บท
ตั้งค่า

Episode 03: พ่อเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด[2/1]

เพราะคิดจะตัดผมตัดเผ้า ตัดทุกอย่างไม่ให้เหลือตอ เจ้าอรุณเลยพาเดวีกลับมาที่ห้อง แต่จะให้เดินโทงๆ เปลือยเปล่าล่อนจ้อนก็ไม่ได้ จะไปขอยืมเสื้อผ้าของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ใช้ใส่เปลี่ยนตอนกลับบ้านใช่เรื่อง เผลอๆ จะถูกมองว่าเป็นคนแปลกๆ มากกว่าเดิม เขาเองก็ไม่ได้สนิทสนมกับใครอยู่แล้ว จะให้ไปขอความช่วยเหลือมันก็รู้สึกประดักประเดิด สุดท้ายก็ถอดเสื้อกาวน์ของตัวเองให้เดวีใส่

เดวีใส่แล้วก็ขัดหูขัดตา ถึงจะไม่เห็นเถาวัลย์กลางลำตัว แต่ด้วยเนื้อผ้าสีขาวและค่อนข้างบางก็ยังทำให้เห็นเป็นรูปร่างอยู่ดี เจ้าอรุณพยายามจะไม่สนใจบางสิ่งที่ห้อยต่องแต่ง รีบพาอีกฝ่ายกลับมายังที่พักด้วยการออกทางประตูด้านหลังโดยไม่ให้ใครผิดสังเกต ส่วนเรื่องทิ้งงานกะทันหัน เขาแก้ตัวให้ตัวเองได้ว่ากลับไปค้นข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ที่อพาร์ตเม้นต์อะไรเทือกนั้น รับรองได้ว่าไม่มีใครกล้าต่อว่าเขาแน่

ก็มีคนกล้าตำหนิเขาเพียงคนเดียวซึ่งก็คือโจเซนี่นา คนอื่นอยากจะเสวนากับเขาที่ไหน

ด้วยความที่อพาร์ตเม้นต์อยู่ฝั่งตรงข้ามจึงใช้เวลาไม่นานนักในการเดินเท้า พอเข้ามาในห้องได้ เจ้าอรุณก็รีบปิดประตูล็อกขณะที่แขกของเขามองไปรอบๆ ห้องแล้วก็ส่งเสียง

“บ้านนายเล็กกว่าที่คิดนะเนี่ย นึกว่าจะใหญ่กว่านี้ซะอีก”

เล็กอย่างที่เดวีว่าเพราะพอเข้ามาในห้องก็เจอเตียงนอนเลย ใกล้กันมีโต๊ะทำงาน เยื้องไปหน่อยมีห้องครัวเล็กๆ ภายในห้องครัวมีห้องน้ำ ถัดออกไปก็เป็นระเบียง เรียกได้ว่าเป็นอพาร์ตเม้นต์สำหรับคนงบน้อยเลยก็ว่าได้

ก็เขางบน้อยจริงๆ เป็นถึงนักพฤกษศาสตร์ที่มีตำแหน่งนักวิจัยควบ ซ้ำยังทำงานหนักกว่าใครเพื่อนกลับได้เงินเดือนเพียงหยิบมือ อย่างว่าแหละ หน่วยงานรัฐมันก็เป็นแบบนี้ ไม่ว่าประเทศไหนๆ ก็เหมือนกันทั้งนั้น แต่เจ้าอรุณไม่ได้ใส่ใจมากนักหรอก ถ้าเขาได้รับการยกทุนให้ไม่ต้องชดใช้อีกต่อไป เขาก็ไม่อยู่ประเทศนี้แล้ว

“อยู่คนเดียวจะใช้พื้นที่เยอะๆ ไปทำไม”

เจ้าอรุณตอบกลับเสียงเรียบ ไม่อธิบายว่าทำไมถึงต้องมาอยู่ห้องเล็กๆ นี่นอกจากเดินตรงไปยังลิ้นชัก หากรรไกรสำหรับตัดผมแล้วหยิบออกมาถือก่อนเดวีจะแทรกขึ้นมาอีก

“ไม่มีเงินเช่าห้องดีๆ กว่านี้อยู่มากกว่า เงินเดือนน้อยล่ะสิ”

รู้ดี! เดี๋ยวก็เอากรรไกรเสียบเสียนี่!

โดนพูดแทงใจดำเข้าอย่างจังก็สะอึก ตวัดดวงตามามองทันควัน หัวคิ้วย่นยู่บอกให้รู้ว่าไม่พอใจ หากแต่ทำเป็นหูทวนลม รีบจัดการหน้าที่ของตัวเองให้เสร็จๆ

“อย่าพูดมาก มานั่งนี่”

สิ้นเสียงก็เบือนสายตาไปยังเก้าอี้ตัวหนึ่งที่อยู่ในครัว เดวีหันไปยิ้มรับ ก้าวฉับๆ ไปยังจุดที่เจ้าของห้องต้องการให้ไป พอเดินไปถึงก็นั่งปุ มือทั้งสองวางบนหน้าขา แหงนหน้ามองเจ้าอรุณเล็กน้อย

“เอาหล่อๆ นะ”

เจ้าอรุณถึงกับเบ้หน้า

ก็หน้านายได้แค่นี้ จะให้มันหล่อกว่านี้ได้ที่ไหนกันวะ! มีใครเอ่ยปากชมสักคำไหมว่าหล่อเนี่ย!

เผลอก่นด่าออกไปด้วยความรำคาญ เป็นการก่นด่าที่ผุดพรายในใจ ไม่ได้หลุดออกจากปาก พอได้สติ เจ้าอรุณก็หัวเสีย

นี่เขากลายเป็นคนหยาบคายโดยสมบูรณ์แบบแล้วจริงๆ ด้วย แค่เจอกับคนตรงหน้าเพียงไม่กี่ชั่วโมงแท้ๆ ถ้าปล่อยให้ตัวเองเป็นอย่างนี้ต่อไป มีหวังคงต้องเกิดเป็นความเคยชิน

ถึงจะไม่มีใครชอบหน้าเท่าไหร่นัก ทว่าเจ้าอรุณก็เป็นห่วงภาพลักษณ์ของตัวเอง เป็นนักวิชาการที่เถรตรงก็จริงแต่อย่างน้อยก็ไม่ขอหยาบคาย เขาจึงสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่คล้ายกำลังสะกดอารมณ์ ก่อนจะพูดออกไปนิ่งๆ

“อยู่เฉยๆ อย่าขยับเชียวถ้ายังจะอยากเก็บหูไว้”

เดวีเหลือกตามอง อมยิ้มน้อยๆ คล้ายกับท้าทายแต่ก็ไม่พูดอะไร หันกลับไปนั่งตัวตรง ปล่อยให้เจ้าอรุณค่อยๆ เล็มปลายผมให้

เจ้าอรุณไม่ใช่ช่างตัดผม เขาไม่มีประสบการณ์การตัดผม แต่มีประสบการณ์ในการตัดแต่งกิ่งไม้และพวกเถาวัลย์มาก่อนเลยพอจะคะเนได้ว่าส่วนไหนควรตัด ส่วนไหนไม่ควรตัด เขาไม่คิดว่าการตัดผมให้เดวีมันคือการตกแต่งผมแต่อย่างใด หากแต่มองว่าเป็นการตัดตกแต่งเถาวัลย์ให้เข้าที่เข้าทาง

...เถาวัลย์หน้าหนวดที่นั่งตัวตรงแหน็วด้วยเกรงว่าจะถูกเจ้าอรุณตัดหูทิ้ง

เจ้าอรุณไม่ได้ตัดผมเดวีเป็นทรงอะไรหรอก เล็มๆ ไปตามทรงเดิมแค่ให้สั้นลงเล็กน้อยและดูไม่กระเซอะกระเซิง ทั้งที่ใจจริงอยากจะโกนทิ้งไปเลยด้วยซ้ำ เสียอย่างเดียวตรงที่เขาไม่มีแบตตาเลี่ยนไว้ไถ ไม่อย่างนั้นไม่รอช้า ไถตั้งแต่ผมยันเคราแล้ว

ใช้เวลาไปนานพอสมควรถึงได้เสร็จสิ้น พอปลายกรรไกรออกจากจากปลายผม เดวีก็ร้องจะดูรูปโฉมตัวเองเป็นเด็กๆ ทันที

“กระจกล่ะ ไหนกระจก”

เจ้าอรุณกลอกตา บุ้ยปากไปยังอ่างล้างหน้าซึ่งมีกระจกอยู่ด้านบนที่อยู่หน้าห้องน้ำ เท่านั้นเดวีก็รีบผุดลุกขึ้นไปส่องดูตัวเองซ้ายทีขวาทีเป็นการใหญ่

“หล่อไม่มีใครเกิน”

หล่อกับผี! แทบไม่ต่างจากเดิม

เจ้าอรุณมองด้วยความหมั่นไส้เสียเต็มประดา มันก็จริงอย่างที่เขาคิด ทรงผมของเดวีไม่ได้ต่างจากเดิมเท่าไหร่นัก ผมหยักศกสีน้ำตาลอ่อนดูสั้นกว่าเดิมเล็กน้อย มันยังคลอเคลียอยู่ที่ต้นคอหากแต่ดูไม่กระเซอกระเซิงอย่างตอนแรก พอเดวีเอาผมทัดหูก็ดูดีกว่าเดิมขึ้นมาทันตา จะชวนให้ดูหงุดหงิดต่อเนื่องก็เพราะยังมีหนวดเคราบนใบหน้านี่แหละ

“โกนหนวดด้วย ทำเป็นไหม” ไม่ปล่อยให้รำคาญใจนาน ออกปากสั่งฉับพลัน

เดวีหันมามอง ส่ายหน้าพรึ่บ

“ไม่สันทัด ทำให้หน่อยสิ”

นี่เราเป็นนักพฤกษศาสตร์หรือช่างทำผมเนี่ย เวรเอ๊ย!

หลุดสบถหยาบคายในใจอีกแล้ว เจ้าอรุณพ่นลมหายใจออกมาอย่างไม่ปกปิดความรู้สึกว่ารำคาญ อีกทั้งยังหัวเสียที่ตัวเองเก็บอารมณ์ได้ไม่ดีนักทั้งที่อีกฝ่ายยังไม่ทันจะได้ทำอะไรเท่าไหร่ เดวีเห็นสีหน้าของเจ้าอรุณก็รู้ว่าเจ้าตัวหงุดหงิดแต่ไม่สนใจ ยิ้มหน้าระรื่น

“ก็บอกแล้วว่าปกติมีคนทำให้ แบบว่ามีคนรับใช้”

จะว่าตัวเองเป็นลูกคุณหนูว่างั้น!

เจ้าอรุณไม่คิดว่าเดวีเป็นลูกคุณหนูอะไรหรอก แต่ก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าเป็นตัวอะไร และเขาก็ไม่อยากจะเสียเวลาหาคำตอบให้เปลืองสมองด้วย อย่างที่ตั้งใจไว้ รีบเอาข้อมูลจากเดวีมาแล้วแยกวง เขาจะได้รีบๆ ได้รับอนุมัติยกเลิกการชดใช้ทุนแล้วกลับไทยสักที

“งั้นกลับมานั่งที่”

เรียกกลับมานั่งบนเก้าอี้อีกครั้ง ก่อนจะมองตามหลังเจ้าอรุณที่เดินไปหยิบครีมโกนหนวดและที่โกนหนวดมาจากห้องน้ำ มันไม่ใช่ของเขาหรอก เป็นของโจเซที่เอามาทิ้งไว้เพราะบางครั้งหัวหน้างานคนนั้นก็มาค้างคืนที่อพาร์ตเม้นต์ลูกน้องเวลาที่งานเร่งๆ หรือจำเป็นต้องช่วยเจ้าอรุณทำงานเหมือนกัน

ทำไมถึงต้องเป็นอพาร์ตเม้นต์ของเจ้าอรุณน่ะเหรอ?

ก็เจ้าอรุณไม่ชอบไปนอนค้างอ้างแรมที่อื่นไง เหตุผลแค่นี้ก็เพียงพอที่จะทำให้เขาไม่ยอมทำงานต่อแล้วถ้าหากถูกบังคับให้ไปนอนค้างที่บ้านโจเซ อีกฝ่ายจึงต้องมาหาเขาแทน

เป็นลูกน้องที่มีอภิสิทธิ์เยอะเสียเหลือเกิน แม้แต่หัวหน้ายังต้องง้อ ก็ช่วยไม่ได้ เขาเป็นลูกมือที่มีความสามารถโดดเด่น ช่วยแบ่งเบาภาระให้ได้ขนาดนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องง้อล่ะ

เจ้าอรุณเอาของมาวางบนโต๊ะกินข้าว เดวีเห็นก็ทิ้งตัวพิงกับพนักเก้าอี้ แหงนหน้าขึ้นเล็กน้อยเป็นการเตรียมพร้อม ทำเอาคนที่รับหน้าที่โกนหนวดให้ถึงกับย่นคิ้วจนแทบจะพันกัน

ไม่ใช่ย่นคิ้วเพราะจู่ๆ ก็กลายเป็นคนรับใช้จำเป็น แต่ย่นเพราะพอมองเห็นหนวดเครายุ่บยั่บแล้ว เขาก็นึกขยะแขยงขึ้นมา

เอามือไปสัมผัสตรงๆ จะติดเชื้อโรคไหมวะ?

ไม่ต้องให้ใครมาให้คำตอบ ไม่เอ่ยปากถามด้วย แค่เห็นแล้วรู้สึกขนลุกชัน เขาก็ไม่รอช้า รีบเข้าไปในห้องน้ำ เปิดเอาอะไรบางอย่างในชั้นเก็บของแล้วกลับออกมา

เดวีที่กำลังรอให้ปรนนิบัติรับใช้เหลือบมามองแล้วสีหน้าสงสัยก็ปรากฏไปทั่วใบหน้า

“เอาถุงมือมาทำไมน่ะ”

เจ้าอรุณไม่ตอบในทันที บรรจงสวมถุงมือยางลงบนมือของตัวเองทีละข้าง ใส่เสร็จแล้ว เดินมาใกล้ถึงได้พูด

“เดี๋ยวติดเชื้อ”

ไม่มีการไว้หน้าหรือใดๆ ทั้งสิ้น พูดออกไปตามตรงทำเอาเดวีบุ้ยปาก

“เชื้ออะไร มีที่ไหน สะอาดจะตาย ไม่เชื่อดู”

ไม่พูดอย่างเดียว แกะกระดุม... ไม่สิ กระชากสาบเสื้อกาวน์ออกจากกันจนกระดุมหลุดกระจาย เผยให้เห็นร่างกายภายในอย่างชัดเจน

เจ้าอรุณเผลอย่นจมูกเมื่อเถาวัลย์ที่ไม่ใช่พืชโผล่มาให้เห็นตรงหน้า ถึงจะไม่ได้เห็นครั้งแรกแต่ก็ใช่ว่าเขาจะชิน เห็นซ้ำๆ เห็นบ่อยๆ เห็นไปเห็นมา ตาจะบอด ของตัวเองก็มีให้เห็นแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว อะไรไม่ว่า รู้สึกขยะแขยงคนตรงหน้ามากขึ้นกว่าเดิมจนต้องขยับตัวเล็กน้อยเมื่อจู่ๆ ขนก็ลุกชันขึ้นมาวูบหนึ่ง

“ฉันขยะแขยง”

รอบนี้ก็ว่าตรงๆ ออกจากใจจริงด้วย เดวีหยุดการโชว์วิตถาร หัวเราะร่วน

“พูดซะเสียความมั่นใจ ฉันดูน่าขยะแขยงตรงไหนเนี่ย”

ทุกตรงนั่นแหละ!

“มีแต่คนบอกว่าฉันน่ารักจะตาย”

เดวีพยายามยืนยันว่าตัวเองไม่ได้น่าขยะแขยงชวนขนลุกขนพอง มันก็จริงที่มีแต่ใครๆ ชมเขา ยิ่งคน ‘ที่นั่น’ นะชื่นชมเขาอย่างกับอะไรดี ถึงกับยกให้เขาเป็นคนโปรดเลย แต่เจ้าอรุณไม่สนแล้ว ตรงไปคว้าครีมโกนหนวดและมีดโกนมาถือในมือมั่น ออกปากเสียงแข็ง

“หุบปากแล้วแหงนหน้า”

“ไม่ต้องใส่ถุงมือก็ได้”

“จะเอาเก็บไว้ไหมปากน่ะ ถ้าจะเก็บไว้ก็หุบปาก”

ยังไม่ทันที่เดวีจะได้เถียงสิ้นเสียงดี เจ้าอรุณก็แทรกขึ้น เดวีจึงได้แต่พิงพนักเก้าอี้แล้วแหงนหน้าขึ้นอีกครั้งอย่างว่าง่าย

เจ้าอรุณไม่เคยโกนหนวดมาก่อนเช่นกันไม่ว่าจะของเขาหรือของใคร เขาเป็นผู้ชายไม่มีหนวดเครามาตั้งแต่วัยรุ่นแล้ว จนตอนนี้อายุย่างเข้าเบญจเพส ผิวหน้าก็ยังเรียบเนียนใสกิ๊งไร้หนวดเคราทำให้เขาดูเด็กกว่าอายุจริงสักหน่อย ซ้ำยังดูไม่ค่อยมาดแมนสมชาย

ถึงจะดูไม่สมชาย แต่เขาชอบนะ รักความสะอาดอยู่แล้ว ใบหน้าเกลี้ยงเกลาแบบนี้แหละดีที่สุด

ชายหนุ่มเขย่าขวดครีมโกนหนวดในมือเล็กน้อยก่อนจะกดตรงหัวให้เนื้อครีมฟองฟูออกมา ปาดลงไปบนคางของเดวีจนทั่ว พอเห็นว่ามากพอแล้วถึงได้หยุดและลงมือโกนหนวดให้ทีละน้อย

ยากกว่าตัดผมเสียอีก โกนไปก็หงุดหงิดไปด้วยเดวีเอาแต่ถามเป็นระยะว่าเมื่อไหร่จะเสร็จเพราะแหงนหน้าจนเมื่อยคอแล้ว

ไม่ตัดหัวทิ้งก็บุญแล้วไอ้เถา!

สบถด่าในใจเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ กระทั่งเวลาล่วงเลยเป็นชั่วโมง การโกนหนวดถึงได้สิ้นสุดลง เดวีถูกไล่ให้ไปล้างหน้าเอาเศษหนวดเคราและคราบครีมโกนหนวดออก ขณะที่เจ้าอรุณทรุดตัวลงนั่งแทนที่อย่างเหนื่อยอ่อน ไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าทำไมจะต้องมาทำเรื่องบ้าๆ อย่างนี้ทั้งที่ตอนแรกมันเป็นแค่เรื่องการศึกษาวิจัยพันธุ์พืชประหลาดชนิดใหม่ที่ทางองค์กรได้รับมาก็เท่านั้น

เอาแต่รำพึงรำพันกับตัวเองเลยไม่ทันได้สังเกตใบหน้าใหม่ของเดวีก่อนจะหายไปล้างหน้า จนอีกฝ่ายเดินกลับมาเรียกถึงได้เห็นในคราวนี้

“ล้างเสร็จแล้ว”

คนพูดยิ้มแฉ่ง มือลูบคางปราศจากหนวดเคราไปมา เจ้าอรุณเหลือบตามองแล้วก็ต้องเบิกตาโต

ไอ้หมอนี่เป็นใคร!?

ตกใจลุกพรวดขึ้นมาเมื่อจู่ๆ ผู้ชายหน้าตาค่อนไปทางดีเดินเข้ามาหา

หน้าตาดีเลยล่ะแต่เจ้าอรุณไม่อยากชมผู้ชายด้วยกันเองสักเท่าไหร่

มองเผินๆ อย่างกับดารานายแบบ ปกติเขาคิดว่ามนุษย์เชื้อชาติคอเคซอยด์[ คอเคซอยด์ (Caucasoid) เป็นหนึ่งในประเภทของเชื้อชาติมนุษย์ในทางมานุษยวิทยาซึ่งใช้จำแนกมนุษย์ที่มีลักษณะจมูกโด่ง ผมเป็นลอน หนวดเคราดก ขนยาว ผิวสีอ่อน หรือที่รู้จักกันในชื่อเรียกทั่วๆ ไปว่าชาวตะวันตก]จะหน้าตาคล้ายๆ กันหมดเหมือนกับที่พวกฝรั่งมองว่าคนเอเชียคือคนจีน หากแต่ผู้ชายตรงหน้าดูดีกว่านั้น เขาแตกต่างกว่าชาวตะวันตกทั่วๆ ไป ก็หน้าตาดีกว่านั่นแหละ อ้อ มีสีผิวด้วยที่ต่าง ผู้ชายคนนี้มีผิวสีแทนซึ่งมันทำให้เขาดูดีเสียจนเจ้าอรุณเกือบจะลืมไปแล้วว่าผู้ชายคนนี้คือคนเดียวกับที่เขาเพิ่งไล่ให้ไปล้างหน้าเมื่อครู่

“หล่อจนมองตาค้างเลยเหรอ”

เห็นเจ้าอรุณมองตาไม่กะพริบ เดวีก็ยักคิ้วหลิ่วตา เจ้าอรุณได้สติกลับคืนมาในตอนนี้ มุ่ยหน้าทันควัน

“อย่าพูดอะไรไร้สาระ”

มันไร้สาระจริงๆ ไร้สาระจนพานไปหัวเสียว่ากับอีแค่มีหนวดเครากับไม่มีหนวดเครา ทำไมถึงได้ดูแตกต่างกันขนาดนี้ ถ้าเมื่อคืนเขาถูกเดวีในสภาพหน้าใสกิ๊งดุจเน็ตไอดอลมาลวนลามล่ะก็ เขาคงจะไม่ขวัญผวาทั้งคืนอย่างนั้นแน่

แค่คิดว่าไม่ขวัญผวามากเท่าเมื่อคืนน่ะ ไม่ใช่ว่าเขาจะยอมให้เดวีทำอะไรถ้าไม่มีหนวดเคราหรอก เขาเป็นผู้ชาย และไอ้หนวด... ตอนนี้ไม่มีแล้ว งั้นเรียกไอ้เถาวัลย์แล้วกัน หมอนั่นก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน แม้เขาจะไม่เคยคบหากับผู้หญิงคนไหนก็ไม่ได้แปลว่าเขาชอบผู้ชาย แค่คิดก็ชวนให้ขนพองสยองเกล้าแล้ว

นักพฤกษศาสตร์หนุ่มมองคนตัวโตกว่าที่เดินไปส่องกระจกชื่นชมรูปโฉมตัวเองสลับกับเดินสำรวจห้องครัวไปทั่วอย่างกับเป็นบ้านของตัวเอง ดีที่ตอนนี้ไม่ขัดหูขัดตามากเพราะเขาจัดการหาเสื้อผ้ามาให้อีกฝ่ายใส่เรียบร้อย ก่อนจะยกมือขึ้นดันแว่นให้เข้าที่พลางพูด

“เรามาเข้าเรื่องกันสักที”

“เรื่องอะไรเหรอ”

เดวีที่กำลังก้มๆ เงยๆ สำรวจเสบียงในตู้เย็นหันมาถาม เจ้าอรุณกอดอกทำหน้าเครียด

“ข้อมูลของนาย จะบอกได้หรือยังว่านายมีรายละเอียดอะไรบ้าง”

เดวีร้องอ๋อ ทำท่าเหมือนนึกขึ้นมาได้ว่าเคยตกปากรับคำว่าจะบอกข้อมูลของตัวเองอยู่ แต่ว่าเขาไม่ได้ตกลงว่าจะบอกโดยไม่มีเงื่อนไขนี่

“อยากได้ข้อมูลก็ให้น้ำฉันก่อนสิ นายลากฉันมาปู้ยี่ปู้ยำจนเกือบลืมไปแล้วนะเนี่ยว่ากำลังจะแห้งตาย” แล้วก็ลูบท้องตัวเองป้อยๆ

ปู้ยี่ปู้ยำป้านายสิ! แค่ถางป่า!

เนี่ย... หลุดหยาบคายออกไปอีกแล้ว บ้าจริง

เจ้าอรุณลูบปลายจมูกตัวเองเป็นการระงับอารมณ์ กลับมาเป็นปกติได้ก็เดาเอาว่าที่เดวีบอกว่ากำลังจะแห้งคงหมายถึงหิว

พืชเติบโตได้ด้วยได้น้ำหล่อเลี้ยง... คงจะหิวแหละ

ความจริงต้องมีแร่ธาตุในดินด้วย ทว่าเจ้าอรุณไม่สนใจแล้ว ในเมื่อบอกว่าหิวน้ำก็จะเอาน้ำมาให้ ก่อนจะไปเอามาประเคนก็ออกปากวางเงื่อนไขไว้ก่อน

“ได้ ฉันจะให้น้ำนายแลกกับข้อมูลนายเรื่องนึง”

เดวีพยักหน้ารับหงึกหงัก ระริกระรี้เข้ามาหา เตรียมตัวจะรับน้ำจากอีกฝ่ายเต็มที่ ทว่าเจ้าอรุณกลับเดินสวนไปหน้าตาเฉย ทำเอาคนตัวโตชะงัก มองตามหลังอย่างงุนงงแล้วก็งุนงงมากกว่าเดิมเมื่อเห็นเจ้าอรุณเดินกลับออกมาพร้อมกับกระถางน้ำใบโต

“อะไรน่ะ”

ร้องถามทันทีที่กระถางน้ำใบนั้นถูกวางตรงหน้า เจ้าอรุณเงยหน้าขึ้นมากอดอกถามคืน

“ก็บอกหิวน้ำไม่ใช่หรือไง”

“ใช่”

“นี่ไงน้ำ หิวก็ดื่มซะ”

เจ้าอรุณว่าด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ชี้นิ้วไปยังกระถางซึ่งเต็มไปด้วยน้ำสะอาดที่เขาเพิ่งไปยกมาจากห้องน้ำเมื่อครู่ น้ำจากก๊อกที่นี่ดื่มได้ไม่เหมือนเมืองไทย เขาเลยไม่กังวลว่าเดวีจะได้รับสารปนเปื้อนอะไรเท่าไหร่นัก ต่อให้ได้รับก็ช่างหัวมัน ไม่เกี่ยวกับเขา

เดวีมองสีหน้ามีน้ำโหของอีกฝ่ายแล้วก็ย่นปาก ส่งเสียงกระเง้ากระงอด

“รู้แล้วว่าน้ำ”

“รู้แล้วก็ดื่มสิ”

“ไม่ได้ดื่มแต่ดูด”

เดวีเถียง เจ้าอรุณพ่นลมหายใจ

“จะดื่มหรือจะดูดก็แล้วแต่ รีบๆ จัดการซะ แล้วมาให้ข้อมูลฉันเร็วเข้า”

ตั้งท่าจะไปเตรียมแท็บเล็ตมาบันทึกข้อมูลแล้ว หากแต่เดวียังคงยืนเฉย มองหน้าเจ้าอรุณพลางย่นปากเสมือนเด็กถูกขัดใจกระทั่งเขารำคาญสายตา

“อย่าบอกนะว่าน้ำนี่ดูดซึมไม่ได้”

เปลี่ยนมาใช้อากัปกิริยาดูดแทนดื่มแล้ว พูดเต็มๆ ว่าดูดซึมด้วยเมื่อตระหนักได้ว่าคนตรงหน้ามีร่างกายบางส่วนเป็นพืช

“ไม่ใช่ว่าดูดไม่ได้”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel