บท
ตั้งค่า

Episode 06: รหัสโค้ด ‘V’[2/1]

ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยโกรธใครหัวฟัดหัวเหวี่ยงขนาดนี้มาก่อน ไม่ใช่แค่โกรธด้วย เหมือนจะเริ่มเข้าขั้นเกลียดแล้ว ปกติแค่เห็นหน้าไอ้เถาวัลย์บ้านั่น เจ้าอรุณก็หงุดหงิดเอาได้ง่ายๆ แต่พอมาถูกทำอย่างนี้ แทบไม่ต้องบอกเลยว่าเขาอยากฆ่าอีกฝ่ายแค่ไหน

เผาดีไหม? หรือจะเอาขวานจาม จะได้หมดเรื่อง!

ระหว่างนั่งสงบสติอารมณ์ก็เอาแต่คิดถึงวิธีกำจัดมนุษย์เถาวัลย์เป็นพัลวัน ดีที่พอเริ่มใจเย็นลงได้ความคิดนั้นก็อันตรธานหายไป ไม่อย่างนั้นล่ะก็เขาได้ขึ้นหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งในฐานะฆาตรกรใจโหดเป็นแน่

แต่มันก็น่าโมโหจริงๆ แหละ ต่อหน้าคนหมู่มากขนาดนั้น มาทำกับเขาอย่างนี้ได้อย่างไร มันไม่ใช่แค่เรื่องไม่มีกาลเทศะไร้มารยาท แต่เป็นเรื่องของการทำให้เขาเสียหน้า ถ้าเกิดคนพวกนั้นรู้ขึ้นมา นอกจากเขาจะต้องมานั่งตอบคำถามว่าเดวีเป็นตัวอะไรแล้ว เขายังจะต้องถูกโจษจันนินทาไปอีกไม่รู้จบอย่างไม่มีข้อสงสัย

นี่สินะที่มาของคำว่าเล่นไม่รู้เรื่อง!

ทว่าสุดท้ายการนำเสนองานก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีเมื่อโจเซและคณะผู้ฟังกลับมาในช่วงบ่าย ตลอดบ่ายคนตัวการก็นั่งจ๋อยสนิท พยายามส่งสายตาวิงวอนให้เจ้าอรุณรู้ว่าตัวเองสำนึกผิดแล้ว แต่มันไม่ได้ผลอะไร เจ้าอรุณไม่แม้แต่จะสบตาอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ มองผ่านเลยไปประหนึ่งอากาศธาตุก็ไม่ปาน ซ้ำร้ายตอนเลิกงานก็ไม่คุยกับเดวีอีก

จะว่าไม่คุยก็ไม่เชิง เรียกว่าไม่อยากเสวนาด้วย แต่มีพูดด้วยอยู่ประโยคหนึ่ง...

“นายกับฉันต่อจากนี้เราขาดกัน จะไสหัวไปไหนก็ไป ห้องฉันไม่ใช่สถานสงเคราะห์”

ความหมายตรงๆ ก็คือห้ามให้ตามเจ้าอรุณกลับห้องนั่นแหละ เดวีจะไม่ฟังเหมือนที่ผ่านมาก็ได้ แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงไม่อยากทำให้เจ้าอรุณโกรธไปมากกว่านี้

อาจเป็นเพราะเจ้าอรุณเป็นคนเดียวที่ดูแลเขาตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ก็ได้ ถึงการดูแลมันจะไม่ได้มาจากความเต็มใจสักเท่าไหร่ก็เถอะ

ความจริงแล้วจะว่าเดวีเชื่อฟังมันก็ไม่ถูกนัก ถูกสั่งห้ามตามกลับมาแต่ก็อดไม่ได้ เขาไม่รู้จะไปไหนนี่นา ในเมื่อไม่มีที่ไปก็ต้องกลับมาที่นี่ ทว่ามาก็เท่านั้น เขาเข้าไปในตัวอพาร์ตเม้นต์ได้เสียที่ไหน ไม่มีคีย์การ์ดน่ะ ปกติแล้วเวลาจะเข้ามาในตัวอพาร์ตเม้นต์ก็มาพร้อมกับเจ้าอรุณทุกครั้ง ตอนนี้ก็เลยได้แต่ป้วนเปี้ยนอยู่ตรงด้านหน้าไปมา

ไม่ใช่หน้าอพาร์ตเม้นต์หรอก เป็นบริเวณข้างๆ อพาร์ตเม้นต์ซึ่งมีระเบียงห้องของเจ้าอรุณอยู่ต่างหาก

วนเวียนป้วนเปี้ยนจนดึกดื่น เจ้าอรุณที่เพิ่งจัดการอาบน้ำอาบท่าเสร็จเอะใจขึ้นมาอย่างประหลาดที่เห็นว่าเดวียอมเชื่อฟังเขาง่ายๆ คนอย่างนั้นไม่น่าจะยอมแพ้อะไรง่ายอย่างนี้ ก่อนจะสังหรณ์ใจ เดินไปชะโงกหน้ามองตรงประตูระเบียงพลันสายตาก็เห็นร่างของผู้ชายตัวโตยืนพิงอยู่บริเวณรั้วของอพาร์ตเม้นต์

นั่นไง ต่างจากที่คิดเสียที่ไหน ไม่ยอมไปง่ายๆ หรอก

ไม่ยอมไปก็ไม่ต้องไป แค่ทำเป็นไม่สนใจก็พอแล้ว

เจ้าอรุณกระชากผ้าม่านปิดประตูกระจกตรงระเบียง กลับมานั่งจุ้มปุ๊กที่โต๊ะทำงาน อ่านวิจัย ทำโน่นทำนี่อยู่พักใหญ่ก่อนจะเสียสมาธิเมื่อหูทั้งสองข้างได้ยินเสียงดังซ่าๆ มาจากด้านนอก

ฝนตก...

ไม่ต้องไปเปิดผ้าม่านดูก็รู้แล้ว เขาเบนใบหน้าที่หันไปทางระเบียงกลับมาทำท่าจะทำสิ่งที่ค้างคาไว้ต่อ ทว่าก็ไม่มีสมาธิอย่างในตอนแรกเลยเมื่อจู่ๆ หัวของเขาก็มีภาพใบหน้าของเดวีลอยไปลอยมาไม่หยุดจนในที่สุดก็ต้องวางมือบนโต๊ะเต็มแรงดังปังอย่างหัวเสียจนได้

บ้าเอ๊ย จะเป็นห่วงหมอนั่นทำไม ฝนตกแค่นี้ไม่ตายหรอก!

ไม่ตายแต่ทำใจเขาพะวักพะวง ถ้าฝนไม่ตก เดวีที่ไร้ที่ซุกหัวนอนก็ยังพอจะนอนข้างถนนได้ แต่พอฝนตกอย่างนี้ต้องลำบากแน่ ถึงจะคิดว่าเดี๋ยวเดวีก็คงไปหาที่หลบฝนเอง ทว่าก็อดไม่ได้ที่จะลุกจากเก้าอี้ ตรงไปแง้มผ้าม่านที่ระเบียงมองหาเถาวัลย์หนุ่มอีกครั้ง

พอเห็นว่าเดวียังคงยืนอยู่ที่เดิม ต่างจากเดิมเล็กน้อยตรงที่ตากฝนจนตัวเปียกม่อล่อม่อแล่ก เจ้าอรุณก็จึ๊ปากขัดใจทันควัน

บัดซบจริงๆ คิดว่าเป็นพระเอก MV หรือไง!

สบถด่าในใจแต่ตัวนี่รีบเดินดุ่ยๆ ไปคว้าร่มเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คว้าเสร็จก็พุ่งออกจากห้อง ตรงไปยังจุดที่อีกฝ่ายยืนอยู่อย่างรวดเร็ว

เสียงย่ำเท้าบนแอ่งน้ำดังเฉอะแฉะแทรกเสียงหยดฝนตกกระทบลงพื้นเรียกให้เดวีเบนสายตาหันไปมอง พอเห็นว่าต้นเสียงนั้นเป็นเจ้าอรุณที่อยู่ในชุดเตรียมนอน มือข้างหนึ่งถือร่มคันใหญ่ รอยยิ้มก็ผุดพรายขึ้นมาบนใบหน้าคร้ามเล็กน้อย

“อรุณ!”

เรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยความดีใจด้วย หากแต่เจ้าอรุณไม่ได้ยินดีด้วย หงุดหงิดขึ้นมาอีกด้วยซ้ำ ไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าจะออกมารับคนที่ทำให้ตัวเองต้องขายหน้าจนเกือบเสียงานเสียการทำไม

“ไม่ต้องมาเรียก”

แล้วก็ตัดความดีใจของเดวีด้วยการว่าเสียงขุ่น เดวีหุบปากฉับแต่ก็ยังอมยิ้มอยู่ก่อนจะรีบเปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่น

“ออกมาทำไม ฝนตกอยู่นะ เริ่มลงเม็ดหนักแล้วด้วย”

ไม่ใช่ว่าไม่รู้ เจ้าอรุณรู้อยู่เต็มอกแล้วว่าฝนมันตกหนัก ก็เพราะตกหนักนี่แหละเขาถึงต้องออกมาตากฝนอยู่อย่างนี้

“จะพูดมากอีกนานไหม รีบเข้ามาในร่ม!”

เจ้าอรุณตอบไม่ตรงคำถาม ออกปากสั่งแทน ทำเอาเดวีเลิกคิ้วสูง

“นี่ออกมารับฉัน?”

“...”

“หายโกรธแล้วเหรอ?”

ยิ่งถามก็ยิ่งทำหน้าระรื่น ไม่รู้จะดีใจอะไรนักหนา เจ้าอรุณเห็นแล้วก็หงุดหงิด อยากจะตะคอกใส่หน้าว่าให้หุบปากก่อนที่เขาจะรำคาญ ทว่าก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากคิดในใจแล้วก็ส่งสายตารำคาญไปให้คนตรงหน้าเท่านั้น

ยัง...ยังไม่หายโกรธ ถูกทำอย่างนั้นใครจะไปหายโกรธลงง่ายๆ แต่เพราะเขาไม่ได้เป็นคนใจร้ายใจดำถึงขนาดจะทิ้งคนไม่มีที่ไปอย่างเดวีไว้กลางถนน เขาถึงต้องออกมารับอย่างนี้

เอื้อเฟื้อที่ให้ซุกหัวนอนอีกสักพักก่อนอีกฝ่ายจะมีที่ไปก็คงไม่เป็นไร

แต่ไม่บอกเดวีหรอกว่าเขามายืนอยู่ตรงนี้เพราะอะไร ได้แต่ว่าเสียงแข็ง

“อย่าพูดมากได้ไหม รีบเข้ามาในร่มสักที!”

เดวีเผยอยิ้ม ไม่ถามคำถามเมื่อกี้ต่อหรอกเพราะถึงไม่บอกก็พอจะรู้แล้วว่าเจ้าอรุณคิดอะไร ก่อนรีบเดินเข้าไปหลบใต้ร่ม พลันแย่งร่มมาถือเอง ทำเอาถูกเจ้าของร่มมองตาขวาง

“นายตัวเตี้ยกว่าฉัน หัวมันชนน่ะ”

รีบอธิบายเหตุผลออกไปก่อนจะโดนโกรธอีกระลอก กระนั้นก็ทำให้เจ้าอรุณขมวดคิ้วมุ่น

เตี้ยบ้าเตี้ยบออะไร เขาเรียกว่ารูปร่างสันทัดแบบชาวเอเชีย!

ก็ต้องยอมรับแหละว่าเตี้ย ตัวสูงเลยหัวไหล่ของเดวีมาไม่เท่าไหร่เอง ทว่านั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องสนใจ ฝนเริ่มตกหนักกว่าเดิมแล้ว รีบกลับเข้าข้างในก่อนจะถูกหวัดเล่นงานดีกว่า

“เดินไปได้แล้ว จะยืนแช่อยู่ตรงนี้อีกนานไหม ฉันมีงานต้องทำต่อ”

ส่งเสียงขุ่นมาอีกแล้ว เดวีไม่ค้านใดๆ พยักหน้าเป็นเชิงให้อีกฝ่ายออกเดินแล้วรีบเดินกางร่มตามไปต้อยๆ ท่าทางเหมือนเจ้าหมาตัวโตที่ถูกเจ้าของไล่ตะเพิดก่อนจะดีใจสุดกู่เมื่อเห็นเจ้าของกลับมารับไม่มีผิด กระนั้นใบหน้าก็ฉาบไปด้วยรอยยิ้ม ทำเอาคนแอบชำเลืองมองอย่างเจ้าอรุณอดค่อนขอดในใจไม่ได้

ดีใจบ้าอะไรนักหนา ยังไม่ได้หายโกรธหรอกนะเว้ย!

กลับเข้าห้องแล้วเจ้าอรุณก็จัดการไล่เถาวัลย์ผีไปอาบน้ำอาบท่า ใจดีแค่ไหนกันเชียวถึงยอมให้คนที่พูดอะไรก็ไม่ฟัง ทั้งยังเกือบสร้างความเดือดร้อนให้เขาอย่างนั้นมาร่วมชายคาด้วยอีกคืน ไม่เข้าใจตัวเองหรอกแต่ก็สงสารเดวี มากกว่าสงสารเดวีคือสงสารตัวเอง ไม่รู้จะหาเหาใส่หัวทำไม แต่ในเมื่อมันมาถึงขั้นนี้แล้วก็คงจะต้องมีทำข้อตกลงกันหน่อย

รอจนกระทั่งเดวีจัดการกับเนื้อตัวตัวเองเสร็จ เจ้าอรุณที่นั่งไขว่ห้างรออยู่บนเตียงก็ส่งเสียงเรียกให้คนตัวใหญ่เข้ามาหา

“เดวีมานี่หน่อย ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”

เดวีที่กำลังใช้ผ้าเช็ดตัวซับหยดน้ำจากปลายผมเปียกหมาดรีบก้าวมาอย่างฉับไว ลืมไปแล้วว่าต้องใส่เสื้อผ้า และผ้าเช็ดตัวผืนนั้น เจ้าอรุณก็ให้เอาไว้พันรอบเอวเพื่ออำพรางช่วงล่าง ไม่ใช่ให้เอาไปเช็ดผม แต่ช่างมันเถอะ รีบแก้ไขปัญหาที่มันคาราคาซังอยู่นี่ก่อนดีกว่า

“มีอะไรเหรอ จะบอกว่าหายโกรธฉันแล้วใช่ไหม”

ดูเหมือนเดวียังคงติดใจเรื่องที่ถูกเจ้าอรุณโกรธ เขาไม่พูดในทันที นิ่งไปครู่ก่อนจะว่าออกมา

“นายคิดว่าตัวเองทำอะไรผิดล่ะ ฉันถึงได้โกรธ”

“ก็...ก่อกวนนายระหว่างการทำงาน”

“แค่นั้น?”

ถูกเจ้าอรุณถามกลับมา เดวีก็รู้เลยว่าเขาคงไม่ได้ทำความผิดแค่กระทงเดียว พลันหัวก็คิดวุ่นวายไปหมดแล้วเอ่ยออกมาอีก

“ไม่เชื่อฟังนายเพราะนายบอกแล้วว่าห้ามแกล้ง”

“แล้วไงอีก”

“ก็...”

คราวนี้เงียบไปนาน นึกไม่ออกแล้วว่าทำผิดข้อหาอะไรอีก สีหน้าครุ่นคิดของเดวีทำให้คนมองถอนหายใจออกมา

“ไม่มีกาลเทศะอย่างที่คนทั่วๆ ไปควรมี”

ว่าแล้วก็เหนื่อยใจ เดวีไร้ซึ่งกาลเทศะและมารยาทจริงๆ นอกจากเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้เดวีไปเรียกคนโน้นคนนี้ว่าที่รักหมด แต่ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่ในเมื่อเดวีไม่ใช่มนุษย์เต็มร้อยแต่เป็นมนุษย์กึ่งพืช ถึงจะยังไม่รู้ที่มาที่ไป ทว่าก็คงจะไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนให้เติบโตมาอย่างคนทั่วๆ ไปล่ะมั้งถึงได้วางตัวเพี้ยนๆ แบบนี้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel