บท
ตั้งค่า

Episode 03: พ่อเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด[2/2]

เดวีส่งเสียงกระเง้ากระงอดมาอีก ขัดหูเจ้าอรุณเป็นอย่างยิ่ง ผู้ชายตัวโตอย่างกับหมี มาทำท่าทางเหมือนเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ มันโคตรขัดหูขัดตาเลย

“แล้วอะไรเล่า!”

ขัดหูขัดตาไม่พอ ยังจะหัวเสียด้วย เผลอขึ้นเสียงใส่เล็กน้อย เดวีย่นปากมากขึ้นไปอีก สะบัดตัวเล็กน้อยประหนึ่งเด็กถูกขัดใจ

“ก็มันไม่มีที่ให้เกาะ จะให้ดูดซึมเลยมันไม่ชินนี่!”

คนตัวโตเสียงดังกลับมาบ้าง เจ้าอรุณระลึกได้ในตอนนี้

ส่วนหนึ่งในร่างกายมันเป็นเถาวัลย์นี่หว่าเกือบลืมไป ต้องหาที่ยึดเกาะก่อนแล้วค่อยดูดน้ำสินะ

ไอ้เถาวัลย์ผีสิงเอ๊ย!

“งั้นเดี๋ยวฉันไปเอาไม้ถูพื้นมาให้ รอเดี๋ยว”

ถึงจะหงุดหงิดแต่อยากให้สถานการณ์นี้รีบๆ จบไปมากกว่าจึงจะยุติเรื่องเอาดื้อๆ กะจะให้เดวีพันเถาวัลย์กับด้ามไม้ถูพื้นแล้วดูดน้ำ ทว่าเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกเดวีส่งเถาวัลย์มารัดที่ข้อเท้าไว้ เจ้าอรุณชะงักฝีเท้า หันไปมองทันควัน

“ไม่ต้องก็ได้ ไม่จำเป็น”

ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร เดวีก็ว่าออกมาก่อนแล้วทำเอาเจ้าอรุณขมวดคิ้ว

“แล้วนายจะดูดยังไง เมื่อกี้เพิ่งจะบอกแหม็บๆ ว่าไม่มีอะไรให้เกาะแล้วมันไม่ชินไม่ใช่หรือไง”

ในใจอยากจะร้องตะโกนถามว่าอะไรของนายวะ! แต่ปากกลับพูดไปด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบเพราะไม่อยากจะสบถคำหยาบออกไปสักเท่าไหร่นัก วันนี้เขาสบถสารพัดคำหยาบจนเอียนแล้วแม้ว่าจะเป็นในใจก็เถอะ

แต่เหมือนเดวีจะไม่รู้ว่าเจ้าอรุณคิดอะไร พอสิ้นเสียงของคนตรงหน้าก็ดันตัวลุกขึ้นยืน ว่าหน้าระรื่น

“ก็ใช้นายแทนไง”

“ฮะ?”

แค่ฮะเท่านั้น ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ เถาวัลย์หลายเถาก็พุ่งออกมาจากปลายนิ้วของเดวีทั้งมือและเท้า เกี่ยวกระหวัดพันรัดไปทั่วร่างของหนุ่มนักพฤกษศาสตร์อย่างไม่ทันตั้งตัว เจ้าอรุณเบิกตาโพลง ตั้งใจจะร้องขัด แต่เถาวัลย์พวกนั้นก็เติบโตไวเกินกว่าที่เขาคาดการณ์นัก ตอนแรกยังเป็นเถาสีเขียวอ่อน ผ่านไปไม่กี่วินาทีก็เริ่มมีเถาหนาและแข็งแรงขึ้น มันรัดร่างเขาแน่นเสียจนชาดิกราวกับถูกงูอนาคอนด้ารัดก็ไม่ปาน

เกือบจะหายใจไม่ออก ร่างกายชาดิก ส่วนเจ้าของเถาวัลย์ก็มองผลงานของตัวเองพลางปรบมือแปะๆ

“พันเรียบร้อย”

ตามมาด้วยยิ้มอย่างพอใจที่เห็นสภาพเจ้าอรุณถูกรัดเหมือนดักแด้ ไม่ลืมที่จะทาบทับริมฝีปากของอีกฝ่ายด้วยเถาวัลย์เถาเล็กๆ เพราะรู้ดีว่าถ้าปล่อยให้มันเป็นอิสระ เจ้าอรุณก็จะส่งเสียงสาปส่งเขาออกมา ดีไม่ดีจะด่าโคตรเหง้าเขาด้วยทั้งที่เขาก็ไม่รู้ว่าต้นตระกูลตัวเองมาจากที่ไหนกันแน่

เมื่อถูกทำอย่างนั้น เจ้าอรุณเลยได้แต่ส่งสายตากินเลือดกินเนื้อให้ขณะที่เดวีเดินมาหยุดตรงหน้า กระดิกปลายนิ้วชี้ข้างหนึ่งที่ไม่ได้งอกเถาวัลย์มาพันร่างคนตรงหน้าเล็กน้อย เท่านั้นเถาวัลย์เถาเล็กๆ ก็งอกยาวออกมาก่อนมันจะถูกส่งลงไปยังกระถางน้ำที่วางอยู่ข้างเจ้าอรุณ

น้ำในกระถางค่อยๆ ลดหายไป ส่วนเดวีก็ทำหน้าเปี่ยมสุข ครางออกมาอย่างกับว่าได้ดื่มน้ำอัดลม

“อา... ชื่นใจ”

เจ้าอรุณกัดฟันกรอด หมั่นไส้กับท่าทางระริกระรี้ของไอ้หัวหยิกหยอยเสียเต็มประดาแต่ไม่ดิ้นให้เหนื่อยเปล่า ปล่อยให้ตัวเองถูกรัดอยู่อย่างนั้นพลางคาดโทษในใจทันควัน

หลุดไปได้เมื่อไหร่ เผาทิ้งแน่ไอ้เถาวัลย์นรก!

ใช้เวลาร่วมหลายนาทีกว่าเดวีจะดูดซึมน้ำจากกระถางนั้นหมด ดูท่าจะกระหายมากจริงๆ ถึงได้ดูดจนแทบไม่เหลือสักหยด ท้องอิ่มเรียบร้อยก็ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ เอามือลูบท้องไปมา

“อิ่มแปล้”

อิ่มแปล้ก็ปล่อยสักที!

เจ้าอรุณส่งสายตาเจือรังสีอำมหิตไปให้ด้วยเดวียังไม่ปล่อยเขาออกจากการพันธนาการ ส่งเสียงอู้อี้ กระโดดหย็องแหย็งไปมา เดวีถึงได้นึกขึ้นได้ว่าลืมปลดปล่อยหลักยึดในการดูดซึมน้ำของตัวเองไป

“ขอโทษที ลืมไปว่ายังไม่ได้ปล่อยนาย”

แล้วก็สะบัดมือเล็กน้อย เท่านั้นเถาวัลย์ที่เชื่อมต่อกับปลายนิ้วเขาอยู่ก็หลุดออกจากปลายนิ้ว หากแต่ไม่หลุดออกจากลำตัวของเจ้าอรุณ เจ้าอรุณต้องมาหาทางเอาตัวเองออกจากเถาวัลย์บ้านั่นอยู่นานสองนานโดยมีเดวีนั่งลูบท้องตัวเองไปมาด้วยกินอิ่มเกินพอดี

ไอ้เวร!

หลุดออกมาได้ในสภาพทุลักทุเลก็มองคนบนเก้าอี้ตาขวาง ต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากในการไม่เอื้อมมือไปหยิบทอร์ชพ่นไฟสำหรับแต่งหน้าอาหารในลิ้นชักเก็บอุปกรณ์ทำอาหารมาเผาเถาวัลย์ตรงหน้า

เจ้าอรุณไม่ได้หมายถึงเศษซากเถาวัลย์บนพื้น แต่หมายถึงไอ้ตัวสร้างเถาวัลย์ต่างหาก!

“บอกข้อมูลของนายมาซะที”

หลังระงับอารมณ์ได้แล้ว และคว้าแท็บเล็ตมาเตรียมพร้อมบันทึกข้อมูลเรียบร้อยก็ออกปากถาม เดวีที่เพิ่งหายท้องอืดยิ้มรับ

“อยากรู้อะไรก่อนล่ะ”

“ข้อมูลพื้นฐาน”

“แล้วมันอะไรล่ะ”

“อย่างเช่นว่านายเป็นเถาวัลย์สายพันธุ์ไหน อยู่ในวงศ์ไหนอะไรทำนองนั้น”

กดน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้แต่ข้างขมับกระตุกยิกๆ รำคาญเหลือเกินที่แม้แต่คำถามง่ายๆ ไอ้บ้าหัวหย็อยนี่ก็ไม่เข้าใจ และต่อให้อธิบายไปแล้ว เดวีก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ทำท่าคิดไปเล็กน้อยพลางพูด

“พันธุ์ไหน วงศ์อะไร ฉันไม่รู้หรอก รู้แต่ว่าฉันสร้างเถาวัลย์ได้หลายรูปแบบก็แค่นั้น”

พอจะเข้าใจได้ว่าอาจจะเป็นเถาวัลย์หลายสายพันธุ์ แค่รู้ลักษณะก็พอ ที่เหลือเดี๋ยวเขาไปค้นข้อมูลต่อเอง

“มีแบบไหนบ้าง อธิบายพร้อมยกตัวอย่าง”

ถามพลางยกมือขึ้นดันแว่นเผยมาดนักวิชาการออกมาเต็มที่ ก่อนจะตั้งท่าเตรียมบันทึกข้อมูล

ถึงจะไม่ได้ไอคิวสูงเท่ากับเจ้าอรุณ แต่เดวีก็ไม่ได้โง่เสียจนไม่รู้ว่าควรทำอะไร เท่านั้นก็ยกมือขึ้นมา ปล่อยให้เถาวัลย์เถาเล็กๆ งอกออกจากปลายนิ้วประมาณสิบเซนติเมตรพลันเริ่มอธิบาย

“นี่เถาวัลย์เนื้ออ่อน มีสีเขียว ค่อนข้างจะบอบบาง ส่วนใหญ่ฉันจะใช้มันในการดูดซึมน้ำ ถ้าหนาหน่อยก็ใช้หยิบจับสิ่งของ ยึดเหนี่ยวอะไรบ้างเป็นบางครั้ง”

เจ้าอรุณจดตามอย่างรวดเร็ว จดเสร็จก็ยกมือขึ้นเป็นเชิงให้เดวีหยุดรอก่อน จากนั้นก็ไปค้นลิ้นชักที่เคาน์เตอร์หน้าเตาและกลับมาพร้อมกับซองซิปพลาสติก

“ขอตัวอย่างด้วย”

เดวียักไหล่ ใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่ดึงเถาวัลย์ที่งอกออกจากปลายนิ้วนั้นส่งให้ เจ้าอรุณรับมาใส่ในซองอย่างทะนุถนอม วางลงบนโต๊ะแล้วเริ่มการซักถามอีกครั้ง

“ว่าต่อ”

เดวีจัดการงอกเถาวัลย์ออกจากปลายนิ้วข้างเดิมอีกครั้ง คราวนี้ใช้เวลานานหน่อยเพราะเขาปล่อยให้เถาวัลย์สีเขียวอ่อนอย่างในตอนแรกเจริญเติบโตจนกลายเป็นเถาหนาและค่อยๆ มีเปลือกสีน้ำตาลแก่มาหุ้ม ถึงอย่างนั้นมันก็มีขนาดยาวประมาณสิบเซนติเมตรคล้ายกับว่าเขาบังคับให้มันสั้นหรือยาวแค่ไหนก็ได้

“ส่วนนี่เถาวัลย์เนื้อแข็ง สีค่อนข้างออกไปทางน้ำตาล ใช้เป็นเครื่องกำบังซะส่วนใหญ่ ในที่ทำงานนายก็เป็นเถาวัลย์ประเภทเดียวกันนี่แหละ”

สิ้นเสียงก็ใช้มืออีกข้างดึงเถาวัลย์ออกจากปลายนิ้ว ส่งให้ เจ้าอรุณสังเกตเห็นในตอนนี้ว่าเถาวัลย์ที่หนาขึ้นมามันไม่ได้หนาจากปลายนิ้วของเดวีเลย แต่มีเถาวัลย์เล็กๆ เชื่อมต่ออยู่อีกราวกับว่ามันช่วยให้การทิ้งเถาวัลย์จากตัวง่ายขึ้น

ไอ้หมอนี่ดูท่าทางจะมีอะไรซับซ้อนกว่าที่เราคิดเยอะ อันนั้นไว้ค่อยถามทีหลังแล้วกัน เอาเรื่องนี้ก่อน

ความจริงคันปากอยากจะถามหลายๆ คำถามในเวลานี้เลย เกลียดตัวเองขึ้นมาเล็กน้อยที่จู่ๆ ก็เกิดสนใจความประหลาดของผู้ชายตรงหน้าขึ้นมา เขาเป็นอย่างนี้ทุกที เวลามีอะไรให้ศึกษาและถ้ามันมีความซับซ้อน ต่อมความอยากรู้ของเขาก็เหมือนจะทำงานดีเป็นพิเศษ

“แล้วไงต่อ”

หยิบเถาวัลย์อันนั้นใส่ในซองซิปได้ก็เร่งเร้าไปอีก

เดวีหยักยิ้ม เห็นสีหน้านิ่งเรียบของอีกฝ่ายก็รับรู้ได้ว่าเจ้าอรุณกำลังพยายามกักเก็บความกระเหี้ยนกระหือรืออยากจะรู้ข้อมูลเกี่ยวกับเขาไว้อย่างสุดกำลัง แต่ถึงอย่างนั้นก็เก็บแววตาอยากรู้อยากเห็นไม่ได้ มันส่องประกายออกมาขนาดนั้น เป็นใครก็รู้สึกได้ และมันก็เป็นช่องทางให้เดวีอยากเล่นสนุกขึ้นมา

หยอกคนขี้หงุดหงิดให้หงุดหงิดกว่าเดิมนี่ของชอบเลยล่ะ

รู้ทั้งรู้ว่าเจ้าอรุณไม่ชอบหน้าเขาก็ยังอยากจะแกล้ง พอเห็นเจ้าอรุณพยักหน้าเร่งให้รีบอธิบาย เดวีก็ยิ้มเผล่ทันที

“ส่วนนี่... เถาวัลย์เนื้อแข็งเหมือนกัน เป็นไม้ล้มลุก ตอนนี้ล้มอยู่ แต่พอจับแล้วเดี๋ยวก็ลุก”

สิ้นเสียงแต่ไม่เห็นมีเถาวัลย์อะไรงอกออกมาจากปลายนิ้วของเดวี เจ้าอรุณที่ตั้งใจดูอยู่ก็ชักสีหน้า

“ไหนล่ะ”

“มาดูใกล้ๆ สิ”

เดวีแกล้งกระดิกนิ้วเรียกให้เจ้าอรุณเข้ามาใกล้ๆ เจ้าอรุณเกิดซื่อขึ้นมาในตอนนี้ จากที่ยืนอยู่ก็ค้อมตัวลงมา เลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้มือข้างนั้นของเดวีตามการเรียก

“ใกล้อีก เดี๋ยวไม่เห็นนะ”

มันหมายถึงเถาวัลย์ไหนของมันอยู่วะ

“ใกล้อีกนิดๆ”

ใกล้แล้ว ใกล้จนจะสิงอยูแล้ว อีกนิดหน้าเขาก็จะทิ่มมืออีกฝ่ายอยู่แล้วเนี่ย

หงุดหงิดเล็กๆ แต่ทนได้ ตอนนี้ลงไปนั่งยองๆ ตรงหน้าเดวีเรียบร้อย

เข้าทางเดวีทันที เท่านั้นก็นั่งกางขาฉับพลัน ทำเอาเจ้าอรุณที่มัวแต่จ้องมือหนาอยู่ผงะสุดแรง

“เนื้อแข็งม้ากมาก ไม่เชื่อก็ลองพิสูจน์ดูสิ”

ปะ...เป้ากางเกง

หน้าอยู่ตรงเป้ากางเกงมันพอดีเลย!

ตอนนี้เข้าใจกระจ่างแจ้งเลยว่าเดวีหมายถึงเถาวัลย์ไหน เท่านั้นเจ้าอรุณก็ยกแท็บเล็ตในมือฟาดลงไปยังเป้าตรงหน้า ดีที่เดวีรู้ทันเลยลุกหลบได้ทันท่วงทีขณะที่เจ้าอรุณผุดลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ใบหน้าแดงแจ๋ด้วยความโกรธและอับอายที่ถูกหลอก ส่วนเดวีก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่งที่หลอกคนขี้หงุดหงิดสำเร็จ

“หัวเราะอะไร มีอะไรให้ขำ!”

“ขำนายไง ฮ่าๆ อยากดูเถาวัลย์อีกไหม เดี๋ยวให้ซูม”

คนขี้แกล้งเท้าสะเอว ส่ายสะโพกไปมาอย่างหยอกล้อให้เจ้าอรุณได้กัดฟันกรอด ระงับอารมณ์สุดชีวิต พยายามจะไม่ถือสาอะไร

แต่ก็นะ ไอ้เวรนี่มันชวนให้โมโหจริงๆ!

เห็นเจ้าอรุณยังเฉย คนขี้แกล้งก็ได้ใจ หยอกเย้าเป็นการใหญ่

“ไม่เอา ไม่โมโหน่า แกล้งเล่นแค่นี้เอง อะ มาๆ ให้ข้อมูลเพิ่มเรื่องอื่นแล้วกัน”

คราแรกเจ้าอรุณกะว่าจะไม่เอาข้อมูลต่อแล้ว ทว่าพอโดนเสนอมาอย่างนี้ จิตวิญญาณนักวิชาการก็เข้าสิง อดไม่ได้เสียอย่างนั้น

“ถ้านายเล่นอะไรแผลงๆ อีก อย่าหาว่าฉันไม่เตือน”

กระนั้นก็อดกังวลไม่ได้ว่าจะถูกแกล้งเลยต้องขู่ เดวียิ้มยิงฟัน ส่ายหน้าพรืด

“ไม่เล่นๆ บอกจริงๆ ถือว่าเป็นการไถ่โทษ เอาเป็นเรื่องการดูดซึมอาหารดีไหม”

เรื่องนี้ก็ไม่เลว ยังไม่รู้เลยนี่นะว่าเดวีดูดซึมแร่ธาตุในดินได้อย่างไร

เจ้าอรุณพยักหน้าให้เป็นการตอบรับ เท่านั้นเดวีก็ยิ้มเผล่

“ฉันจะสาธิตให้ดู แต่คงต้องขอยึดนายเป็นหลักอีกรอบนะ”

เจ้าอรุณทำหน้าแหยทันที

ทำไมเราจะต้องเสียสละตัวเองถึงขนาดนั้นด้วยวะ! เรื่องเหอะ ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว!

เกือบจะปฏิเสธไปแล้ว แต่เดวีไม่รอให้เขาตอบรับเลย แค่ทำหน้าแหย ร่างก็ถูกเถาวัลย์พันธนาการอีกระลอก เจ้าอรุณซึ่งถูกเถาวัลย์รัดแน่นเป็นดักแด้รอบที่สองปั้นหน้าเครียด ออกคำสั่งเสียงแข็งเมื่อเห็นว่าเดวีเอาแต่ยืนลูบปลายคางตัวเอง มองผลงานด้วยความชอบใจ

“รีบๆ สาธิตเร็วเข้า”

“อย่างที่นายรู้ว่าพืชประเภทเถาวัลย์สามารถดูดน้ำได้สามทางคือทางราก ทางปมรากข้างลำต้นและยอด ส่วนแร่ธาตุหลักสำคัญก็คือไนโตรเจน แต่ฉันต่างออกไป ฉันไม่ได้รับน้ำหรือไนโตรเจนเป็นอาหารหลัก ไนโตรเจนไม่จำเป็นเลยด้วยซ้ำ ที่จำเป็นคือต้องรับน้ำให้เพียงพอสักวันละสองครั้งเพื่อให้สร้างเถาวัลย์ได้ หมายถึงน้ำปริมาณมากนะ ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่ต่างอะไรจากมนุษย์ทั่วไป”

เดวีร่ายยาว เจ้าอรุณพยายามเก็บรายละเอียดให้ได้ทั้งหมด พร้อมกับสะดุดตรงที่เดวีพูดว่าเขาไม่จำเป็นต้องรับไนโตรเจนทำให้อดถามไม่ได้

“ถ้านายไม่ได้รับไนโตรเจน แล้วนายดำรงชีวิตอยู่ยังไง มันเป็นแร่ธาตุจำเป็นไม่ใช่เหรอ”

“ฉันไม่ใช่พืชร้อยเปอร์เซ็นต์สักหน่อย กินอาหารเหมือนนายก็ได้ ถ้าจะไม่เหมือนก็ตรงที่ฉันต้องการน้ำมากกว่านายหลายเท่า”

เดวีว่าพลางยักคิ้วยียวน เจ้าอรุณแสร้งทำไม่สนใจ ถามต่อ

“แล้วถ้านายได้รับน้ำในปริมาณพอๆ กับที่มนุษย์อย่างฉันต้องการในแต่ละวันล่ะ นายจะเป็นยังไง”

“ก็ไม่เป็นยังไง แค่สร้างเถาวัลย์ไม่ได้แค่นั้นเอง”

เดวีย้ำอีกครั้ง เจ้าอรุณคิดวิเคราะห์เป็นพัลวันก่อนจะมีแผนการชั่วร้ายผุดพรายขึ้นมาในหัว

สักวันจะแกล้งให้มันขาดน้ำ เถาวัลย์มันจะได้ด้วนสักที โดยเฉพาะไอ้เถาวัลย์ล้มลุกอะไรนั่นน่ะ!

พยายามจะไม่แสดงสีหน้าออกไปว่ามีแผนการร้าย แล้วก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าก่อนจะพาเดวีกลับมาที่ห้อง เดวีเคยบอกไว้ว่าเขารับน้ำอะไรก็ได้ ตรงนี้ทำให้เจ้าอรุณสงสัยหนัก

“นายเคยบอกว่านายรับน้ำอะไรไปหล่อเลี้ยงก็ได้”

จู่ๆ ก็โพล่งขึ้นมา เดวีชะงัก ทำท่าครุ่นคิดแล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าเคยถูกเจ้าอรุณถามอย่างนั้นและเขาก็ตอบรับจึงพยักหน้า

“ใช่แล้ว”

“หมายความว่าไง”

“ก็น้ำอะไรก็ได้ไง แบบว่าบางครั้งที่ตกอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินแล้วหาน้ำไม่ได้ ฉันก็ดูดซึมน้ำจากที่อื่นมาหล่อเลี้ยงตัวเองเพื่อให้สร้างเถาวัลย์ได้”

“รู้แล้วว่าเพื่อให้สร้างเถาวัลย์ได้ แต่ฉันหมายถึงน้ำอะไรที่นายดูดซึมนอกจากน้ำเปล่าต่างหาก”

เจ้าอรุณกระชากเสียง รำคาญขึ้นมาอีกแล้วที่คนตรงหน้าไม่เข้าใจอะไรง่ายๆ เดวีร้องอ๋อ ก่อนหัวเราะ

“น้ำจากสิ่งมีชีวิตทั้งพืชและสัตว์อะไรอย่างนั้น”

เจ้าอรุณฟังแล้วก็คิดตาม จินตนาการไปตามความน่าจะเป็นว่าเดวีจะไปดูดซึมน้ำจากสิ่งมีชีวิตอื่นมาได้อย่างไร จากพืชยังพอเข้าใจได้ว่าคงใช้เถาวัลย์ไปพันก่อนแล้วแย่งน้ำมา แต่จากสัตว์นี่สิ... แย่งน้ำจากตรงไหน

เดวีมองหน้าเจ้าอรุณก็อ่านออกว่าอีกฝ่ายสงสัยอะไร มันเป็นสิ่งที่เขาต้องการให้สงสัยอยู่แล้วเพราะเขาจะได้หยอกล้อในขั้นตอนต่อไป พลันเดินเข้าไปใกล้ เรียกความสนใจจากนักพฤกษศาสตร์หนุ่ม

“บอกแล้วไงว่าจะสาธิตการดูดซึมให้ดู”

“นายบอกว่าจะสาธิตการดูดซึมอาหาร”

“แล้วน้ำไม่ใช่อาหารของพืชหรือไง ไม่ได้บอกว่าแร่ธาตุสักหน่อย จะสาธิตการดูดซึมน้ำจากสิ่งมีชีวิตให้ดู”

เดวีสวนคืน เจ้าอรุณรู้ชะตากรรมตัวเองทันทีว่าจะเกิดอะไรขึ้น คิดไปถึงคืนวันที่ถูกเดวีใช้เถาวัลย์ชอนไชแล้วก็สะพรึงขึ้นมา

ไม่ล้วงข้างหน้าก็ล้วงข้างหลังอีกสินะ ฝันไปเลย!

ฝันไปเลย!

“ไม่ต้องสาธิตแล้ว ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้”

เจ้าอรุณรีบดิ้นหนีการโอบรัดแต่ก็เสียเปล่าเพราะดิ้นแล้วเขาจะเสียหลักล้มแทน เดวีเห็นก็หัวเราะร่วน ตรงเข้ามาจับปลายคางคนตรงหน้า แลบลิ้นเลียริมฝีปาก

“เอาน่า นายอยากได้ข้อมูลนี่นา ฉันให้ฟรีๆ โดยไม่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนเลยนะ”

ตอนนี้ไม่อยากได้แล้วเว้ย ไปไกลๆ เลย!

โวยวายในใจหากแต่ปากแค่นเสียงขู่ต่ำออกมา

“ถ้านายคิดจะทำอะไรฉันล่ะก็ บอกเลยว่าฉันเผานายทิ้งแน่”

เดวีเลิกคิ้วสูงเล็กน้อยเป็นเชิงถามว่าจริงเหรอ แล้วก็ไม่สนใจ โน้มหน้าเข้ามาใกล้เสียจนปลายจมูกแทบจะสัมผัสกับปลายจมูกเจ้าอรุณ

“ดิ้นให้หลุดจากเถาวัลย์ของฉันก่อนแล้วค่อยมาเผานะ”

“นาย...”

เจ้าอรุณกัดฟันอย่างขุ่นแค้น แล้วความขุ่นแค้นนั้นก็กลายเป็นความตกใจเมื่อเสียงของเดวีดังขึ้นอีกครั้ง

“การสาธิตดูดซึมน้ำจากสิ่งมีชีวิตเริ่มขึ้นได้”

จากนั้นก็พุ่งเข้าไปประกบปากจูบเจ้าอรุณทันใด คนถูกจูบลืมตาโพลง ตกใจจนทำอะไรไม่ถูกทันทีที่เห็นริมฝีปากของตัวเองถูกครอบครอง ครอบครองอย่างเดียวไม่พอ ไอ้บ้าตรงหน้ายังจะแทรกลิ้นเข้ามาข้างในปากเขา กระหวัดเกี่ยวปลายลิ้นเขาอย่างโหยหาราวกับว่าเขาเต็มใจจูบมาตั้งแต่ชาติปางก่อน

แต่ว่าไม่ใช่...

ไม่ใช่เลยสักนิด

นี่มันจูบแรกของเรานะเว้ย ทำไมถึงได้เสียให้ผู้ชายวะ! ผู้ชายยังไม่เท่าไหร่ เป็นตัวอะไรก็ไม่รู้

ให้ตาย! เสียความบริสุทธิ์ของริมฝีปากให้เถาวัลย์เหรอเนี่ย!

ประกบจูบอย่างดูดดื่ม อีกนิดเดียวเดวีก็จะกลายร่างจากมนุษย์กึ่งเถาวัลย์เป็นปลาดูดซักเกอร์เต็มตัว เจ้าอรุณพยายามสะบัดหน้าหนีแต่ก็ถูกมือใหญ่จับเอาไว้ให้อยู่นิ่งๆ เขารู้ว่าการหนีไปก็ไม่ช่วยอะไรแต่ก็อยากจะหนี

ให้ตาย เป็นการเสียสละเพื่อมนุษยชาติอย่างใหญ่หลวงจริงๆ อีกหน่อยมันคงไม่สาธิตแค่ดูดซึมน้ำทางนี้แน่ๆ แต่เป็นทาง...

ไม่อยากจะคิดต่อว่าส่วนไหนในร่างกายเขาที่มีน้ำอีก ซ้ำเขายังไม่มีอารมณ์จะไปสนใจเลยว่าปลายลิ้นของเดวีที่รุกรานโพรงปากอยู่นั้นกระหวัดเกี่ยวปลายลิ้นเขาเพื่ออะไร ตอนนี้หน้าชาตัวชาไปหมด ชาอย่างเดียวไม่พอ ร้อนวูบไปทั้งตัวจนแทบสิ้นสติ รู้สึกตัวเต็มร้อยอีกทีก็ตอนเดวีถอนริมฝีปากออกมา

“รสชาติไม่เลวนะ”

พูดพลางเลียริมฝีปาก เจ้าอรุณหายใจแรงด้วยความกรุ่นโกรธ กดเสียงต่ำขู่ฟ่อ

“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้”

“ปล่อยก็โดนนายเผาสิ ไม่ปล่อยหรอก”

คนขี้แกล้งว่าหน้าตาเฉย แถมยังส่งเถาวัลย์มารัดร่างเจ้าอรุณเพิ่มให้แน่นขึ้นไปอีก กระดุกกระดิกไม่ได้ ขยับทีก็ล้มลงมากองกับพื้น เดวียิ้มร่า พูดอย่างไม่ยี่หระ

“อยู่แบบนี้สักพักก่อนนะ ไว้ฉันตื่นแล้วจะมาช่วย”

“นาย!”

“เบาเสียงด้วยนะคนดี”

เห็นเจ้าอรุณแหกปากเตรียมด่าก็ไม่ลืมส่งเถาวัลย์มาปิดปาก มีเพียงเสียงอู้อี้เท่านั้นที่ดังลอดออกมาจากนักพฤกษศาสตร์หนุ่ม

จัดการกับคนขี้หงุดหงิดเรียบร้อยแล้ว เดวีก็ยืดตัวบิดขี้เกียจ เดินออกไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียงของเจ้าอรุณหน้าตาเฉย ปล่อยให้เจ้าของห้องกลิ้งเกลือกเอาตัวรอดไปมาในห้องครัวเพียงลำพัง

“สบายจังเลย”

เอาหน้าซุกหมอน พลิกตัวอย่างเริงร่าครู่หนึ่งก็หลับตาพริ้ม เจ้าอรุณเห็นอย่างนั้นก็ชักมั่นใจแล้วว่าที่เขาเคยคิดว่าทำงานกับพืชสบายใจกว่าทำงานกับคนเป็นไหนๆ นั่นมันผิดมหันต์

ทำงานกับพืชชวนให้ปวดหัวและประสาทเสียกว่ากันเยอะโดยเฉพาะกับไอ้เถาวัลย์เจ้าเล่ห์นี่!

หน็อย เลี้ยวลดคดเคี้ยวเลื้อยไหลกะล่อนไปเรื่อยนักนะ หลุดไปได้เมื่อไหร่จะเอาขวานจามให้เละเลยคอยดู!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel