว่านี้
“ฮันนี่อย่าหาว่าเราละลาบละล้วง เราแค่เป็นห่วงเท่านั้น เพราะฮันนี่พูดเป็นลางไม่ดีไว้ก่อนหน้านี้ก็เลย...”
เอ๊า ที่เป็นอย่างนี้เพราะความปากเปราะของตัวเองหรอกเรอะ
ผิดแผนไปเพราะตัวเองล้วนๆ โทษใครไม่ได้ละ เออ ความผิดระบบวายร้ายแล้วกัน
[มาสเตอร์สายฟ้าทำไมโบ้ยให้กันอย่างนี้...]
สำนึกผิดไปเงียบๆ ซะระบบ
[...]
“ช่างเถอะ ชินรู้ก็ไม่น่าเสียหาย แต่ก็ผิดแผนเหมือนกัน” สายฟ้ากลอกตาไปมาอย่างครุ่นคิด “ชินก็กลับไปมหานครกลางเสียเถอะ แล้วก็อย่าได้เอาเรื่องนี้ไปบอกใคร เราจะออกเดินทางไปประเทศข้างเคียง”
“ไปทำไม?” ชินเพถามเสียงเข้มขึ้น เหมือนจะจับเค้าลางอะไรบางอย่างได้ แต่ยังคาดเดาไม่ถูก
“ไปเพื่อเป็นนายทัพของสงครามระหว่างสองประเทศยังไงล่ะ” สายฟ้าตอบอย่างไม่ปิดบัง ยังไงก็ไม่กลัวว่าอีกฝ่ายจะเอาเรื่องของเขาไปบอกอยู่แล้ว ถึงบอกไปก็ไม่ได้อะไรอีกเหมือนกัน ไม่มีทางที่ทางพระเอกและโฮสต์จะเตรียมการรับมือกับเธอทันอยู่แล้ว
ทุกอย่างมันเดินมาถึงทางที่แก้ไขอะไรไม่ได้แล้วล่ะ
“ทำไปทำไมน่ะ ฮันนี่อยากให้ประเทศของตนล่มสลายงั้นเหรอ?” ชินเพขมวดคิ้ว ไม่ได้รู้สึกไม่ชอบใจเขามีแต่ความสงสัย
“ใช่แล้ว เพราะฉันต้องการให้ล่มสลาย ให้โลกนี้พังทลาย... เพื่อใครบางคน”
“เพื่อออทัม?”
“จะเป็นไปได้ไง ไม่ได้ชอบเขาจริงๆ ซะหน่อย” สายฟ้าเลิกคิ้วสูง ตอบด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะเย้ยหยัน “เพื่อดีลักซ์ ดูรัมเฮลต่างหากล่ะ”
“ฮะ?”
“เพื่อมอบโลกที่ล่มสลาย มอบความทุกข์ระทมอันแสนสาหัส มอบความสิ้นหวังอันไม่สิ้นสุดแล้วให้เขาจากโลกนี้ไปอย่างเวทนานั่นคือความปรารถนาของเรา... เอ่อ โทษที อาจจะดูโรคจิตไปหน่อยแต่มันเป็นหน้าที่น่ะนะ”
“ใครเป็นคนกำหนดหน้าที่อันโหดร้ายแบบนั้นให้ฮันนี่ของเรา” ชินเพมีใบหน้าทะมึน รู้สึกแค้นเคืองคนที่มอบหมายหน้าที่อันสาหัสไว้กับฮันนี่ของเขา
เฟรย์เหมาะกับการอยู่อย่างสุขสบายไร้กังวล ทำตัวร้ายกาจเอาแต่ใจเล็กๆ น้อยๆ ต่อไปเรื่อยๆ ไม่ควรที่จะลงมือทำอะไรโหดเหี้ยมแบบนี้เลย เขาไม่อยากให้มือบอบบางคู่นั้นเปื้อนคาวเลือดสักนิด
ถ้าระบบและสายฟ้าได้ยินความคิดเขาคงเกิดสำลักน้ำลายตายคู่
ตัวตนอย่างสายฟ้ามันจะไปเหมาะกับอะไรบอบบางได้ยังไง เพ้อเจ้อ! ทุกวันนี้โฮสต์ก็เหมือนใช้แต้มบุญทั้งชีวิตเพื่อหลีกเลี่ยงความซาดิสม์ของสายฟ้าแล้ว หากพวกเขาได้รับรู้แผนการอันบรรเจิดในสมองแต่ละอันที่ไว้ทารุณโฮสต์แต่ไม่มีโอกาสได้ใช้จริง รับรองได้เลยว่ามันจะบันเทิงจนต้องร้องขอชีวิตแน่
สายฟ้าหัวเราะฮึแล้วไหวไหล่ตอบเขาอย่างไม่จริงจัง
“คนกำหนดหน้าที่... ก็ซาตานไงล่ะ”
เพราะพระเจ้าของระบบเซาน์ทำงานผิดพลาด เหล่าซาตานพันธมิตรโปรแกรมเมอร์จึงส่งตัวโกงสุดโฉดและโหดเหี้ยมมาเก็บกู้โฮสต์กลับไปนี่ไง
“เฟรย์ เราจริงจังนะ” ชินเพไม่ยิ้มแล้ว เขาเครียดมาก แต่สายฟ้ายังคงนิ่งเฉยเหมือนไม่ได้จริงจังเลย ความจริงมันไม่มีอะไรให้จริงจังนั่นแหละ
“ฉันบอกไม่ได้ แต่นายก็คิดเสียว่าเป็นซาตานเถอะ อย่างน้อยพฤติกรรมของพวกเขาก็เหมือนซาตานแหละนะ”
แบบว่าปล่อยปีศาจโรคจิตมาตบตีโฮสต์เนี่ย นับว่าใจทรามไม่ธรรมดาพอกันทั้งทีมผู้สร้างและทีมปฏิบัติการณ์เลย เรียกเป็นท่านเทพอาจมีคนหัวเราะจนตายได้เชียวละ
ชินเพสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เหมือนตั้งสติ แววตามั่นคงเหมือนตัดสินใจอะไรได้แล้ว เขาเดินเข้ามาจับมือของสายฟ้าไว้ เอ่ยถ้อยคำที่สายฟ้าไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากใครเลยในโลกนี้ จนหัวใจวายร้ายสั่นไหวเบาบาง
“ถ้าซาตานกำหนดหน้าที่แบบนั้นให้เฟรย์ เราเองก็จะร่วมแบกรับหน้าที่นั้นไว้ด้วย ไม่ว่าจะทำให้โลกนี้ล่มสลายหรือเป็นที่เกลียดชังของผู้คน เราก็จะทำมันไปพร้อมกับเธอ เราสัญญา”
“...อ้อ โอเค ก็ดี”
สายฟ้าพยักหน้ารับหงึกๆ ด้วยความมึนเบลอ
[มาสเตอร์สายฟ้าได้รับสหายบั๊กมาร่วมอุดมการณ์ 1 EA]
