คนเมา
“คุณมายด์คะ”
เท้าเรียวที่กำลังก้าวเดิน หยุดชะงักก่อนแหงนหน้ามองบุคคลมาใหม่ ซึ่งเป็นหญิงวัยกลางคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกับแม่นมของเธอ
“เอ่อ ป้าคือ…” ไม่ทันเปมิกาจะกล่าวจบ หญิงวัยกลางคนจึงแทรกขึ้น
“ป้าชื่อจำปาเป็นคนดูแลที่นี่ แล้วก็ยังเป็นแม่นมของคุณหนูด้วยค่ะ” หญิงวัยกลางคนอธิบายคร่าว ๆ ให้เปมิกาเข้าใจ
“อ๋อค่ะ”
“คุณหนูบอกป้าแล้วนะคะ คุณมายด์เป็นลูกสาวของคุณธนชาติจะมาอาศัยอยู่ที่นี่กับพวกเรา” จำปาทอดสายตามองคนตรงหน้าตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ผู้หญิงคนนี้หน้าตาสะสวยและท่าทางเป็นคนมีมารยาท เมื่อก่อนสมัยธนชาติมีชีวิตอยู่ เขามักจะแวะเวียนมาหาก้องฤทธาบ่อยครั้ง ทว่าไม่เคยพาคนตรงหน้ามาด้วยสักครั้ง นี่เป็นครั้งแรกได้เจอกัน เท่าที่สังเกตดูเปมิกาไม่น่าจะเป็นคนมีพิษมีภัย และน่าจะเป็นคนช่วยเจ้านายหนุ่มหลุดพ้นจากความเจ็บปวดในอดีตได้
“ป้าจำปารู้จักพ่อของมายด์เหรอคะ” เสียงหวานเอ่ยถามอย่างสนใจ
“รู้จักค่ะ เพราะเป็นเพื่อนสนิทของคุณท่าน แล้วก็เป็นคนดูแลคุณหนูของป้าค่ะ” หญิงวัยกลางพูดพลางส่งยิ้มหวานแก่เปมิกา ถ้าเมื่อก่อนไม่ได้ธนชาติมาดูแลก้องฤทธา คงจะลำบากน่าดู เนื่องจากตอนนั้นชายหนุ่มเพิ่งจะอายุยี่สิบปี ยังขาดประสบการณ์ในการบริหารงานโรงพยาบาล และยังเรียนแพทย์อีกด้วย กว่าชายหนุ่มจะผ่านเรื่องราวเหล่านั้นมาได้ค่อนข้างยากลำบาก
“ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้าเข้าใจ เรื่องที่บิดาตนเองกับบิดาชายหนุ่มเป็นเพื่อนสนิทกัน เธอก็พอจะทราบอยู่บ้าง
ใบหน้างดงามเริ่มสลดเมื่อนึกถึงบิดา จนจำปาเห็นถึงความผิดปกติ หญิงวัยกลางคนรีบเปลี่ยนเรื่องทันใด ย่อมทราบดีหญิงสาวน่าจะเสียใจเรื่องการจากไปอย่างกะทันหันของธนชาติ
“ถ้าอย่างนั้น ป้าว่าคุณมายด์ขึ้นไปพักผ่อนเถอะ เดินทางมาเหนื่อย ๆ ป้าให้เด็กยกกระเป๋าขึ้นไปไว้บนห้องแล้ว”
“ขอบคุณค่ะ” มือเรียวยกขึ้นไหว้คนตรงหน้า
จำปาหมุนตัวแล้วเดินนำหน้าเปมิกาขึ้นไปข้างบน เพื่อพาไปยังห้องนอนของหญิงสาว มือเหี่ยวเปิดประตูเข้าไปภายใน ซึ่งด้านในตกแต่งสไตล์มินิมอล เน้นความเรียบง่ายตามแบบที่เธอชอบ เตียงขนาดหกฟุตวางอยู่กลางห้อง ข้างเตียงมีชั้นวางทำจากไม้ซึ่งมีโคมไฟวางอยู่ และกระเป๋าของเปมิกาตั้งอยู่บนพื้นข้างโซฟา
“เป็นอย่างไรบ้างคะ ชอบหรือเปล่า” ป้าจำปาหันไปถามความเห็นคนข้างหลังตนเอง
“ชอบค่ะ”
“ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มเติมก็บอกป้าได้นะคะ ป้าจะได้ให้เด็กเอามาให้” หญิงวัยกลางคนอธิบายเพิ่มเติม เผื่อหญิงสาวต้องการสิ่งของอื่นนอกเหนือจากนี้ อีกอย่างเธอแค่ไม่ชอบเห็นเปมิกาต้องทุกข์ใจกับการสูญเสียบิดามากนัก เนื่องจากชีวิตคนเรามันสั้น ฉะนั้นควรเดินหน้าต่อไป
“ขอบคุณค่ะ” ส่งยิ้มหวานแก่คนตรงหน้า
“ป้าไปก่อนนะคะ ว่าแต่มื้อเย็นคุณมายด์จะทานอะไรเหรอ ป้าจะได้เตรียมให้”
“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าหิวมายด์จะจัดการเอง” เปมิกาส่งยิ้มหวานแก่จำปาอีกครั้ง ตั้งแต่บิดาเสียชีวิต เธอแทบจะทานอะไรไม่ค่อยลง จึงไม่อยากให้หญิงวัยกลางคนต้องลำบากมากมายเพื่อเธอ
“งั้นป้าไม่กวนแล้วนะคะ” จำปาค่อย ๆ ถอยห่างออกจากห้องและไม่ลืมปิดประตู
เท้าเรียวย่างกรายไปยังหน้าต่างกระจก ร่างแน่งน้อยยืนกอดอกกวาดสายตามองบรรยากาศรอบ ๆ คฤหาสน์อย่างใจลอย ขณะนี้ได้แต่เฝ้าถามตัวเองถึงสิ่งที่เธอทำ คือการยอมเอาตัวเองเข้าแลกเพื่อล้างหนี้ ทว่าคำตอบที่ได้รับกลับมีเพียงความว่างเปล่า
หญิงสาวข่มตาหลับลงก่อนจะเบิกขึ้นใหม่อีกครั้ง พยายามปลอบตัวเอง เมื่อเลือกแล้วก็คงต้องยอมรับ เพราะชีวิตตอนนี้ไม่ได้เป็นคุณหนูตระกูลดังอีกต่อไป แค่เปมิกาผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งแทบไม่มีอะไรเลย
“ช่างมันเถอะมายด์ เวลาแค่สองปี เร็วจะตาย” เสียงหวานพึมพำกับตัวเอง จากนั้นนัยน์ตาคู่สวยปะทะเข้ากับร่างกำยำของก้องฤทธาเยื้องย่างไปขึ้นรถก่อนขับออกไป
เปมิกาจ้องมองรถสปอร์ตแล่นออกจนลับหายไปในที่สุด สองชั่วโมงก่อนหน้านี้ เธอและเขาอยู่ด้วยกันเพียงลำพัง และเธอไม่รู้ด้วยซ้ำเผลอพูดสิ่งใด เขาถึงได้เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ ต่อไปนี้เวลาอยู่ต่อหน้ากัน เธอจะระวังคำพูดให้มากกว่านี้ จะได้ไม่มีปัญหาภายหลัง อย่างน้อยเขาก็เป็นเจ้าหนี้
ด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทางกอปรกับเพิ่งผ่านพ้นงานศพบิดา ทำให้ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่ค่อยได้นอน เธอจึงรู้สึกง่วงขึ้นมา ไม่ชักช้าเปมิกาก้าวเท้าไปล้มตัวนอนลงบนเตียงและหลับอย่างไว
หลังจากก้องฤทธาออกจากคฤหาสน์ ชายหนุ่มขับรถไปหารพีพงศ์เจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทที่รู้จักกันตั้งแต่เด็ก ก่อนจะชวนกันไปเที่ยวผับในช่วงเวลาประมาณหนึ่งทุ่ม
เสียงเพลงดังกระหึ่มจากลำโพงขนาดใหญ่ ผู้คนต่างโยกย้ายส่ายสะโพกตามจังหวะทวงทำนองเพลงอย่างเมามัน ในขณะก้องฤทธากระดกเหล้าดื่มทั้งขวด ไม่สนใจใครทั้งสิ้น แม้กระทั่งเสียงห้ามปรามของเพื่อนสนิท
“เฮ้ย ก้องใจเย็น ๆ แกเครียดอะไรวะ ทำไมถึงดื่มเยอะขนาดนี้” รพีพงศ์คว้าขวดเหล้าจากมือเพื่อนสนิทวางลงบนโต๊ะ ชำเลืองมองก้องฤทธาอย่างไม่เข้าใจ เพราะตั้งแต่เข้ามาในผับก็ดื่มเหล้าอย่างเดียว แถมไม่พูดไม่จาอะไรและไม่คิดอธิบายถึงปัญหาที่เกิดขึ้นให้เขาได้รับรู้
“เอามานี่” คนเมาเริ่มโวยวาย แย่งขวดเหล้าจากมือเพื่อนสนิท นำมาดื่มพรวดอีกครั้งเกือบหมด แล้วกระแทกลงบนโต๊ะอย่างแรง
คำพูดของเปมิกาช่างกวนใจเขาอย่างยิ่ง คนรักใช่ว่าเขาจะไม่เคยมี ทว่าเหตุผลบางประการทำให้ต้องแยกจากกัน จนเขาไม่อยากจะนึกถึงมันอีก เพราะเจ็บปวดเจียนจะตายอยู่แล้ว
รพีพงศ์ส่ายศีรษะไปมากับการกระทำของก้องฤทธา เขาไม่แน่ใจเพื่อนกำลังกังวลเรื่องเปมิกาหรือไม่ เพราะตั้งแต่มาถึงบริษัทก้องฤทธาก็พูดเรื่องหญิงสาวอย่างเดียว พร้อมทั้งเล่าเรื่องที่รับเธอมาเป็นภรรยา ทว่าไม่ได้กล่าวถึงสาเหตุที่ทำให้หงุดหงิด
ระหว่างเขากับก้องฤทธาแทบไม่มีเรื่องใดปิดบัง ทุกอย่างเกี่ยวกับเพื่อนเขารู้หมด ก็เหมือนกับก้องฤทธารู้เรื่องของเขาดีเหมือนกัน
“ก้อง แกมีอะไรไม่สบายใจก็บอกฉันได้นะ ฉันยินดีรับฟังทั้งหมด” รพีพงศ์พยายามปลอบเพื่อนด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แสดงความจริงใจให้คนตรงหน้า
ก้องฤทธาเหลือบมองเพื่อนเล็กน้อย คำพูดของเพื่อนสนิทเริ่มทำให้เขาใจเย็น
“อืม ขอบใจมาก” มือหนาตบลงบนไหล่กว้างของรพีพงศ์เบา ๆ ส่งยิ้มอ่อนบ่งบอกให้ทราบไม่ได้เป็นอะไรมาก เพื่อให้เพื่อนคลายกังวล เขาไม่ได้เมาจนไม่ได้สติ ถึงไม่รู้รพีพงศ์กำลังพูดอะไร
“ว่าแต่แกเป็นอะไรมากไหมก้อง เครียดเรื่องผู้หญิงคนนั้นมากขนาดนั้นเลยเหรอ” เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงพลางสังเกตท่าทีคนตรงหน้า
“เปล่าหรอก” เขาแค่ไม่ค่อยชิน จู่ ๆ มีผู้หญิงแปลกหน้ามาอาศัยอยู่บ้านหลังเดียวกัน ต่อให้มีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนอื่นนับไม่ถ้วน ทว่าพวกเธอเหล่านั้นก็แค่ชั่วข้ามคืน ไม่เคยมีใครสักคนมาอยู่ร่วมกัน เขาเป็นผู้ชายเรื่องอย่างว่าก็พอจะมีบ้างแต่ไม่เท่ากับคนตรงหน้า รายนั้นเจ้าชู้ตัวพ่อ
“เหรอ” ยิ่งปฏิเสธยิ่งน่าสงสัยมากกว่าเดิม คนอย่างก้องฤทธาปากบอกไม่มี แต่ในใจใครจะล่วงรู้
“แกพูดแบบนี้หมายความว่าไง” คว้าขวดเหล้าขึ้นมาดื่ม จ้องเขม็งเพื่อนอย่างเค้นคำตอบ
“ก็ไม่มีอะไร แค่อยากบอกแกว่าถ้าแกไม่ชอบเธอ ก็ยกเธอให้ฉันก็ได้ เดี๋ยวฉันช่วยเธอล้างหนี้เอง” รพีพงศ์พูดทีเล่นทีจริงพลางหัวเราะขบขำ ถึงไม่เคยเจอเปมิกาตัวจริง ๆ แต่ก็พอได้ยินมาบ้างลูกสาวของธนชาติค่อนข้างสวยขนาดไหน
“ฉันจะกลับแล้ว” ไม่พูดเปล่าลุกขึ้นพรวดทันใด จู่ ๆ ก็รู้สึกหงุดหงิดอย่างหาสาเหตุไม่ได้
“อ้าว แล้วแกไม่อยากได้สาว ๆ มาช่วยผ่อนคลายเหรอคืนนี้”
“ไม่ ขอตัวก่อนละกัน”
รพีพงศ์มองตามหลังเพื่อนสนิทจนลับหาย ก่อนจะเรียกบรรดาสาว ๆ มานั่งเป็นเพื่อนเพื่อช่วยคลายเหงา
