Episode 05: อย่าแหย่เจ้าอรุณ[3/1]
โจเซเดินนำเข้ามาในเรือนกระจกก่อนเป็นคนแรก เข้ามาได้ก็ไม่รอช้า อธิบายถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้เดวีฟังทันที เดวีก็แสร้งพยักหน้ารับไปตามเรื่องพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เป็นที่น่าหมั่นไส้ให้กับคนมองอย่างเจ้าอรุณยิ่งนัก
รู้อยู่แก่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น ยังจะมาทำเป็นไม่รู้เรื่องอยู่ได้!
แต่ที่เดวีทำน่ะถูกแล้ว ขืนไม่ทำอย่างนี้ก็ความแตกกันพอดีว่าเขาไม่ใช่นักสำรวจผู้เชี่ยวชาญเรื่องเถาวัลย์อะไรที่เจ้าอรุณบอก ทว่าเป็นหนึ่งในเถาวัลย์เสียเอง ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะก็ มีหวังยุ่งจนหัวหมุนมากกว่าเดิมแน่
ถึงไม่ต้องมีใครบอกแต่เจ้าอรุณก็รู้โดยสัญชาตญาณว่าให้เก็บเรื่องที่ว่าเดวีเป็นตัวอะไรไว้เป็นความลับ อย่างน้อยก็เพื่อผลประโยชน์ต่อตัวเขาเอง
ก็จะเอาข้อมูลจากเดวีนี่นา ขืนมีใครรู้ว่าเดวีเป็นส่วนหนึ่งของเถาวัลย์ มีหวังเขาได้ถูกตราหน้าว่าเป็นนักวิจัยจอมปลอมแหง ไม่ได้หาข้อมูลด้วยตัวเอง แต่เอาข้อมูลจากคนที่รู้ดีโดยตรง อะไรไม่ว่า เดวีจะถูกจับไปผ่าทดลองแทนที่เถาวัลย์ของเขาจะได้ถูกศึกษาวิจัยเฉยๆ
พอโจเซเล่าจบ เดวีก็แสร้งลูบปลายคางไปมาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนออกปากถาม
“ลองเอาน้ำให้มันหรือยัง”
“ลองแล้ว ไม่ได้ผลเลย” โจเซว่าพลางถอนหายใจ
ปราดตามองเห็นคราบน้ำก็พอจะรู้ว่านักพฤกษศาสตร์พวกนี้ลองวิธีนั้นแล้ว เดวีเลยพูดออกมาใหม่
“ผมหมายถึงให้น้ำมันโดยการเอาเถาวัลย์แช่น้ำน่ะ”
“เอาแช่น้ำเหรอ?” คราวนี้เลิกคิ้วเสียสูง
เดวีพยักหน้าหงึกหงัก ย้ำคำขึ้นมาอีก
“ครับ เอาแช่น้ำเลย รับรองกลับมาขยับอีกแน่”
“ถ้ามันไม่ขยับล่ะ”
“ลองดูก็ไม่เสียหายไม่ใช่เหรอครับ ยังดีกว่าปล่อยไว้แบบนี้นะผมว่า”
โจเซก็ไม่ได้เชื่อเสียทีเดียวแต่คิดดูแล้วก็ถูกอย่างที่เดวีพูด ลองดูก็ไม่เสียหาย แต่เสียเวลาไปมากโขแน่นอน ถึงอย่างนั้นเขาก็ลองทำตามดู ออกปากสั่งให้นักพฤกษศาสตร์คนอื่นๆ ช่วยกันจัดหาอุปกรณ์ เคลียร์พื้นที่และเรียกคนงานมาจัดการยกเถาวัลย์ประหลาดขึ้นเพื่อเอาไปแช่น้ำ ด้วยความที่เถาวัลย์ประหลาดค่อนข้างใหญ่จึงต้องใช้เครื่องมือในการยกช่วยเคลื่อนย้าย นับว่าเสียเวลาไปกับส่วนนั้นมากเลยทีเดียว
เจ้าอรุณยืนกอดอกมองห่างๆ เขาสัมผัสได้ว่าสิ่งที่เดวีบอกกับโจเซนั้นเป็นเรื่องโกหก ยิ่งหันไปเห็นเจ้าคนตัวดียืนกลั้นยิ้มอยู่ก็อดไม่ได้ กระเถิบเข้าไปหาแล้วว่าเสียงเบา
“นายโกหกใช่ไหม”
“หืม โกหกอะไร”
เดวีหันมายิ้มหน้าระรื่น แต่เจ้าอรุณไม่เล่นด้วย พยักปลายคางไปยังความวุ่นวายตรงหน้า
“โกหกว่าเอาแช่น้ำแล้วมันจะกลับมาขยับเหมือนเดิม”
“นายคิดว่านักสำรวจผู้เชี่ยวชาญเรื่องเถาวัลย์อย่างฉันจะโกหกหรือไง” ได้ทีก็เล่นลิ้นใหญ่
“เพราะเป็นนายต่างหาก ฉันถึงไม่เชื่อ”
เจ้าอรุณว่าอย่างไม่ไว้หน้า แต่ก็ไม่ได้ทำให้เดวีหยุดยิ้มได้เลย ซ้ำยังบอกว่า
“คอยดูก็แล้วกัน”
ไอ้บ้านี่ต้องมีแผนอะไรแน่ๆ
คิดแล้วก็รอดู พอเถาวัลย์ประหลาดขนาดสองเมตรถูกหย่อนลงไปในถังน้ำขนาดใหญ่เป็นที่เรียบร้อย โจเซที่เพิ่งสั่งการเสร็จก็เดินมาหาเดวี
“แล้วยังไงต่อ”
“รอสักพักครับ เดี๋ยวมันก็ขยับ”
เดวีพูดอย่างไม่ทุกข์ร้อนเท่าไหร่นัก ขณะที่คนอื่นๆ ที่ไม่รู้ผลไม่มั่นใจกับคำพูดของเดวีสักเท่าไหร่
มันก็แน่ล่ะ จู่ๆ ก็โผล่มาบอกว่าเป็นนักสำรวจ ซ้ำยังเชี่ยวชาญเรื่องเถาวัลย์โดยเฉพาะเถาวัลย์ประหลาด ใครมันจะไปเชื่อกันก็เถาวัลย์นี่มีองค์กรนี้องค์กรแรกที่ค้นพบ ถ้ามีคนค้นพบก่อน ป่านนี้ก็รู้กันทั้งบางแล้ว และโจเซก็มั่นใจด้วยว่าเขารู้จักนักสำรวจที่ผจญภัยในป่าอเมซอนมากกว่าที่เจ้าอรุณรู้จักเสียอีก ที่ยอมเชื่อไม่ใช่เพราะอะไรเลย เป็นเพราะเจ้าอรุณออกปากแท้ๆ
แช่น้ำอยู่พักใหญ่ ครึ่งชั่วโมงก็แล้ว ชั่วโมงนึงก็แล้วก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะขยับแต่อย่างใด โจเซสั่งให้นักพฤกษศาสตร์คนอื่นๆ ที่เฝ้ารอดูผลลัพธ์อยู่ให้กลับออกไปทำงานของตัวเองได้ เขาจะเฝ้ากับเจ้าอรุณเอง พอคนเริ่มทยอยออกไป โจเซก็ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้พับใกล้ๆ อย่างเหนื่อยอ่อน
“ถ้ามันไม่ขยับอย่างที่นายบอกล่ะก็ มีหวังงบสนับสนุนองค์กรอะไรนั่นคงได้เป็นแค่ฝัน”
“เพิ่งจะผ่านไปชั่วโมงเดียวเองนะครับด็อกเตอร์ ปกติพืชมันใช้เวลาในการดูดซึมน้ำเป็นวันๆ ยิ่งเถาวัลย์ประหลาดมีขนาดใหญ่อย่างนี้ ผมว่าคงใช้เวลาพอสมควร” เจ้าอรุณหาข้อแก้ต่างมาให้โจเซสบายใจ
“คงจะอย่างนั้น” โจเซพึมพำตอบรับแล้วหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน
ท่าทางเป็นกังวลของผู้เป็นนายทำให้เจ้าอรุณรู้สึกไม่ค่อยดีนัก ก่อนจะเหลือบไปมองเดวีที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น ยกแขนเท้าคางหลับไปแล้วเรียบร้อย พลันหงุดหงิดขึ้นมา
ยังมีหน้ามานั่งหลับอีกนะไอ้ตัวสร้างเรื่อง!
ไม่ใช่แค่เหลือบมอง ตอนนี้เดินไปเตะเข้าให้ทีหนึ่งไม่แรงนัก ปลุกให้เดวีตื่นขึ้นมา เดวีลืมตาขึ้น มองซ้ายขวาอย่างงุนงง พอเห็นว่าที่ตื่นเป็นเพราะคนหน้าบึ้งที่ยืนค้ำศีรษะอยู่ก็ยิ้มร่า
“มีอะไรที่รัก”
“บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าเรียกฉันว่าที่รัก”
เจ้าอรุณย่อตัวลง ว่าเสียงแข็ง หากแต่เดวีไม่สนใจสักนิด เหยียดแขนขึ้นบิดขี้เกียจ
“งั้นมีอะไรล่ะ ปลุกทำไม”
“นายจะทำอะไรก็รีบทำซะสิ รออะไรอยู่ ทำให้มันขยับเร็วเข้า”
เจ้าอรุณพูดมาอีก ความจริงไม่ต้องถาม เดวีก็พอจะเดาได้อยู่แล้วว่านักพฤกษศาสตร์หนุ่มต้องการอะไร
“จะทำอะไรมันก็ต้องมีจังหวะจะโคน แช่น้ำปุ๊บ ขยับปั๊บ เดี๋ยวคนอื่นก็ได้สงสัยกันพอดี”
เดวีบอกเสียงเบาซึ่งตรงกับที่เจ้าอรุณคิดก่อนหน้าว่าไอ้บ้านี่มีแผนเล่นสนุก แต่เขาไม่สนุกด้วย ชำเลืองมองโจเซที่ยังคงหลับตาอยู่แล้วก็กระตุ้นเดวีอีกครั้ง
“ตอนนี้นานพอแล้วมั้ง จัดการสักที”
เดวียักไหล่คล้ายกับว่าช่วยไม่ได้ ก่อนจะปล่อยเถาวัลย์เถาเล็กๆ จากปลายนิ้วออกมาสองสามเถา เจ้าอรุณมองเถาวัลย์พวกนั้นเลื้อยไปข้างหน้าแล้วก็ไปหยุดที่เถาวัลย์ประหลาดรูปวงรี ไม่แน่ใจนักว่าเดวีทำอย่างไร เพราะเพียงชั่วพริบตา เถาวัลย์ประหลาดก็ขยับขึ้นมาได้เสียอย่างนั้น
เสียงน้ำกระฉอกออกจากถังน้ำขนาดใหญ่เรียกให้โจเซลืมตาขึ้น เขามองภาพตรงหน้าแล้วก็ดีใจยกใหญ่
“ขยับแล้ว! พระเจ้า! ค่อยยังชั่ว นึกว่าจะไม่ได้ทำการวิจัยต่อซะแล้ว”
ไม่แน่ใจนักว่าโจเซพูดคนเดียวหรือพูดกับชายหนุ่มอีกสองคนข้างหลัง เจ้าอรุณมองท่าทางดีใจเป็นเด็กๆ ของชายวัยสามสิบกว่าแล้วก็พ่นลมหายใจยาว
“กลับมาขยับเหมือนเดิมก็ดีแล้วครับ”
ถึงจะไม่ได้เป็นการขยับโดยธรรมชาติก็เถอะนะ...
“ขอบใจนายมากเดวี ถ้าไม่ได้นาย ฉันกับทีมก็ไม่รู้แล้วว่าต้องทำยังไง”
โจเซแทบไม่ได้ฟังสิ่งที่เจ้าอรุณพูดเลย ปรี่เข้าไปขอบคุณเดวีเป็นการใหญ่
“ว่าแต่นายรู้ได้ไงว่าต้องเอาแช่น้ำมันถึงขยับ”
นึกขึ้นได้ก็ถามเพิ่ม ส่วนเดวีก็ยิ้มกริ่ม
“ผมโตมากับเถาวัลย์ เรื่องแค่นี้เดาได้ไม่ยากหรอก ส่วนไอ้เจ้านี่ที่มันหยุดขยับไปก็คงเป็นเพราะสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง ปกติเถาวัลย์มันจะเติบโตได้รวดเร็วถ้ามีการดูดซึมน้ำอย่างเพียงพอ คุณเอามันออกมาจากป่าที่อุดมสมบูรณ์ มาอยู่ในเรือนกระจกอบอ้าวแบบนี้ มันก็ไม่ขยับน่ะสิครับ”
“งั้นแสดงว่าผมต้องจำลองสภาพแวดล้อมให้เป็นป่าดงดิบสินะครับมันถึงจะอยู่ได้”
“ประมาณนั้น”
เดวียิ้มรับให้โจเซได้ร้อนรนไปเรียกนักพฤกษศาสตร์มาประชุมเป็นการด่วนเพื่อจะปรับสภาพแวดล้อมให้เถาวัลย์ประหลาดใหม่ ขณะที่เจ้าอรุณจ้องหน้าเดวีอย่างจับผิด
โกหก! ไอ้หมอนี่โกหกหน้าด้านๆ!
จ้องจนแทบจะสิง เดวีหันมาเห็นก็หยักยิ้มให้
“มองอะไร หลงเสน่ห์ฉันแล้วล่ะสิ”
มั่นหน้าตัวเองเหลือเกิน!
“นายทำอะไรกับเถาวัลย์นั่น”
แสร้งทำเป็นไม่สนใจ ถามเรื่องอื่นออกไป เดวียิ้มออกมาอีกแล้ว สาบานเลยว่าเขาเป็นคนที่แจกยิ้มเรี่ยราดที่สุดเท่าที่เจ้าอรุณเคยเจอมา ซ้ำยังเป็นยิ้มที่ชวนให้หงุดหงิดอีก
“ถ้าอยากรู้... ดูดซึมน้ำหนึ่งครั้งแลกกับข้อมูลหนึ่งอย่าง จำไม่ได้เหรอที่รัก”
เรียกที่รักอีกแล้วด้วย อันนั้นไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้หยิบเอาเงื่อนไขบ้าๆ นั่นมามัดมือชกทำให้เจ้าอรุณต้องเม้มปากแน่นอย่างหัวเสีย
แต่ถามว่ายอมตกปากรับคำไหม... คราวนี้เจ้าอรุณ...
“งั้นกลับถึงห้องก่อนแล้วกัน แต่นายต้องบอกฉันให้หมดเท่าที่ฉันอยากรู้เข้าใจไหม”
ยอมตกปากรับคำอย่างง่ายดาย เดวีพยักหน้าก่อนจะถูกเจ้าอรุณส่งสายตาทิ่มแทงมาให้ไม่หยุดหย่อน
มันจะคุ้มไหมนะกับการยอมทำตามไอ้เงื่อนไขบ้าๆ นั่น คะเนดูแล้วเหมือนจะไม่คุ้มเลยแฮะ...
ไม่แน่ใจนักว่าคุ้มหรือไม่คุ้ม กลับมาถึงอพาร์ตเม้นต์หลังจากเคลียร์เรื่องวุ่นวายจบ เดวีก็เล่าให้ฟังว่าเขาทำอย่างไร เถาวัลย์ประหลาดมันถึงกลับมาขยับได้
“ก็ไม่มีอะไรมาก แค่ใช้เถาวัลย์จากตัวฉันบังคับให้มันเคลื่อนไหว แค่นั้นมันก็เคลื่อนไหวแล้ว ก็นะ ไอ้ที่พวกนายเก็บมาศึกษากันน่ะมันเป็นบ้านของฉันนี่ ฉันอยู่ข้างใน ฉันก็บังคับให้มันเคลื่อนไหวดังใจได้ พอไม่อยู่ มันก็เคลื่อนไหวไม่ได้ก็เท่านั้น”
อยากจะถามต่อเหมือนกันว่าทำไมเดวีถึงเรียกมันว่าบ้าน แล้วที่ว่าใช้เถาวัลย์จากตัวบังคับนั่นมันหมายถึงอะไร อยากรู้โดยละเอียด แต่พอออกปาก เดวีก็ดันโพล่งมาว่าให้ดูดซึมน้ำก่อนแล้วจะบอก เจ้าอรุณก็ถอยกรูดทันควัน
ตกปากรับคำแล้วก็จริง แต่จะมาให้ทำตามง่ายๆ อย่างนั้นมันไม่ใช่วิถีของเจ้าอรุณ!
สุดท้ายก็จบลงที่เจ้าอรุณหนีไปอาบน้ำหน้าตาเฉย ปล่อยให้เดวีนอนกลิ้งเกลือกไปมาบนเตียง ขณะอาบน้ำก็คิดวิเคราะห์คำพูดของเดวีไปด้วย
จากที่เห็นเวลาเดวีปล่อยเถาวัลย์ออกมา บริเวณปลายนิ้วจะมีเถาวัลย์เถาเล็กๆ เชื่อมต่อซึ่งเวลาเถาวัลย์ขยายใหญ่จะมีแค่ส่วนนั้นที่ไม่ขยายตาม กะจากสายตาก็น่าจะราวๆ ห้าเซนติเมตร ส่วนนั้นคงจะมีความสามารถในการบังคับการเคลื่อนไหว
คงจะเป็นส่วนที่สำคัญน่าดู...
ถึงยังจะสรุปอะไรไม่ได้และการที่ไม่รู้รายละเอียดสร้างความว้าวุ่นใจให้กับเจ้าอรุณเป็นอย่างมาก กระนั้นเขาก็ไม่คิดจะถามอะไรเดวีต่อ ยิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นเดวีนอนฟัดกับหมอนไปมาก็พานให้หงุดหงิด
ขนาดไม่ได้ทำอะไรให้ยังหงุดหงิด คนอะไรวะ เหลือเชื่อเลย!
“ไปอาบน้ำได้แล้ว ฉันไม่ให้คนตัวเหม็นอย่างนายมานอนเตียงเดียวกันหรอกนะ”
ข่มความหัวเสียพูดออกไป เรียกสายตาของเดวีให้หันมามอง พอเห็นว่าเจ้าอรุณอยู่ในสภาพช่วงบนเปลือยเปล่า ช่วงล่างมีผ้าขนหนูสีขาวพันอยู่ ดวงตาเรียวของเถาวัลย์หนุ่มก็ประกายวาว ผิวปากแซวทันควัน
“ทำเสียงบ้าอะไร”
เจ้าอรุณก็แหวฉับพลันเหมือนกัน เขาไม่ชอบเลยที่จะต้องมาเป็นเป้าสายตาให้คนอื่นล้อเลียน ความจริงเขาควรคิดก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำแล้วล่ะว่าไม่ควรออกมาในสภาพนี้ แต่ด้วยความเคยชินเพราะอยู่คนเดียวมาตลอดเลยทำให้ลืมตัว
หากแต่เดวีไม่ได้ผิวปากแซวเพราะเห็นเจ้าอรุณในสภาพนั้น เขาผิวปากเพราะกระหายน้ำต่างหาก ก็ดูคนตรงหน้าสิ แทนที่จะเช็ดตัวให้เรียบร้อย ดันออกมาในสภาพมีหยดน้ำเกาะพร่างพราวไปทั่วร่างแบบนี้ เห็นแล้วอดใจไปดูดซึมน้ำแทบไม่ไหว ถึงหยดน้ำบนร่างกายเจ้าอรุณจะไม่ได้มากพอที่จะทำให้เดวีอิ่มก็เถอะ แต่เห็นแล้วมันน่าแกล้งนี่นา
ยั่วให้คนขี้โมโหหงุดหงิดนี่ของชอบเลยล่ะ!
“หิวน้ำ” เดวีตอบคำถามอีกฝ่าย
เจ้าอรุณหรี่ตาลงเล็กน้อย มองอย่างไม่ไว้ใจแล้วก็ตระหนักได้ว่าเดวีจะทำอะไรในลำดับต่อมา
“ไม่ใช่ตอนนี้ ฉันไม่ได้ต้องการข้อมูลจากนายแล้ว ไปหาดื่มเอง”
ปฏิเสธอย่างรวดเร็ว แต่เดวีฟังที่ไหน พูดจบก็ส่งเถาวัลย์มาพันข้อมือเขาเรียบร้อย เจ้าอรุณเบิกตาโต ก่อนจะแผดเสียงลั่น
“บอกว่าไม่ใช่ตอนนี้ไง!”
“ก็ฉันคอแห้ง” เดวีย้อนกลับมาอย่างไม่ยี่หระ ซ้ำยังส่งเถาวัลย์อีกหลายเถามาพันธนาการร่างของคนตรงหน้าจนแทบขยับไม่ได้
“เดวี...”
เจ้าอรุณส่งเสียงขู่ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เดวีรู้สึกรู้สาแต่อย่างใด ส่งเถาวัลย์เถาใหม่มาเรื่อยๆ และขยายให้มันใหญ่ขึ้นชนิดที่เจ้าอรุณดิ้นอย่างไรก็ไม่หยุด คราวนี้หัวคิ้วของเจ้าอรุณขมวดเข้าหากันเป็นปม เขาไม่เข้าใจเลยว่าเดวีจะยั่วให้เขาโมโหตลอดเวลาทำไม แล้วก็ไม่อยากจะทำความเข้าใจด้วยเมื่อผ้าขนหนูที่พันส่วนล่างเขาอยู่เริ่มคลายปมเพราะถูกเถาวัลย์รัดผิดที่ผิดทางและค่อยๆ ร่วงหล่นลงไปด้านล่างทีละน้อยแล้ว
“เดวี...ปล่อย”
กดเสียงต่ำขู่อีกครั้งก่อนที่เถาวัลย์บ้านั่นจะกระชากผ้าขนหนูหลุดไปจริงๆ หากแต่เดวียังคงนั่งกระดิกเท้าอยู่บนเตียง วางท่าทีไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“อยากให้ปล่อยเร็วๆ นายก็อย่าดิ้นสิ”
ว่าอย่างนั้นเพราะเจ้าอรุณเอาแต่สะบัดตัวไปมา เขาเห็นแล้วล่ะว่าผ้าขนหนูที่ปกปิดส่วนล่างของอีกฝ่ายกำลังจะหลุด แต่ถ้ายอมอยู่เฉยๆ ให้เขาดูดซึมน้ำ เจ้าอรุณก็คงจะไม่ถูกรัดนานกว่าที่เป็นอยู่ไม่ใช่หรือไง
ฝ่ายเจ้าอรุณได้ยินอย่างนั้นก็ขบกรามแน่น
หน็อย มาอาศัยห้องคนอื่นอยู่ ยังจะมาทำตัวระรานอีก สบายไปหน่อยแล้วไหมไอ้เถาวัลย์!
“บอกให้ปล่อย...”
ไม่อยากจะโวยวายสักเท่าไหร่หรอก กลัวห้องข้างๆ จะได้ยินว่าเขาทะเลาะกับเดวีแล้วคิดว่าเขามีคู่ขาเป็นผู้ชายแล้วพามาอยู่ที่ห้องด้วย สำหรับเจ้าอรุณ ภาพลักษณ์อย่างไรก็สำคัญกว่า
หากแต่การที่เขาไม่เอาจริงก็ทำให้เดวียังคงนั่งกระดิกเท้าตัวเองเล่นไปเรื่อยจนเจ้าอรุณต้องออกปากอีกครั้ง
“เดวี! ฉันบอกให้...”
คราวนี้เสียงดังกว่าเดิม ทว่าพูดยังไม่ทันจะจบประโยคก็ต้องหยุดเมื่อจู่ๆ เดวีก็ส่งเถาวัลย์เถาเล็กๆ มาตรงหน้า เขาจะไม่สนใจเลยถ้าหากเถาวัลย์เถานั้นไม่มีดอกตูมสีแดงสดเล็กๆ งอกออกมาด้วย
“อะไร” ถามเสียงแข็งทันควัน
เดวีดันตัวขึ้นนั่งเล็กน้อย อธิบายหน้าระรื่น
“นายเคยถามฉันไม่ใช่เหรอว่าดอกนี่มีไว้เพื่ออะไร ฉันก็เลยว่าจะอธิบายสักหน่อย”
เจ้าอรุณหรี่ตามองอย่างจับผิด ทว่าไม่รู้ทำไมความอยากรู้ดันมีมากกว่าเลยเลือกที่จะอยู่นิ่งๆ ไม่ดิ้นหนีทั้งที่ดูแล้วมันไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด ก่อนที่เดวีจะเอ่ยปากพูด
“ปกติแล้วดอกไม้ที่มีสีสวยมักจะใช้ล่อพวกแมลงหรือสัตว์ให้มาช่วยในการผสมพันธุ์ ดอกไม้ของฉันก็คล้ายๆ กัน แต่มันไม่ได้ช่วยล่อแมลงหรือสัตว์ให้มาช่วยผสมพันธุ์ดอก แต่ช่วยเพื่ออย่างอื่นต่างหาก”
“ช่วยอะไร”
