บท
ตั้งค่า

Episode 04: วางตัวให้สมกับเป็นนักสำรวจหน่อย![2/2]

เดวียักคิ้ว ดึงเถาวัลย์กลับมาก่อนจะสะบัดมือเล็กน้อยให้เถาวัลย์เถาใหญ่อันนั้นหลุดออกจากการเชื่อมต่อที่ปลายนิ้วมือ พลางยืนมองเจ้าอรุณจัดเสื้อผ้าตัวเองให้เข้าที่ครู่หนึ่ง

พอเจ้าอรุณจะเดินไปโดยไม่สนใจที่จะเอ่ยขอบคุณ เดวีก็อดทักท้วงไม่ได้

“นี่ ไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยเหรอที่รัก”

คนถูกเรียกหยุดกึก หันไปมองตาขวาง

“อย่ามาเรียกฉันว่าที่รัก”

“โอเค ว่าแต่นายไม่คิดจะพูดอะไรกับฉันหน่อยเหรอ”

เจ้าอรุณรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการคำขอบคุณ แต่เขาไม่มีให้หรอก ก็บอกแล้วว่าเขาไม่ได้ขอร้องให้เดวีช่วย หมอนั่นเสร่อมาช่วยเอง เรื่องอะไรที่เขาจะต้องไปขอบคุณกัน!

“ไสหัวไป”

ลงท้ายด้วยคำพูดนี้แทน เดวีพ่นลมหายใจยาว แสร้งทำหน้าเหม็นเบื่อ

“เอะอะก็ไล่ เอะอะก็เฉดหัว คอยดูนะนายจะต้องเรียกหาฉันจนแทบขาดใจแน่ๆ ถึงตอนนั้นแล้วอย่ามาง้อก็แล้วกัน”

พูดประโยคแบบนี้กี่ครั้งแล้วก็ไม่รู้ ช่างสร้างความระคายหูให้กับเจ้าอรุณยิ่งนัก

“ฉันไม่เรียกหานายหรอกเว้ย! จะไปเฉาตายที่ไหนก็ไป!”

หันไปแผดเสียงสุดเสียง เดวีสะดุ้งเล็กน้อย ยกมือขึ้นทาบอกให้รู้ด้วยว่าตกใจที่ได้ยินคำพูดนั้น

“โอ... ปวดใจ”

ท่าทางไม่ได้รู้สึกอย่างที่แสดงออกเลย เจ้าอรุณเห็นก็หงุดหงิด เขาจะกลายเป็นคนเจ้าอารมณ์อยู่แล้วเวลาอยู่กับไอ้บ้านี่ ก่อนจะตัดสินใจตรงเข้าไปกระชากคอเสื้อคนตัวใหญ่กว่าให้โน้มหน้าเข้ามาใกล้

“ถ้าฉันยังเห็นนายอยู่ที่นี่อีก รับรองเลยว่านายได้เป็นตอตะโกแน่”

คิดจะเผาเราอีกล่ะสิ

เดวีหลุดยิ้ม คิดว่าได้เผาเขาแล้วครั้งหนึ่ง เขาจะยอมให้เผาอีกหรือไง ต่อให้การถูกไฟเผามันไม่ได้สร้างความเจ็บปวดให้ แต่ถ้ามันลามมาโดนยังโคนบริเวณปลายนิ้วที่ใช้สร้างเถาวัลย์ล่ะก็ มันก็เป็นเรื่องใหญ่ทีเดียว

“ถอยไป”

เจ้าอรุณเห็นใบหน้ายิ้มๆ ของเดวีก็รู้ว่าเดี๋ยวอีกฝ่ายจะพูดอะไรกวนโมโหเขาต่อเลยผลักออกเต็มแรงแล้วเดินสวนชนไหล่คนตัวใหญ่กว่าอย่างไม่แยแสอะไรทั้งสิ้น ปล่อยให้เดวียืนมองตามหลังพลางหัวเราะพร้อมกับความมั่นใจที่ผุดพรายขึ้นมามากกว่าเดิม

ถึงเรือนกระจกเมื่อไหร่ ได้เรียกหาฉันจนแทบขาดใจแน่ๆ อรุณ...

กว่าจะมาถึงเรือนกระจกก็ใช้เวลาร่วมชั่วโมงทั้งที่ปกติแล้วใช้เวลาเดินจากอพาร์ตเม้นต์มาที่ทำงานไม่ถึงสิบนาทีแท้ๆ โจเซที่เดินป้วนเปี้ยนสั่งงานคนโน้นทีคนนี้ทีอยู่หน้าเรือนกระจกเห็นว่าผู้ช่วยของตนมาช้าทั้งที่โทรไปตามตั้งแต่ชั่วโมงก่อน ซ้ำยังโทรไปตามอีกตั้งหลายครั้งแต่ไม่รับสาย เห็นหน้าเจ้าอรุณได้ก็โวยวายเสียงดังลั่น

“ทำไมมาเอาป่านนี้ ฉันบอกให้นายรีบมาไม่ใช่หรือไง!”

เจ้าอรุณย่นคิ้ว ไม่เคยเห็นโจเซหัวร้อนขนาดนี้ ซ้ำพอมองเข้าไปในข้างในเรือนกระจกบริเวณจุดที่เอาเถาวัลย์ประหลาดนั่นไว้แล้วเห็นนักพฤกษศาสตร์มากมายมุงอยู่ สัญชาตญาณก็บอกเขาทันทีว่าเกิดเรื่องใหญ่เข้าให้แล้ว

“ขอโทษครับ พอดีผมเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย” รีบเอ่ยข้ออ้างออกไป

โจเซมองสภาพเจ้าอรุณที่แต่งตัวไม่เนี้ยบเหมือนทุกวัน เสื้อผ้ามีรอยยับย่นแปลกตาก็พ่นลมหายใจยาว คนตรงหน้าเขาคงไม่มาโกหกอะไรไร้สาระพรรค์นี้ ก่อนจะเข้าเรื่อง

“ช่างมันเถอะ นายรีบเข้าไปข้างในก่อนดีกว่า มีเรื่องใหญ่ชวนให้ปวดหัวรออยู่”

ว่าจบก็พยักหน้าเรียกเจ้าอรุณอีกทีก่อนเดินนำเข้าไป เจ้าอรุณเม้มปากเล็กน้อยแล้วก็ก้าวตาม ไม่นานก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าเถาวัลย์ประหลาด บรรดานักพฤกษศาสตร์ที่โจเซเรียกมาพากันแหวกทางให้เจ้าอรุณ พอเถาวัลย์ประหลาดอยู่ในสายตา หัวคิ้วของชายหนุ่มก็ย่นยู่

มันแปลกไปจากทุกวัน... จะว่าอย่างไรดีล่ะ บรรดาเถาวัลย์ที่เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ บัดนี้มันไม่มีวี่แววว่าจะเคลื่อนไหวเลยสักนิด ทอดตัวดิ่งไปตามแรงโน้มถ่วงโลก ใครบางคนใช้ไม้ไปเขี่ยก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง หนำซ้ำดอกตูมสีแดงสดก็เริ่มมีสีช้ำและแห้งเหี่ยวแล้ว

เป็นไปไม่ได้…

“เกิดอะไรขึ้น”

สีหน้าของเจ้าอรุณเคร่งเครียดขณะถามคำถามนี้ โจเซที่เดินมาถึงก่อนหันไปพูดกับเขา

“คำถามนี้ฉันควรจะเป็นคนถามนายมากกว่า นายเป็นคนดูแลมัน แล้วก็เป็นคนสุดท้ายที่อยู่กับมันด้วย ฉันถึงได้รีบเรียกนายมาไง”

“ด็อกเตอร์มั่นใจได้ยังไงว่าผมอยู่กับมันเป็นคนสุดท้าย ผมออกจากที่นี่ไปช่วงกลางวัน หลังจากนั้นอาจจะมีคนอื่นมาอยู่ที่นี่ต่อก็ได้”

เจ้าอรุณแก้ตัว ทำเอาโจเซยกมือลูบใบหน้า

“พอฉันรู้ว่านายไม่อยู่ ฉันก็สั่งให้ปิดเรือนกระจกทันทีเพราะฉันมอบหมายให้นายดูแลแต่เพียงผู้เดียว เลยไม่อยากให้คนอื่นมาวุ่นวาย กลัวว่านายจะหัวเสีย เห็นเวลามีใครมาวุ่นวายกับงานของนาย นายก็หงุดหงิดทุกที แล้วแบบนี้ยังจะไม่ให้ฉันพูดว่านายอยู่ที่นี่กับมันเป็นคนสุดท้ายอีกเหรอ”

ที่โจเซพูดก็ถูก เจ้าอรุณมักไม่ชอบให้ใครมาทำงานซ้ำซ้อนกับงานที่เขาได้รับมอบหมาย เกิดเหตุการณ์อย่างนั้นทีไร เขาก็พานหงุดหงิดไม่อยากทำงานต่อทุกที

“ด็อกเตอร์ลองให้น้ำมันหรือยังครับ”

เจ้าอรุณไม่เถียงต่อ หากแต่ถามอย่างอื่น โจเซมองหน้าอีกฝ่ายนิ่งๆ

“นายคิดว่าฉันเรียกคนอื่นๆ มาเพื่ออะไรงั้นเหรอ เพื่อให้ช่วยกันคิดว่าจะทำยังไงต่อไปไง ไอ้ให้น้ำให้อะไรนั่นน่ะฉันทำไปแล้วและมันไม่ได้ผล ถึงได้มีการระดมสมองอย่างที่นายเห็น”

เจ้าอรุณเม้มริมฝีปาก เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นและก็ไม่รู้เช่นกันว่าควรทำอย่างไรต่อไป ดูท่าทางโจเซจะอารมณ์เสียเหมือนกันถึงจะไม่ได้แสดงออกทางสีหน้ากับน้ำเสียงสักเท่าไหร่ แต่เขาก็มั่นใจว่าที่เถาวัลย์ประหลาดหยุดการเคลื่อนไหวไม่ได้เป็นเพราะฝีมือเขาแน่ ก็ก่อนจะพาเดวีกลับไปที่ห้องเมื่อช่วงกลางวันของเมื่อวาน มันยังดีๆ อยู่เลย

หรือว่า...จะเป็นฝีมือของเดวี?

“ว่าไง ตกลงนายจะบอกฉันได้หรือยังว่าเกิดอะไรขึ้น”

โจเซถามย้ำมาอีก เจ้าอรุณได้สติ หันไปมองหน้าผู้เป็นเจ้านาย

“ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น แต่คิดว่าผมรู้ว่าใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”

“นายหมายความว่าไง”

โจเซขมวดคิ้วให้กับคำพูดวกไปวนมาของเจ้าอรุณ ก่อนจะต้องร้องเรียกเสียงดังเมื่อจู่ๆ หนุ่มรุ่นน้องก็หมุนตัวเดินกลับไปยังประตู

“เฮ้อรุณ จะไปไหนน่ะ!”

“เดี๋ยวผมมาครับ!”

เจ้าอรุณร้องบอกเพียงแค่นั้นก่อนพาขาทั้งสองข้างออกวิ่งเต็มฝีเท้า ในหัวมีแต่ภาพใบหน้าของเดวีฉายขึ้นมา

โดนไอ้หมอนั่นวางยาให้แล้วไง!

กะจะวิ่งกลับไปที่อพาร์ตเม้นต์ เดาเอาว่าเดวีคงจะรอเขาอยู่ที่นั่น แต่ผิดคาด แค่วิ่งออกมายังอาคารส่วนหน้า เขาก็เห็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่คุ้นตานั่งไขว่ห้าง เล่นกับใบไม้ในกระถางตกแต่งรออยู่อย่างสบายอารมณ์

เจ้าอรุณชะงักฝีเท้ากึก หยุดยืนหายใจหอบฮั่กก่อนจะออกปากเรียกเสียงดัง

“เดวี!”

เดวีหันไปมองตามต้นเสียง พอเห็นว่าเป็นเจ้าอรุณก็ยิ้มเผล่

“ฉันบอกแล้วใช่ไหมที่รักว่าเดี๋ยวนายจะต้องเรียกหาฉันใจแทบขาดแน่ๆ”

เรียกหาน่ะใช่ แต่ไอ้ที่ขาดน่ะไม่ใช่ใจ เป็นหัวนายต่างหาก! รู้อยู่แล้วแต่แรกแน่ๆ ว่าต้องเป็นแบบนี้ ไอ้เจ้าเล่ห์เอ๊ย!

เจ้าอรุณก้าวอาดๆ มาหยุดตรงหน้าเดวี คุมอารมณ์ตัวเองอย่างสุดความสามารถไม่ให้ไปกระชากคอเสื้อคนตรงหน้า พลันถามเสียงขุ่น

“นายทำอะไรกับเถาวัลย์ในเรือนกระจกไม่ทราบ”

แน่นอนว่านอกจากถามเสียงขุ่นแล้วยังถามเสียงเบาด้วยเกรงว่าคนอื่นจะได้ยิน เดวียังคงยิ้มยั่ว พลันส่ายหน้าพรืด

“ไม่ได้ทำอะไรสักนิด ออกมาพร้อมกับนายจะไปทำอะไรได้ยังไง”

“ฉันไม่มีเวลาว่างมาเล่นลิ้นกับนาย บอกมาว่าต้องทำยังไงมันถึงกลับมาเคลื่อนไหวได้”

เข้าทางเดวีเข้าอย่างจัง ดีนะที่เขาตัดสินใจมานั่งรอที่นี่ ไม่เสียแรงเปล่าเลยจริงๆ คนอย่างเจ้าอรุณดูออกง่ายจะตายว่าคิดจะทำอะไร ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ใช้ไม้นี้มาหลอกล่อให้ติดกับหรอก

พูดไปอย่างนั้น เดวีก็ชูสองนิ้วขึ้นในอากาศ

“อะไร” เจ้าอรุณพ่นเสียงขุ่นทันควัน

“เงื่อนไขสองข้อไง”

คนฟังสูดหายใจเข้าเต็มปอดราวกับจะระงับอารมณ์ แล้วก็พยักหน้าให้อีกฝ่ายพูดต่อได้

“ข้อแรก...นายต้องเป็นที่พึ่งพิงให้กับฉัน”

“ข้อสองล่ะ”

“ให้ฉันอยู่ด้วย แล้วก็ดูแลฉัน”

“ทำไมฉันต้องดูแลนายด้วย”

ความจริงจะยอมตกปากรับคำไปง่ายๆ แลกกับการทำให้เถาวัลย์ประหลาดกลับมาเคลื่อนไหวอย่างเดิม เจ้าอรุณก็ทำได้ แต่ถ้าทำอย่างนั้น เขาจะรู้สึกว่าตัวเองตกเป็นเบี้ยล่างเลยพลั้งปากออกไปคล้ายว่าไม่ยอมในทีเดียว

เดวีคิดอยู่แล้วว่าเจ้าอรุณต้องพูดแบบนี้เลยไม่ได้ใส่ใจนัก

“นายเป็นนักพฤกษศาสตร์ก็ต้องมีหน้าที่ดูแลพืชซี่”

“ฉันเป็นนักพฤกษศาสตรไม่ได้หมายความว่ามีหน้าที่ดูแล ฉันแค่ศึกษาวิจัยพรรณพืช จะดูแลก็ต่อเมื่อฉันศึกษาพืชชนิดนั้น”

“นายก็ศึกษาฉันอยู่นี่ไง”

เจอเดวีสวนเข้าไป เจ้าอรุณก็เถียงต่อไม่ออก จริงอยู่ที่เขาศึกษาเถาวัลย์ของเดวี แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องแบ่งพื้นที่ห้องให้ผู้ชายตรงหน้านี่นา!

“นายจะมาอยู่กับฉันเพื่ออะไรไม่ทราบ”

หงุดหงิดอีกแล้ว เดวีแสร้งทำท่านึก

“อืม ไม่รู้สิ ชอบนายมั้ง”

หยอกเล่นอยู่ได้ น่ารำคาญ!

เสียงในหัวของเจ้าอรุณกู่ร้อง เขาแทบจะทนไม่ไหว เกือบจะฟาดหน้าหล่อๆ นั่นอยู่แล้ว ทว่าเสียงคุ้นหูของใครบางคนก็ดังขึ้นก่อน

“อรุณ มาทำอะไรอยู่ตรงนี้”

โจเซที่วิ่งตามมานั่นเอง เขาเห็นเจ้าอรุณพรวดพราดออกมาจากเรือนกระจกเลยคิดว่ามีอะไรร้ายแรง พอออกมาแล้วเห็นเจ้าอรุณยืนคุยกับชายหนุ่มแปลกหน้าก็พลันสงสัย

“นี่ใคร?” สงสัยอย่างเดียวไม่พอ ออกปากถามเลย

เจ้าอรุณนิ่งค้าง ทำหน้าไม่ถูก ซ้ำยังไม่รู้จะบอกโจเซอย่างไรว่าเดวีเป็นใครขณะที่เดวียิ้มกว้าง ยกมือขึ้นพร้อมเอ่ยทักทาย

“ไงที่รัก”

ที่รักบ้านมันเถอะ นั่นหัวหน้างานไหม!

จะออกปากห้ามก็ไม่ทันแล้ว โจเซย่นคิ้วจนแทบจะไปรวมกับตาอยู่แล้ว

“นายเป็นใครเนี่ย”

“อ๋อ เป็นเถา...”

“เป็นนักสำรวจครับ!”

หูได้ยินอะไรเถาๆ ก็รีบโพล่งออกไปก่อนที่เดวีจะได้พูดทั้งประโยค ทำเอาทั้งโจเซทั้งเดวีหันไปมองเขาเป็นตาเดียว

“เป็นนักสำรวจเหรอ?”

โจเซถาม ส่วนเจ้าอรุณก็พยักหน้ารับหงึกหงัก ขณะที่เดวียิ้มกว้าง

“ฟังดูก็ไม่เลว”

ไม่ต้องทำมาเป็นพูดเลย เพราะนายนั่นแหละเรื่องมันถึงได้ยุ่งยากขึ้นกว่าเดิมเนี่ย!

“ด็อกเตอร์โจเซ เป็นผู้อำนวยการที่นี่ ส่วนคุณ...?”

“เดวี”

เจ้าอรุณแย่งตอบอีกแล้ว ซ้ำยังดึงมือโจเซออกห่างจากการจับมือทักทายเดวีด้วย ไม่ใช่ว่ามีปัญหาอะไร เขาแค่กลัวว่าโจเซจะถูกเดวีทำอะไรแผลงๆ เหมือนอย่างที่เขาเคยโดน แล้วเรื่องมันจะบานปลายยิ่งกว่าเดิม

โจเซมีสีหน้างุนงงไปเล็กน้อยกับอากัปกิริยาของหนุ่มไทย แต่พอเห็นหน้าเดวีที่ยิ้มกว้างไม่เลิกเลยไม่ได้สนใจอะไรนัก จริงๆ แล้วเขามีเรื่องต้องให้สนใจมากกว่านี้ด้วยเลยไม่อยากจะใส่ใจอะไรหยุมหยิมสักเท่าไหร่

“แล้วนี่รู้จักกันได้ยังไง”

“เมื่อวานผมติดต่อเขาไป ขอให้เขามาช่วยงาน แบบว่าเขาเป็นนักสำรวจที่เชี่ยวชาญเรื่องเถาวัลย์ในป่าอเมซอนน่ะครับ เชี่ยวชาญมาก โดยเฉพาะเถาวัลย์ประหลาดที่เราเพิ่งได้มา”

เจ้าอรุณยังคงเป็นฝ่ายพูดอยู่คนเดียว แถมยังแต่งเรื่องเป็นตุเป็นตะอีกด้วย โจเซเหลือบมองเดวีเป็นเชิงถามว่าจริงไหม เดวียิ้มรับให้ พยักหน้ารัวๆ ราวกับว่าเข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการพูดอะไร

“งั้นก็ดีเลย พวกเรากำลังเจอปัญหาใหญ่อยู่พอดี เชิญเลย”

ได้คำตอบแล้วโจเซก็ไม่รอช้า เชื้อเชิญเดวีอย่างรวดเร็วก่อนจะเป็นฝ่ายเดินนำไปก่อน เดวีลุกขึ้นยืน โน้มใบหน้ามากระซิบใกล้ๆ หูของเจ้าอรุณ

“สรุปว่านายยอมรับเงื่อนไขทั้งสองข้อของฉันแล้วนะ”

ยังไม่ทันจะได้ตกลงเลยสักนิด นี่มันถูกมัดมือชกโดยไม่รู้ตัว แถมยังไม่เต็มใจชัดๆ!

“นายวางตัวให้สมกับเป็นนักสำรวจหน่อยก็แล้วกัน อย่าสร้างเรื่อง” ในเมื่อหนีไม่ได้ก็จนใจรับชะตากรรมไป ส่วนอย่าสร้างเรื่องในความหมายของเขาก็คืออย่าเอาเถาวัลย์ไปพันไปรัดใครต่อใครมั่วซั่วน่ะ

เดวียิ้มแฉ่ง ยื่นหน้าเข้ามาใกล้กว่าเดิม

“ก็ต้องขึ้นอยู่ว่านายดูแลฉันดีขนาดไหนนะที่รัก”

เคยบอกแล้วว่าอย่าเรียกที่รักไง พูดไม่รู้เรื่องเหรอวะ! นายนี่เรียกคนอื่นที่รักไปทั่วเลยนะ!

เจ้าอรุณไม่อยากจะใส่ใจ แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินแล้วเดินหนี หากแต่เดินได้ไม่กี่ก้าวก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อจู่ๆ บั้นท้ายก็สัมผัสได้ถึงแรงกระแทก หันไปมองก็เห็นเดวีสะบัดมือเถาวัลย์เถาเล็กๆ ที่ปลายนิ้วมือข้างหนึ่งฟาดก้นเขาอยู่เบาๆ

“เต่งตึงเด้งดึ๋ง ตอบรับทุกแรงกระแทก”

แรงกระแทกเตี่ยนายเถอะ!

ดีนะที่ไม่มีใครเห็น ไม่อย่างนั้นล่ะเป็นเรื่อง

เจ้าอรุณกำมือแน่นมาก ต้องใช้ความอดกลั้นมากแค่ไหนก็ไม่รู้ในการไม่วิ่งปรี่ไปคว้าน้ำมันมาราดไอ้คนหัวหยิกหย็อยทางด้านหลังก่อนจุดไฟเผา

“เพิ่งจะบอกอยู่แหม็บๆ ว่าให้วางตัวให้สมกับเป็นนักสำรวจหน่อย ฟังภาษาคนออกไหมวะ!?”

ได้แต่ระบายอารมณ์ด้วยการหันไปแผดเสียงใส่ เดวีอมยิ้ม ไม่พูดอะไร ทำหน้าตาล้อเลียนแทน เจ้าอรุณเลยรีบหันกลับมาแล้วจ้ำเดินหนีอย่างรวดเร็ว

คิดผิดจริงๆ ที่พลั้งปากบอกด็อกเตอร์โจเซไปแบบนั้น

หางานให้ตัวเองแท้ๆ เจ้าอรุณเอ๊ย!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel