Episode 06: รหัสโค้ด ‘V’[2/2]
ซึ่งก็จริงเสียด้วยเพราะเดวีทำหน้าไม่เข้าใจทันควัน
“ไม่มีกาลเทศะยังไง”
“หลายอย่างที่นายทำมันบ่งบอกว่านายไม่ได้รับการอบรมสั่งสอน อย่างการเรียกคนอื่นว่าที่รักไปทั่วนั่นก็ไม่มีมารยาท เข้าใจไหมว่าคนทั่วๆ ไป ถ้าไม่สนิทกันหรือรู้จักกันลึกซึ้ง เขาจะไม่เรียกกันอย่างนั้น”
อธิบายในสิ่งที่เดวีน่าจะเข้าใจได้ง่ายก่อน แต่ผิดคาด เหมือนเดวีจะไม่เข้าใจ เจ้าอรุณพูดจบ ใบหน้าคร้ามก็มีเครื่องหมายคำถามแปะอยู่หราบนหน้า
“แต่คนในที่ที่ฉันจากมาชอบกันนี่ ยังบอกด้วยนะว่าเวลาถูกฉันเรียกว่าที่รักมันฟังดูน่ารักดี”
ที่ที่จากมามันคือที่ไหนกันถึงได้สั่งสอนอะไรเพี้ยนๆ ให้อย่างนี้!
ไม่แปลกใจเลยถ้าเดวีจะมีความคิดความอ่านแปลกแยกจากมนุษย์ทั่วไป การกระทำบ้าๆ ชอบหยอกเล่น ชอบกลั่นแกล้งนั่นคงจะมีคนชมเวลาทำสินะ ถึงได้คิดว่าใครต่อใครจะชอบถ้าทำตัวแบบนั้น
แต่ผิดถนัด ในสังคมมนุษย์ทั่วไปมันไม่ใช่ เจ้าอรุณเองก็เพิ่งจะมาตระหนักได้เมื่อครู่นี้ถึงสาเหตุที่ทำให้เดวีตรรกะผิดเพี้ยน ถ้าก่อนหน้านั้นคิดได้แบบนี้ เขาคงจะใช้เหตุผลคุยไปก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์บ้าๆ นั่นขึ้นแล้ว ไม่ใช้อารมณ์ เอาแต่ออกคำสั่งอย่างนั้นหรอก จะว่าไปเขาก็ใจร้อนไปนิด
ก็เดวีทำให้เขารำคาญน่ะ รำคาญจนทนไม่ไหว มันก็ช่วยไม่ได้จริงๆ ที่จะโต้ตอบด้วยอารมณ์ขุ่นมัวอย่างนั้น
เอาเป็นว่าตอนนี้พอจะเดาได้แล้วว่าเดวีเป็นอย่างไร หากควบคุมได้ก็ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อตัวเขาแล้วกัน อย่างน้อยก็จนกว่าเดวีจะไปจากที่นี่ ทว่าจะให้ไปจากที่นี่อย่างเดียวไม่ได้ ต้องตอบแทนเขาด้วย
“นายจะทำตัวยังไงกับคนในที่ที่นายจากมามันก็เรื่องของนาย ฉันไม่สนหรอกนะ ฉันถือว่าตอนนี้นายต้องพึ่งฉันแล้ว ดังนั้นสิทธิ์ขาดในการควบคุมไม่ให้นายก่อความวุ่นวายอยู่ที่ฉัน ถามข้อเดียวแล้วกันว่านายอยากอยู่กับฉันหรือเปล่า”
หูผึ่งขึ้นมาทันควัน ไม่คิดว่าเจ้าอรุณจะถามเรื่องเหนือความคาดหมายขนาดนี้ แค่ออกไปรับเขาที่ยืนตากฝนอยู่ทั้งที่ขับไล่ไสส่งไปแล้ว เดวีก็ว่ามันน่าอัศจรรย์แล้วนะ มาชวนอยู่ด้วยอีกอย่างนี้ ใครกันจะไม่ตอบรับ
คนตัวโตพยักหน้ารับเร็วๆ แล้วก็ต้องชะงักกึกเมื่อเจ้าอรุณขัดขึ้นมา
“ดี งั้นก็ต้องมีเงื่อนไข”
นั่นไง น่าจะรู้อยู่แล้วว่าเจ้าอรุณไม่มีทางให้เขาอยู่ด้วยโดยไม่มีข้อแลกเปลี่ยนหรอก แบบเดียวกับที่เขาให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวเองกับเจ้าอรุณโดยแลกเปลี่ยนกับการให้อีกฝ่ายเป็นที่พักพิงเวลาดูดซึมน้ำนั่นแหละ
ไม่ว่าผู้ชายคนนี้จะทำอะไรก็ต้องมียื่นหมู่ยื่นแมว
“อือ เงื่อนไขอะไร” รู้ทั้งรู้ว่าต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบแน่แต่ก็ถามออกไป
เจ้าอรุณนิ่งไปครู่ก่อนจะเอ่ย
“ระหว่างนายอยู่ที่นี่ จะต้องบอกข้อมูลเกี่ยวกับเถาวัลย์ของนายให้ฉันรู้ทั้งหมดและห้ามใช้ฉันเป็นที่ยึดเหนี่ยวดูดซึมน้ำอะไรด้วย ที่สำคัญ ฉันพูดอะไร นายก็ต้องฟัง ถ้ามีเหตุการณ์อย่างวันนี้เกิดขึ้นอีก ฉันจะถือว่าทุกอย่างเป็นโมฆะแล้วนายจะไร้ที่ซุกหัวนอนทันที”
พูดเสียงเรียบๆ แต่ทำให้เดวีทำปากย่นยู่ขัดใจได้ดีนัก กะไว้อยู่แล้วว่าตัวเองต้องเสียเปรียบ ตอนนี้เจ้าอรุณระวังตัวแจอย่างกับอะไรดี ก็ไม่ใช่ความผิดเขาหรอก ระวังตัวนั่นแหละถูกแล้ว
“ได้ ยอมรับอย่างไม่มีเงื่อนไข ถ้าฉันทำตามที่นายสั่งทุกอย่าง แสดงว่าฉันก็อยู่กับนายต่อไปได้เรื่อยๆ ใช่ไหม”
ถ้าแลกกับแบบนี้ก็ค่อยน่าสนใจหน่อย ทว่าไม่... ใครมันจะไปยอมให้ตัวบ้าอะไรก็ไม่รู้ติดสอยห้อยตามไปตลอดชีวิตกัน
“ฉันได้ข้อมูลจากนายหมดเมื่อไหร่ หน้าที่ของฉันก็ถือว่าสิ้นสุดลง หลังจากนั้นนายต้องหาทางไปต่อเองแล้ว”
เจ้าอรุณว่าอย่างไม่ยี่หระ คิดตามความเป็นจริงแล้วมันก็ต้องเป็นอย่างนั้น เขาต้องการใช้ประโยชน์จากเดวีนี่ เหมือนกับที่เดวีใช้ประโยชน์จากเจ้าอรุณเช่นกัน ไม่ได้แปลกอะไรเลย
แต่ไม่รู้ทำไม... พอได้ยินอย่างนั้นแล้ว เดวีก็รู้สึกแย่ขึ้นมาอย่างไรก็ไม่รู้
เขาจะเป็นที่ต้องการของใครสักคนโดยไม่มีเงื่อนไขหรือสิ่งที่ต้องแลกเปลี่ยนบ้างไม่ได้เลยหรือไง?
“ก็แสดงว่าถ้านายได้ข้อมูลจากฉันไปหมดแล้ว หลังจากนั้นฉันก็จะหมดประโยชน์กับนายใช่ไหม”
ไม่รู้จะถามทำไมทั้งที่เมื่อครู่คำพูดของเจ้าอรุณมันก็ชัดเจนอยู่แล้ว
“ยังจะถาม ก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว ฉันไม่ได้ต้องการนายนี่ แค่ต้องการข้อมูลของนาย” เจ้าอรุณตอบทันที ชนิดแทบไม่มองหน้า
น้ำเสียงและท่าทางจริงจังนั้นทำให้คนถามหน้าจ๋อยไปทันตา คำพูดที่หลุดออกมายิ่งตอกย้ำความจริงมากขึ้นไปอีก ก่อนเดวีจะพึมพำ
“งั้นเหรอ เหมือนที่คนพวกนั้นบอกกับฉันเลยแฮะ”
คนพวกนั้นเป็นใครก็ไม่รู้ เจ้าอรุณไม่ได้อยากจะรู้ด้วย เพียงแต่พอชำเลืองมองสีหน้าสลดของเดวีแล้ว ในใจก็อดคิดสงสารไม่ได้เพราะพอจะเดาได้ว่าก่อนที่เดวีจะมาเจอเขา หมอนี่คงจะเจอเรื่องอะไรทำร้ายจิตใจมาก่อนถึงได้จ๋อยสนิท ยิ่งตอนได้ยินเขาบอกว่าไม่ต้องการตัวเองและจะหมดประโยชน์ทันทีที่บอกข้อมูลหมดก็ยิ่งจ๋อยหนักเข้าไปใหญ่ แถมเดวียังมีทางเลือกไม่มากนักด้วย
ถ้าไม่บอกก็ต้องไปนอนข้างถนน แต่ถ้าบอกก็ได้แค่ที่พักพิงชั่วคราว เลือกแบบไหนก็แปลความหมายได้ว่าไม่มีใครต้องการตัวเขาทั้งนั้น
ไม่อยากจะเชื่อว่าดื้อด้านหน้าหนาอย่างนี้ แต่พอทำตัวน่าสงสารก็ดันดูน่าสงสารสุดกู่เสียอย่างนั้น
หากแต่เจ้าอรุณไม่บอกหรอกว่าสงสาร เดี๋ยวเดวีจะได้ใจแล้วกลับมาดื้อด้านกับเขาใหม่ ดื้อด้านยังไม่เท่าไหร่ มาหื่นกามใส่เขานี่สิที่รับไม่ได้! ปล่อยให้เซื่องๆ แบบนี้ไปก่อนแหละดีแล้ว
“เอาเป็นว่าถ้านายให้ข้อมูลฉันหมดเมื่อไหร่ สิทธิ์ที่นายจะได้อยู่ต่อหรือถูกเฉดหัวส่งขึ้นอยู่กับว่านายทำตัวยังไงก็แล้วกัน”
สงสารทว่าไม่ยอมอ่อนข้อ แต่ยอมรอมชอมให้
เดวีได้ยินอย่างนั้น ดวงตาเรียวของเถาวัลย์หนุ่มก็ประกายวาวด้วยความดีใจ มองหน้าเจ้าอรุณทันควัน
“พูดจริง?”
“เห็นฉันเป็นคนโกหกหรือไง”
ตอบกลับเท่านั้น เดวีก็ดีใจเป็นบ้าเป็นหลัง กระโดดโลดเต้นไปทั่วห้องโดยลืมไปสนิทว่าตัวเองเพิ่งจะอาบน้ำมาและยังไม่ได้เช็ดตัวให้แห้ง ที่สำคัญ... เสื้อผ้าก็ไม่ได้ใส่ ถึงเจ้าอรุณจะเห็นมาตั้งหลายครั้งแล้ว แต่การพยายามให้เขาทำเฉยๆ และคุ้นชินไปนานๆ มันก็ยากอยู่สักหน่อยแม้ว่าตอนแรกจะทำเป็นไม่ใส่ใจก็เถอะ
“นี่! ฉันไม่อยากเห็นเถาวัลย์ของนายส่ายไปส่ายมาหรอกนะ! ไปใส่เสื้อผ้า!”
ไม่ใช่เถาวัลย์ธรรมดา เป็นเถาวัลย์มีผลห้อยต่องแต่งเสียด้วย
เดวีเหมือนจะไม่ฟัง เอาแต่ร้องโหวกเหวกไปมาทำให้เจ้าอรุณต้องยกมือขึ้นกุมขมับ
ไหนว่าจะเชื่อฟังไงวะ! นี่มันไม่ต่างอะไรจากเดิมเลย!
แต่ก็ช่างเถอะ ตราบใดที่ไม่ทำอะไรบ้าๆ เหมือนเมื่อตอนกลางวันก็เพียงพอแล้ว
เจ้าอรุณเลิกสนใจเถาวัลย์หนุ่ม กะจะไปอาบน้ำบ้าง แต่จู่ๆ เด็กผู้ชายตัวโตที่กระโดดโลดเต้นอยู่ก็โผเข้ามากอดเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำเอาคนตัวเล็กกว่าเซจนล้มลงไปกับพื้น โชคดีที่แขนแกร่งของเดวีรองรับตัวเขาเอาไว้ ไม่อย่างนั้นกระแทกไปเต็มแรงอย่างนี้ต้องเจ็บตัวแน่
“ทำอะไรของนายเนี่ย!”
ตั้งหลักได้ก็ร้องแหว แล้วก็ต้องผงะไปเมื่อสัมผัสนุ่มนิ่มประทับลงมาบนซีกแก้ม หันไปมองก็เห็นว่าเป็นริมฝีปากก่อนจะถลึงตาโพลง
หะ...หอมแก้ม! โดนหอมแก้ม!
ความจริงไม่ควรจะตกใจ ก่อนหน้านี้ก็โดนทั้งจูบ โดนทั้งลวนลามสารพัดไปแล้ว ที่ตกใจเป็นเพราะพอเดวีหอมเสร็จก็ละริมฝีปากออกมามองหน้าเขาพลางยิ้มตาแป๋ว
“ขอบคุณนะ แล้วก็ขอโทษสำหรับที่ผ่านมาด้วย ต่อจากนี้ฉันจะพยายามทำตัวดีๆ ไม่ให้นายต้องปวดหัว โอเคไหม”
เกือบจะหลุดปากด่าหากแต่เดวีขัดขึ้นมาก่อน พอได้ยินอย่างนั้น คำสบถก็ถูกกลืนลงคอ ซ้ำความหัวเสียก็มลายหายไปอีกด้วย เหลือแต่ความคิดบางอย่างที่พร่างพรายเข้ามาในหัว
น่ารัก...
ไม่สิ ไม่ใช่น่ารักธรรมดา น่ารักมากๆ ด้วย เหมือนเด็กผู้ชายตัวโตจริงๆ
เผลอคิดอะไรประหลาดๆ ออกไปก็รีบสะบัดศีรษะไล่ความคิดนั้น พลันออกปากถามเสียงขุ่น
“อะไรของนาย จะเอาอะไร”
“ไม่ได้จะเอาอะไร แค่อยากจะขอบคุณ” เดวีตอบ
ไม่รู้หรอกว่าขอบคุณเรื่องอะไร แต่ช่างมันเถอะ เขาควรหลุดออกจากสภาพนี้โดยไว การมีผู้ชายตัวใหญ่แถมยังเปลือยเปล่าล่อนจ้อนทั้งตัวมาคร่อมอยู่อย่างนี้มันไม่ใช่เรื่องน่าพิศวาสเท่าไหร่หรอกนะ
“ขอบคุณเสร็จก็ลุกไปได้แล้ว จะทับฉันอีกนานเท่าไหร่กัน”
เดวีพยักหน้า ดันตัวลุกขึ้นยืน ไม่ลืมที่จะเอื้อมมือมาฉุดให้เจ้าอรุณลุกขึ้นด้วย อีกฝ่ายยื่นมือไปจับอย่างเสียมิได้ แล้วก็ต้องเปลี่ยนจากความหงุดหงิดที่ปะทุขึ้นมาในใจกรุ่นๆ เมื่อครู่เป็นฉงนฉับพลันทันทีที่สายตาเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างใต้ท้องแขนขวาที่เดวีส่งมาให้จับ
รอยสัก...
หมอนี่สักด้วยเหรอ?
มองดูดีๆ ถึงเห็นว่ารอยสักสีดำเข้มเล็กเท่าปลายหัวแม่มือนั้นเป็นตัวหนังสือภาษาอังกฤษตัวพิมพ์ใหญ่
‘V’
มันคืออะไร?
ไม่ปล่อยให้สงสัยเฉยๆ มือเอื้อมไปคว้าแขนข้างนั้นของเดวีมาพลิกดูทันที เดวีชะงัก สีหน้างุนงงปรากฏให้เห็นเมื่อจู่ๆ ตัวเองก็ถูกจับเนื้อต้องตัว
“มีอะไร อ๊ะๆ อย่าบอกนะว่าอยากจะให้ฉันกอดอีก มาๆ กอดอีกทีก็ได้”
ใครมันจะอยากให้นายกอดอีกทีกัน! จับแขนขึ้นมาดูรอยสักต่างหากเว้ย!
เจ้าอรุณรีบเบี่ยงตัวหนีทันควันแต่ก็ยังไม่ปล่อยมือ และก่อนที่เดวีจะได้ทำอะไรเพี้ยนๆ อีก ปากก็เอ่ยถามออกไปแล้ว
“นี่อะไร”
“หืม?”
“รอยสักที่ใต้ท้องแขนนายน่ะ หมายความว่ายังไง”
เข้าใจละว่าเจ้าอรุณถามถึงอะไร เดวีพลิกแขนข้างที่ถูกจับอยู่ให้กางออก เหลือบมองไปยังตัวอักษรภาษาอังกฤษนั่นแล้วก็ร้องอ๋อ
“ชื่อฉันน่ะ”
“นายชื่อเดวี”
เจ้าอรุณสวนกลับ เลิกคิ้วสูง คนตรงหน้าชื่อว่าเดวี ตัวพยัญชนะภาษาอังกฤษที่ขึ้นต้นควรเป็นตัว D ไม่ใช่เหรอ หรือจะมีชื่ออีกชื่ออย่างพวกชื่อกลางอะไรแบบนั้น
เดวีมองแล้วก็รู้ว่าอีกฝ่ายคงจะสงสัย รีบอธิบายออกไปก่อนที่จะถูกถาม
“มันก็ไม่ใช่ชื่ออะไรโดยตรงอย่างนั้นหรอก มันเป็นโค้ดรหัสน่ะ เดวีเป็นชื่อฉันก็จริง แต่ไอ้ที่อยู่บนแขนฉันน่าจะเป็นชื่อที่แท้จริงของฉันมากกว่า เวลามีการบันทึกรายงาน คนพวกนั้นก็จะเรียกฉันด้วยรหัสโค้ดนี้”
จู่ๆ ก็พูดอะไรที่เจ้าอรุณไม่เข้าใจ หัวสมองของคนไอคิวสูงรีบตีความหมายโดยเร็วแต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ได้แต่พึมพำออกมา
“รหัสโค้ดอะไร”
“ก็รหัสโค้ด...” เดวีทำท่าจะอธิบายแล้วก็พลันชะงักคล้ายกับตระหนักอะไรได้บางอย่าง ก่อนจะหุบปากฉับ เฉไฉไปเรื่องอื่น “ไม่มีอะไรหรอก อย่าไปสนใจเลย ไปอาบน้ำเถอะ นายก็ตัวเปียกฝนเหมือนกันนี่”
ดวงตาเรียวภายใต้แว่นเลนส์หนาหรี่เล็กลงอย่างจับผิดทันที สัญชาตญาณของเจ้าอรุณบอกว่าตัว V ที่เห็นอยู่มันจะต้องมีความหมายอะไรกับเดวีแน่ เพียงแต่เดวีไม่อยากบอก
หรือมันจะเกี่ยวกับการที่เขาเป็นเถาวัลย์?
คิดแต่ไม่ถาม เขาไม่ใช่คนชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้านนัก แถมดูท่าเดวีก็ไม่อยากบอกด้วย แล้วเขาจะไปเค้นถามให้ได้อะไรขึ้นมา เอาเป็นว่าอยู่ด้วยกันให้ราบรื่นไปวันๆ จนกว่าเขาจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับเถาวัลย์ของเดวีทั้งหมดก็พอแล้ว
“นายก็ไปใส่เสื้อผ้าได้แล้ว ยืนโทงเทงอยู่ได้”
พอเห็นเจ้าอรุณยอมเปลี่ยนหัวข้อสนทนาแต่โดยดี เดวีก็ยิ้มออกก่อนจะรีบตรงไปคุ้ยเสื้อผ้าจากตู้ของเจ้าของห้องทันควัน
รอยยิ้มนั้นเป็นการฝืนยิ้ม ใบหน้ายิ้มแต่ดวงตาไม่ได้ยิ้มไปด้วยเลย เป็นครั้งแรกที่เจ้าอรุณเห็นแล้วก็รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดบางอย่างจากผู้ชายคนนี้ ส่วนเรื่องรอยสักตัวอักษรภาษาอังกฤษนั้น ถึงจะคิดว่าไม่ใช่เรื่องของตัวเองก็ไม่ควรยุ่ง เอาเข้าจริงแล้วเขาก็สลัดความสงสัยออกจากหัวไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
V… มันเป็นรหัสโค้ดอะไร
นายเป็นตัวอะไรกันแน่เดวี...
