บท
ตั้งค่า

Episode 05: อย่าแหย่เจ้าอรุณ[3/2]

นาทีนี้เจ้าอรุณชักเห็นความไม่ชอบมาพากลแล้ว ซึ่งเขาก็คิดถูกเพราะพอเขาพูดจบ ดอกตูมที่อยู่ตรงหน้าก็ผลิบานออกก่อนที่เสียงของเดวีจะแทรกขึ้น

“มันช่วยล่อให้แมลงหรือสัตว์มาติดกับน่ะ แบบว่าเวลาฉุกเฉิน ต้องการดูดซึมน้ำโดยด่วนอะไรงี้จะได้ไม่ต้องออกแรงมาก เพราะนอกจากมันจะช่วยล่อเหยื่อแล้ว ละอองของมันยังมีสรรพคุณเป็นยาชาอีกด้วย มันทำให้เหยื่อที่ขัดขืนหมดแรง ฉันจะได้ดูดซึมน้ำง่ายๆ”

“อ๊ะ”

ยังไม่ทันจะสิ้นเสียงเดวีดี ร่างกายของเจ้าอรุณก็ชาวาบไปทั่วร่าง แข้งขาอ่อนแรงไม่ต่างจากวันแรกที่เขาได้เจอเดวีเลยแม้แต่น้อย

แต่เดวีบอกว่ามันเป็นยาชานี่ แล้วทำไมเขาถึงได้มึนหัวด้วยล่ะ?

ไม่ต้องเอ่ยปากถาม เดวีที่ส่งเถาวัลย์มาประคองร่างของเจ้าอรุณไม่ให้ล้มลงไปก็ว่ายิ้มๆ ให้คำตอบแล้ว

“อ้อ ลืมบอกไป นอกจากมีสรรพคุณเป็นยาชาแล้ว มันยังทำให้มึนเมาอีกด้วยนะ ความรู้สึกจะคล้ายๆ สูบกัญชาน่ะ เคลิ้มๆ มึนๆ แต่เดี๋ยวก็ดีเอง”

ดีเองบ้าอะไร! จะเจ้าเล่ห์เกินไปแล้วนะ!

“ยะ...อย่า...”

เจ้าอรุณพยายามจะขยับริมฝีปากร้องห้าม แต่ขยับได้นิดเดียวก็ต้องนิ่งไปเพราะตอนนี้อาการชามันลามไปยังริมฝีปาก ซ้ำยังมึนหัวจนทรงตัวไม่ได้ ต้องปล่อยให้เดวีใช้เถาวัลย์ประคองร่างเท่านั้น ถ้าเดวีประคองร่างอย่างเดียวก็ดี แต่ไม่ใช่... ไม่ใช่เลย หมอนั่นไม่ได้คิดจะประคองร่าง เห็นเจ้าอรุณไร้เรี่ยวแรงก็ได้ทีส่งเถาวัลย์เถาเล็กๆ หลายเถาเข้าไปใต้ผ้าขนหนู พันเกี่ยวแข้งขาของอีกฝ่ายและค่อยๆ เลื้อยไต่ระดับขึ้นสูงทีละน้อย

“ให้ข้อมูลแล้วนะ แลกกับการดูดซึมน้ำตามสัญญา โอเค้?”

โอเค้ป้านายเถอะ ไอ้น้ำที่นายว่านี่หมายถึงน้ำไหนวะ!

บัดซบเอ๊ย ทำไมจะต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ไม่เว้นวันด้วย!

คิดไปก็ไม่ได้คำตอบ เถาวัลย์สารพัดเถาเริ่มขยับแล้ว คราวนี้มันไม่ใช่การมัดเฉยๆ มันกลับเคลื่อนไหวไปรอบๆ กายเขาทีละน้อย ก่อนที่ปลายของมันจะแตะลงมาบนผิวหนังเขาเบาๆ เหลือบไปมองก็เห็นว่าปลายของเถาวัลย์กำลัง...

กำลังดูดหยดน้ำจากตัวเขาอยู่!

ทำบ้าอะไรของมันวะ น่าขยะแขยงสิ้นดี!

ขยะแขยงจนเจ้าอรุณขนลุกไปหมดแต่ก็ต่อกรอะไรไม่ได้ ได้แต่ปล่อยให้เดวีทำอย่างนั้น เถาวัลย์หลายเถาเลื้อยไปทุกอณูรูขุมขน มันจะไม่มีปัญหาเลยถ้ามันไม่ไปยุ่งหรือสัมผัสกับส่วนอ่อนไหว

เจ้าอรุณเกร็งตัวแข็งเมื่อยอดอกถูกปลายเถาวัลย์สัมผัส ตุ่มไตบอบบางชูชันขึ้นมาโดยอัตโนมัติทันทีที่ถูกคลอเคลียวนเวียนซ้ำไปซ้ำมา สัมผัสประหลาดทำให้เขาชักแยกไม่ออกแล้วว่าที่รู้สึกอยู่มันเป็นความขยะแขยงหรืออะไรกันแน่ รู้อย่างเดียวคือมันทำให้เขาตั้งสติให้คงที่แทบไม่ไหว จากที่หัวสมองมึนงงเพราะฤทธิ์เกสรอยู่แล้ว ก็ยิ่งฟั่นเฟือนไปกันใหญ่ ซ้ำร้ายคือเขายังตอบรับการสัมผัสด้วยการแอ่นอกรับพร้อมส่งเสียงประหลาดในลำคอ

“อื้อ...”

มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!

พยายามบอกตัวเองให้ไม่รู้สึกแต่กลับรู้สึกชัดเจน และชัดเจนยิ่งกว่าเมื่อเถาวัลย์ที่พันแข้งขาเริ่มไต่ระดับขึ้นมาถึงโคนขาด้านใน หยดน้ำบริเวณนั้นถูกจัดการไปจนผิวหนังแห้งสนิทก็ถึงคราวที่บริเวณอื่นต้องถูกจัดการ

เจ้าอรุณสะดุ้งเฮือกทันทีที่พอจะเดาได้ว่าเดวีจะส่งเถาวัลย์ไปตรงไหนอีก ริมฝีปากพยายามจะร้องห้ามอย่างสุดความสามารถ หากแต่ไม่ทันจะได้บังคับริมฝีปากตัวเองให้ขยับได้ เขาก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อส่วนบอบบางช่วงล่างถูกรุกราน

...ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง

อะ...ไอ้เถาวัลย์นี่เป็นพวกบ้ากามจริงๆ ด้วย!

สัมผัสวาบหวามและแผ่วเบากระตุ้นให้อวัยวะกลางลำตัวของเจ้าอรุณตื่นตัวขึ้น ขณะที่ทางด้านหลังก็รู้สึกวูบวาบไม่หยุด ดีที่ปลายเถาวัลย์ไม่ได้ซุกซนถึงขนาดจะไปสำรวจทางด้านใน แค่ดูดซึมหยดน้ำด้านนอกเท่านั้น ซึ่งนั่นไม่ใช่ปัญหา ปัญหาก็คือ... ไอ้หยดน้ำด้านหน้ามันไม่ยอมหมดไปเลยน่ะสิให้ตายเถอะ!

“เหมือนยิ่งดูดซึมก็ยิ่งมีน้ำเพิ่มขึ้นนะ”

เดวีล้อเลียน ไม่ต้องบอกด้วยว่ามันเป็นน้ำอะไร แน่นอนว่าไม่ใช่หยดน้ำที่มาจากการอาบน้ำแน่ แต่เป็นน้ำอย่างอื่น...ที่ร่างกายของเจ้าอรุณผลิตขึ้นเอง

เจ้าอรุณหอบหายใจหนัก อยากจะด่าโคตรเหง้าคนที่ยังนอนเท้าศีรษะทำท่าสบายใจอยู่แทบตายแต่ก็ทำได้แค่ปล่อยตัวให้เป็นไปตามการควบคุมของเถาวัลย์เพราะร่างกายเขายังชาไม่เลิก

ชา... แต่ดันรู้สึกชัดเจน มันเป็นยาชาแบบไหนกันวะ!

ไม่คิดว่าเป็นยาชาแล้ว คิดว่ามันทำให้เกิดการอัมพาตชั่วขณะมากกว่า สิ่งนี้เดวีไม่ได้บอก ขืนบอกไป เจ้าอรุณได้กลัวมากกว่าการบอกว่าชากันพอดี แล้วถ้าเป็นอย่างนั้น เขาก็คงจะหยอกเล่นกับคนตรงหน้าไม่สนุก

แต่ตอนนี้สนุกมาก เห็นผิวขาวๆ ของเจ้าอรุณแดงเรื่อตั้งแต่ใบหน้าลามลงมายันแผ่นอก เขาก็ยิ่งอยากแกล้งมากขึ้นเรื่อยๆ น้ำเนิ้มอะไรไม่ได้กระหายหรอก แค่อยากเห็นเจ้าอรุณทำหน้าอย่างอื่นนอกจากหงุดหงิดน่ะ

และเพราะความซุกซนอยากรู้อยากเห็นก็ทำให้เดวีแกล้งหนักเข้าไปอีก คราวนี้ไม่ได้แค่การให้เถาวัลย์ดูดๆ แตะๆ น้ำสีใสบริเวณส่วนปลายแล้ว เขายังบังคับให้เถาวัลย์มาพันรอบแก่นกายและเคลื่อนไหวไปมาอีก

เจ้าอรุณกัดฟันแน่นกับความวาบหวามที่ปะทะเข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัว เขารู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในลำดับต่อไป แต่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี

เห็นเขาไอคิวสูงและเก่งในเรื่องวิชาการ แต่เรื่องอย่างนี้เขาไม่ประสีประสาเลยนะ เรียกว่ารู้แค่หลักการแต่ไร้ประสบการณ์โดยสิ้นเชิง

และเพราะความไร้ประสบการณ์ แค่ถูกกระตุ้นไม่นานนัก ทุกอย่างก็จบสิ้นลงพร้อมกับความรู้สึกที่เหมือนคลื่นถาโถม

เจ้าอรุณหายใจออกมาแรงเสียเฮือกใหญ่ ความอัดอั้นถูกปลดปล่อยออกมาและถูกกำจัดไปทุกหยาดหยดด้วยปลายเถาวัลย์ ก่อนที่เสียงของเดวีจะดังเข้ามาในหู เรียกให้เขาได้สติอีกครั้ง

“รสชาติไม่เลว แต่ไวไปหน่อยนะ”

นะ...หน็อย! ดูดซึมผิดน้ำแล้วเว้ย!

หลังจากถูกดูดซึมน้ำผิดตำแหน่ง เจ้าอรุณก็รู้ตัวทันทีว่าคิดผิดที่ไปบอกโจเซว่าเดวีเป็นนักสำรวจ ความจริงเขาก็รู้ตัวตั้งแต่แรกแล้วล่ะ หากแต่ไม่คิดว่าตัวเองจะคิดผิดถึงขนาดนี้ ซ้ำการได้เดวีมาอยู่ด้วย งานก็ไม่ได้คืบหน้าไปมากกว่าเดิมเลยสักนิด มีแค่ข้อมูลบางส่วนที่เดวีบอกในวันนั้นเท่านั้นที่เขาได้เพิ่มเติม นอกนั้นเขาก็ต้องศึกษาเองด้วยไม่กล้าเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงกับอะไรไม่เป็นเรื่องอีกแล้ว

ก็ใครมันจะเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงกันล่ะ ถึงการดูดซึมน้ำแบบนั้นมันจะทำให้เขาเผลอเคลิบเคลิ้มไปบ้างก็เถอะ แต่ถ้าเป็นแบบนั้นบ่อยๆ คงไม่ดีแน่

แค่คิดว่าตัวเองไปมีอะไรกับผู้ชาย เขาก็ว่าตัวเองเพี้ยนแล้ว นี่ดันไปเพลิดเพลินกับการสัมผัสของเถาวัลย์... ไม่รู้จะให้คำจำกัดความเพี้ยนของตัวเองว่าอย่างไรดีเลย

ตัดเรื่องการเป็นเสาให้เดวีพันเพื่อดูดซึมน้ำออกไปโดยไม่ต้องคิดอะไรมาก เดวีกระหายน้ำเมื่อไหร่ก็ไล่ให้ไปห้องน้ำรัวๆ ไม่ก็รีบหนีออกนอกห้องก่อนที่ตัวเองจะโดนเถาวัลย์รัด และก็เป็นอย่างนี้มาตลอดสัปดาห์ เขาจะไม่ปวดหัวสักเท่าไหร่หรอกถ้าจู่ๆ โจเซไม่โทรมาหาเขาพร้อมกับบอกข่าวดีที่โผล่มาอย่างกะทันหัน

[เดี๋ยวมะรืนนี้ศาสตราจารย์จะขอเข้ามาฟังความคืบหน้าการศึกษาเถาวัลย์ประหลาด กะทันหันไปหน่อยแต่เตรียมตัวไว้ให้พร้อมนะอรุณ]

ความจริงควรจะเรียกว่าข่าวร้ายมากกว่า เขายังศึกษาไม่ไปถึงไหนเลย แค่แยกชนิดของเถาวัลย์อย่างคร่าวๆ ได้กับรู้ว่าดอกของมันมีไว้ทำอะไรและมีสรรพคุณอะไรก็แค่นั้น เรื่องอื่นไม่รู้สักนิด

...ถ้าไม่นับเรื่องที่คนสร้างเถาวัลย์พวกนั้นคือผู้ชายหัวหยิกหย็อยที่ยึดเตียงเขาเป็นแดนสุขาวดีน่ะนะ

อยากจะด่าโคตรเหง้าศาสตราจารย์บ้านั่นแทนเดวีเสียอย่างนั้น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ปฏิเสธก็ไม่ได้ ไม่ใช่ว่าไม่ได้ปฏิเสธด้วย เขาปฏิเสธไปแล้วแต่โจเซบอกว่าไม่เป็นไร มีข้อมูลแค่ไหนก็นำเสนอแค่นั้นให้ฝ่ายนั้นทราบความคืบหน้า จะได้สนับสนุนงบวิจัยให้องค์กรบางส่วนก่อน พูดมาอย่างนี้เจ้าอรุณก็ไปต่อไม่ถูก ได้แต่จำใจทำสรุปข้อมูลเตรียมนำเสนอเท่านั้น

นำเสนอวันมะรืนแต่โทรมาบอกวันนี้ เวลาเพียงไม่กี่คืนแทบทำเจ้าอรุณเป็นบ้า

ไม่ได้เป็นบ้าเพราะข้อมูลของเถาวัลย์ประหลาดที่มีน้อยนิดเสียเหลือเกินหรอกนะ แต่เป็นไอ้เถาวัลย์หื่นกามที่เอาแต่เกาะแกะเขาไม่หยุดหย่อนต่างหาก

“หยุดเอาเถาวัลย์มาไชในกางเกงฉันได้แล้วเดวี!”

สุดท้ายก็ทนไม่ไหว ตะเบ็งเสียงใส่เมื่อเถาวัลย์เถาเล็กๆ จากปลายนิ้วของเดวีชอนไชเข้ามาในขากางเกงไม่หยุดและมีทีท่าว่าจะไต่ขึ้นสูงไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ตะครุบเอาไว้เสียก่อน พลันหันไปมองคนตัวการอย่างหงุดหงิด

เดวีที่นั่งไขว่ห้างรอเจ้าอรุณสำรวจเถาวัลย์ประหลาดซึ่งครั้งหนึ่งเคยพลั้งปากบอกว่าเป็นที่พักอาศัยของตัวเองชะงักไปเล็กน้อย พลันดึงเถาวัลย์เถานั้นกลับก่อนจะถูกเจ้าอรุณกระชากทิ้ง

“นายจะไปสำรวจทำไม มันก็แค่บ้านที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว ไม่มีประโยชน์หรอก ถ้าอยากได้ข้อมูลก็มาให้ฉันดูดซึมน้ำนี่ ได้ข้อมูลมากกว่ากันตั้งเยอะ”

ยังจะพูดหน้าระรื่น เพราะไม่อยากถูกดูดซึมน้ำหรือเป็นหลักให้เถาวัลย์พันอย่างไรล่ะถึงได้มาก้มๆ เงยๆ อยู่อย่างนี้น่ะ!

“ต่อจากนี้ฉันจะศึกษาเอง นายไม่ต้องมายุ่ง”

เจ้าอรุณว่าเสียงเขียวให้เดวีทำปากยื่นพลางยักไหล่

“หัวดื้อไม่มีใครเกิน มิน่าทำไมคนอื่นถึงไม่ค่อยชอบหน้านายนัก”

ตอนนี้เดวีรู้แล้วว่าความสัมพันธ์ของเจ้าอรุณกับคนอื่นๆ ในที่ทำงานเป็นแบบไหน ไม่มีใครบอกเขาหรอก ดูจากบรรยากาศรอบข้างเวลามีคนอื่นมาคุยกับนักพฤกษศาสตร์หนุ่มก็พอรู้ว่าเขาเป็นคนอย่างไร

หากแต่เจ้าอรุณไม่สนใจ โดนพูดแทงใจดำมาอย่างนั้นก็สวนคืน

“ทำอย่างกับคนอื่นชอบหน้านายตาย”

“ชอบสิ ไม่เห็นหรือไงว่ามีแต่คนชมฉันว่าหล่อ น่ารัก นิสัยดี”

ฟังแล้วก็อยากจะสำรอก แต่ก็จริงอย่างที่เดวีพูด คนในนี้ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเดวีเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขานี่แหละที่เห็นตรงกันข้าม

“ยกเว้นฉันที่เห็นหน้านายแล้วอยากจะกระทืบให้สูญพันธุ์” ว่าพลางเลื่อนแว่นให้รับกับสันดั้ง

เดวีรู้ดีว่าหนุ่มแว่นคนนี้ไม่ชอบหน้าเขาอย่างกับอะไรดี แต่ก็หนีหน้าไม่ได้ด้วยภาระการงาน ซึ่งมันก็สมควรไม่ชอบหน้าเขาอยู่หรอก มีโอกาสทีไรก็ถูกเขาแกล้งทุกทีนี่ ถ้าชอบคงแปลกน่าดู

“ทำเป็นใจร้ายไปได้ นายไม่เห็นว่าฉันหล่อ น่ารัก นิสัยดีเลยเหรอ” ถูกพูดอย่างนั้นแล้วก็ยังจะกล้ายื่นหน้าไปยั่วโมโห

เจ้าอรุณผลักใบหน้าคมของอีกฝ่ายออกห่าง ไม่ปฏิเสธหรอกว่าเดวีหล่อและน่ารัก แต่ไอ้นิสัยดีนี่สิ เอาตาตุ่มมองหรือไง!

“ถอยไปห่างๆ ฉัน อย่าเข้ามาใกล้” แสดงท่าทางรังเกียจออกมาเต็มที่

กิริยาอย่างนั้นทำให้เดวีเชิดหน้าล้อเลียน

“ทำมาเป็นผลักไสไล่ส่ง ทีวันนั้นตอนฉันดูดซึมน้ำของนายเสร็จ นายยังโผเข้าหาอ้อมกอดฉันอยู่เลย”

เดวีหมายถึงวันที่เจ้าอรุณถูกดูดน้ำจากส่วนไม่พึงประสงค์ของร่างกาย หลังจากเสร็จกิจ ฤทธิ์ชาของดอกไม้สีแดงสดบนเถาวัลย์ทำให้เขาอ่อนแรง ซ้ำยังหมดแรงจากการได้รับการปลดปล่อยจนเดินไม่ไหว พอเดวีมาประคองก็ล้มใส่อ้อมแขนใหญ่ไปทั้งตัว

แต่นั่นมันไม่ใช่ความตั้งใจของเขาสักหน่อย มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ต่างหาก!

ใบหน้าขาวนวลแดงเรื่อขึ้นมาจนลามไปถึงใบหู คิดถึงวันนั้นก็นึกอับอาย ขณะเดียวกันก็ตื่นเต้นอย่างแปลกประหลาด ทว่าความตื่นเต้นก็มลายหายไปเมื่อเดวีเข้ามากระซิบที่ข้างหู

“ติดใจลีลาฉันล่ะซี่ ให้ดูดอีกไหม”

“ถอยออกไปเลย!”

คราวนี้ไม่ได้ผลักใบหน้าแต่ผลักอกแกร่ง เดวีผงะถอยไปสองสามก้าว แรงผลักของเจ้าอรุณไม่แรงนักหรอกแค่ปล่อยตัวไปตามแรงเท่านั้น แถมยังไม่สำนึกอีกว่าการกระทำของเขามันยั่วให้เจ้าอรุณหมดความอดทน

“จะอายทำไม ของมันเคยๆ”

“นี่เดวี บอกไว้ก่อนเลยนะว่าฉันไม่เคยนึกสนุกกับการแกล้งของนายเลย ถ้านายยังอยากอยู่กับฉันอย่างสันติ ไม่โดนฉันเอาขวานจามหน้าหรือเผาเป็นตอตะโกไปซะก่อน บอกเลยว่า...อย่า-มา-แหย่-ฉัน”

เจ้าอรุณว่ายาวเหยียด ตั้งแต่เจอกับเดวีมา เขาแทบไม่เคยพูดอะไรยาวๆ แบบนี้เลย และก็ไม่เคยใช้น้ำเสียงจริงจังแบบนี้ด้วย

ไม่สิ... ไม่ใช่ว่าไม่เคย ทุกครั้งที่เขาคุยกับเดวี เขาใช้น้ำเสียงจริงจังทั้งนั้นแหละ แต่ครั้งนี้มันมากกว่าเดิมหลายเท่าตัวนัก

เดวีพอจะสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจ แต่ไม่รู้ทำไมเห็นความโกรธขึ้งของอีกฝ่ายแล้วก็อยากจะแหย่ อยากจะแกล้งให้มากขึ้นกว่าเดิม

เขาคงจะเป็นพวกยุขึ้นล่ะมั้ง ถ้าสั่งห้ามก็จะทำ ถ้าให้ทำก็ไม่ทำอะไรประมาณนั้น

แต่จะอะไรก็เอาเถอะ ในเวลานี้เจ้าอรุณขอแค่อย่างเดียว อย่ามาแหย่หรือแกล้งเขาตอนที่กำลังนำเสนองานซึ่งจะเริ่มต้นขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า

“เตือนแล้วนะ อย่าหาว่าฉันไม่พูด ถ้านายคิดทำอะไรแผลงๆ ให้งานฉันล่มล่ะก็ นายกับฉันเราคงไปด้วยกันไม่ได้แล้ว”

“ทำอย่างกับว่าตอนนี้ไปกันได้อย่างนั้นแหละ” เดวีสวนเข้าให้ด้วยท่าทางยียวน

เจ้าอรุณไม่ใส่ใจ ชักสีหน้าใส่เล็กน้อยก่อนจะก้มหน้าก้มตาอ่านข้อมูลสำหรับนำเสนอเพื่อทบทวนอีกครั้งว่าจะไม่ลืมข้อมูลสำคัญไป ในใจก็ภาวนาไปด้วยว่าอย่าให้เดวีสร้างเรื่องเลย

แต่...ไม่รู้ทำไมถึงสังหรณ์ใจไม่ค่อยดีนัก ยิ่งเหลือบไปเห็นสายตาวาววับของเดวีด้วยแล้วก็ยิ่งใจไม่ดี

ไอ้เถาวัลย์ผีนี่ต้องมีแผนอะไรในใจแน่ๆ

ถึงจะกังวลแต่ก็พยายามวางตัวนิ่งๆ ให้ไม่มีพิรุธ เพราะเจ้าอรุณเชื่อว่าการที่เหยื่อแสดงอาการหวาดกลัวมันจะไปกระตุ้นสัญชาตญาณของผู้ล่าให้รุนแรงขึ้นไปอีก ถึงเดวีจะไม่ใช่ผู้ล่า เป็นแค่มนุษย์กึ่งพืชหื่นๆ เขาก็ไม่ต้องการแสดงอาการอย่างนั้นให้เห็นเหมือนกัน

ถึงเวลานัดหมาย โจเซก็มาตามเขาไปที่ห้องประชุมพร้อมกับแนะนำให้รู้จักกับศาสตราจารย์ซึ่งเป็นคณบดีประจำคณะพฤกษศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแห่งชาติบราซิลที่โจเซเป็นอาจารย์อยู่ พร้อมกับแนะนำผู้ติดตามซึ่งเป็นอาจารย์ด้วยกันอีกสองสามคน คนอื่นๆ ที่เหลือก็เป็นนักสำรวจบ้าง นักพฤกษศาสตร์จากที่อื่นบ้าง รวมๆ กันแล้วก็เกือบสิบชีวิตได้

เจ้าอรุณทักทายแขกทุกคนจนครบ แต่ยอมรับเลยว่าเขาจำชื่อของแขกเหรื่อไม่ได้สักคน

คนไม่ใส่ใจอะไรนอกจากตัวเองอย่างเขาก็เป็นแบบนี้แหละ บางครั้งใบหน้าก็จำไม่ได้ด้วยซ้ำถ้าคนคนนั้นไม่ได้ทำอะไรให้เขาจดจำ...อย่างเดวี

ให้ตาย คิดถึงไอ้บ้านั่นขึ้นมาอีกแล้ว!

ไม่ได้คิดถึงเพราะความเป็นห่วงเป็นใย แต่คิดถึงเพราะเดวีไปนั่งรวมกลุ่มกับแขกเหรื่อรอการนำเสนอของเขาแล้วทำให้เขากังวลว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรบ้าๆ ขึ้นมามากกว่า

กระนั้นก็ทำใจให้สงบ ออกปากสั่งไปขนาดนั้นแล้วถ้าเดวีไม่เชื่อฟัง คงต้องมีการสั่งสอนกันบ้างล่ะ

“เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ผมขออนุญาตเริ่มการนำเสนอข้อมูลวิจัยเถาวัลย์ประหลาดเท่าที่ผมค้นคว้าได้เลยนะครับ”

เห็นทุกอย่างเข้าที่เข้าทางเรียบร้อย เจ้าอรุณก็เริ่มดำเนินการ ทุกชีวิตตกอยู่ในความเงียบ ตั้งใจรอฟังการอภิปรายของนักพฤกศาสตร์หนุ่มอย่างเต็มที่

เจ้าอรุณเดินไปที่โต๊ะซึ่งอยู่ด้านหน้าห้องประชุม จัดการเสียบทรัมพ์ไดรฟ์ เชื่อมต่อข้อมูลการนำเสนอเข้ากับคอมพิวเตอร์ให้ฉายขึ้นยังจอโปรเจ็กเตอร์ด้านหลัง จัดการเสร็จก็ลอบสังเกตเดวีเล็กน้อย เห็นอีกฝ่ายนั่งสงบนิ่ง ทำท่าทางตั้งใจฟังเขาดี เจ้าอรุณก็เปิดปากจะเริ่มอภิปราย

“อันดับแรก ผมต้องขอออกตัวก่อนว่าระยะเวลาการศึกษาวิจัยของผมนั้นค่อนข้างน้อยและต้องมานำเสนอในระยะเวลากระชั้นชิด ทำให้ข้อมูลที่ได้มาอาจจะไม่ครบถ้วนนัก แต่ก็พอที่จะทำให้ทุกท่านทราบถึงข้อมูลพื้นฐานได้ จากการศึกษาพบว่า...อ๊ะ”

พูดอยู่ดีๆ จู่ๆ เจ้าอรุณก็หลุดอุทานเล็กน้อยเมื่อจู่ๆ บั้นท้ายก็รู้สึกถึงแรงกระทบจากบางสิ่งไม่แรงนัก กลิ่นลางสังหรณ์ไม่ดีลอยฉุยขึ้นมาทันที พอเหลือบหางตาไปมองทางด้านหลังก็เห็นว่าเป็นเถาวัลย์เถาเล็กๆ กำลังฟาดก้นเขาอยู่ เท่านั้นก็รีบส่งสายตาข่มขู่ให้หยุดไปยังเดวีทันที

ไอ้เวรเอ๊ย อุตส่าห์บอกแล้วว่าอย่าเล่นอะไรแผลงๆ ยังไม่ทันเริ่มอะไรเลย ออกลายแล้ว!

หงุดหงิดก็หงุดหงิด อยากจะพุ่งเข้าไปต่อยเดวีให้หน้าหัน แต่ตอนนี้ทำได้แค่อยากให้เดวีหยุดการกระทำบ้าๆ นี่มากกว่า

หากแต่เดวีไม่หยุด เห็นเจ้าอรุณมองก็ยิ้มเผล่ ยักคิ้วให้อย่างยียวนจนเจ้าอรุณต้องระงับอารมณ์ตัวเองแทนแล้วเริ่มต้นนำเสนองานใหม่

“ครับ จากการศึกษาพบว่าเถาวัลย์ที่เราเพิ่งได้มาเป็น...อึ้ก”

ชะงักไปอีกรอบ คราวนี้ไม่ได้โดนฟาดก้น โดนเถาวัลย์กระทุ้งเข้ามาที่ระหว่างซอกหลืบด้านหลัง เป็นการกลั่นแกล้งเหมือนเด็กๆ ที่ชอบเอานิ้วจิ้มก้นเพื่อนกัน ถึงจะไม่แรงนักแต่ทำให้เจ้าอรุณเดือดจนแทบลุกเป็นไฟ ระหว่างคิ้วย่นยู่ ส่งสายตาอาฆาตไปให้เดวีมากกว่าเดิม ไม่พอใจหนักถึงขั้นเก็บสีหน้าไม่มิดจนคนอื่นๆ ที่นั่งรอการอภิปรายของเขาอยู่สังเกตเห็น โจเซเห็นลูกน้องมีท่าทางแปลกๆ จึงอดไม่ได้ที่จะถาม

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel