CHAPTER THREE : THE FARES ACADEMY
CHAPTER THREE : THE FARES ACADEMY
I WILL BE THE ONE TO LOVE YOU
I WILL BE THE ONE TO LET YOU KNOW
HOW MUCH YOU MEAN TO ME.
ก๊อก ก๊อก
“องค์หญิง อาหารเช้าครับ”
“เข้ามาค่ะ” เสียงอนุญาตของเฟลิเชียดังขึ้นทำให้พ่อบ้านเปิดประตูยกถาดอาหารเดินเข้ามาในห้อง
“เชิญครับ” พ่อบ้านวางถาดอาหารลงบนตักของเฟลิเชีย บนถาดนั้นมีขนมปังชีสอยู่ 3 ชิ้นและที่ขาดไม่ได้ก็คือแก้วที่บรรจุน้ำสีแดงสดเข้มไว้ภายใน
“. . .”
เฟลิเชียมองอาหารตรงหน้าด้วยสายตาเหม่อลอย เธอไม่มีความอยากอาหารแม้แต่น้อย เผ่าพันธุ์ของเธอต่อให้ไม่กินอะไรก็สามารถอยู่ได้หลายวัน พ่อบ้านที่เห็นท่าทางแบบนั้นจึงเอ่ยถามออก
“องค์หญิงไม่อยากอาหารอีกแล้วเหรอครับ”
“ค่ะ . . .” เฟลิเชียตอบเสียงแผ่ว ลมหายใจของเธอกลับถี่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทำให้พ่อบ้านอย่างเจรัลด์มองมาด้วยความเป็นห่วง
เฟลิเชียใช้ชีวิตเหมือนตุ๊กตามาตั้งแต่เจรัลด์เห็นเธอครั้งแรก ถึงแม้จะไม่เข้าใจอะไรหลาย ๆ อย่างแต่เขาก็ไม่คิดจะเอ่ยถาม ถ้าหากเธอไม่อยากจะเล่า จึงได้แต่คอยดูแลและเป็นห่วงอยู่เช่นนี้
เจรัลด์เป็นลูกขุนนางชั้นสูงจึงได้ถวายตัวรับใช้ราชวงศ์เวลนอสด้วยความสมัครใจ เขาทำงานที่นี่มา 2 ปีแล้ว องค์หญิงของเขานั้นเป็นคนที่ไม่ชอบเข้าสังคม พูดเท่าที่จำเป็น และพยายามที่จะดื่มเลือดให้น้อยที่สุดจนกลายเป็นว่าร่างกายของเธอดูซูบผอมลงจนน่ากลัว
“องค์หญิงตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วยังไม่ได้ดื่มเลือดเลยแม้แต่น้อยแบบนั้นจะเป็นการทำร้ายร่างกายขององค์หญิงนะครับ”
สิ่งที่เจรัลด์พูดเฟลิเชียไม่อาจเถียงได้แม้ว่าเธอจะไม่ต้องทานอาหาร แต่การขาดเลือดเป็นเวลานาน ๆ มันไม่มีต่อสุขภาพร่างกายของเธอเลย
“ดิฉันไม่เป็นไรค่ะ”
“องค์หญิงครับ สักนิดก็ยังดีนะครับ”
น้อยคนนักที่จะรู้ว่าเฟลิเชียเป็นคนที่ดื้อเงียบ ใบหน้านิ่ง ๆ ของเธอสามารถปฏิเสธสิ่งที่ไม่ชอบออกมาได้อย่างไม่ยากเย็นเท่าไหร่นัก ซึ่งเจรัลด์ก็เป็นหนึ่งในนั้น
“. . .”
“ขออนุญาตนะครับ” เจรัลด์เขยิบไปใกล้ ๆ กับเฟลิเชียแล้วยกแก้วไปจ่อกับริมฝีปากเล็ก ๆ ของเธออย่างถือวิสาสะ แต่มันก็เป็นความหวังดีของเขาทั้งนั้น
“ไม่ ! !” เฟลิเชียปัดแก้วนั่นไปอีกทางจนมันกระทบกับพื้นแตกกระจาย เธอกุมหน้าอกตัวเองไว้แน่น ภายในอกของเธอเหมือนมีพายุหมุนขนาดใหญ่คอยริดรอนลมหายใจไปเรื่อย ๆ
“องค์หญิง . . .”
“ไม่อยาก . . . กินมันอีกแล้ว . . .”
เฟลิเชียส่ายหน้าปฏิเสธรัว ๆ เธอเริ่มมีอาการขยะแขยงเผ่าพันธุ์ของตัวเองตั้งแต่วันนั้น วันที่เธอเห็นท่านพ่อสุดที่รักยิ่งของเธอกำลังดูดเลือดจากคอบาง ๆ ของใครก็ไม่รู้อยู่ กลิ่นของเลือดที่ลอยมาแตะจมูกช่างคล้ายคลึงกับกลิ่นของเลือดของเอแคลร์ที่ยังฝังลึกอยู่ในความทรงจำไม่ผิดเพี้ยน ภาพเหล่านั้นคอยหลอกหลอนเธอ จนเธอแทบคลั่ง นอกจากนั้นเธอจะอยากจะเข้าไปกระชากร่างของทั้งสองให้ออกห่างจากกันเพื่อแสดงความไม่พอใจ แต่อีกใจหนึ่งก็อยากจะหนีกลิ่นคาวที่ลอยฟุ้งนี้ไปให้ไกลเท่าที่จะทำได้
เฟลิเชียภาวนาให้สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงฝันไปราว ๆ พันล้านรอบ แต่ความจริงอันโหดร้ายก็ถาโถมเข้ามาใหม่ว่าผู้หญิงที่เธอเห็นในห้องทำงานของบิดาในคืนนั้นจะกลายเป็นแม่ใหม่ของเธอ
เฟลิเชียแทบไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเองด้วยซ้ำหลังจากได้ยินคำพูดนั้นจากบิดาตัวเอง
ผู้หญิงคนนั้นดีกว่าท่านแม่ของเธอตรงไหนกัน !
เฟลิเชียกัดริมฝีปากแน่นเพื่อไม่ให้กรีดร้องออกมา คำพูดของท่านพ่อที่เคยบอกว่าจะไม่รักใครอีกนอกจากท่านแม่เหมือนกับใบมีดขนาดใหญ่ที่คอยตามทิ่มแทงอยู่ทุกคืน สัญชาตญาณที่ต้องการเลือดอย่างไม่มีที่สิ้นสุดนั้นช่างน่ารังเกียจสิ้นดี
ฉึก!
เจรัลด์ใช้มีดบนถาดกรีดแขนตัวเองจนเลือดออกเป็นทางยาว ทำให้ดวงตาของเฟลิเชียเบ่งกว้างเรืองแสงเล็กน้อย ภายในของเธอกำลังกู่ร้องตะโกนให้เธอรีบเข้าไปลิ้มรสความหอมหวานที่ยั่วยวนตรงหน้าซะ
“เจ . . . รัลด์ . . .”
คิ้วของเฟลิเชียขมวดแน่น
“แม้ว่าเลือดของแวมไพร์ด้วยกันรสอาจจะไม่ดีนักแต่ว่า . . .”
เฟลิเชียไม่รอให้เจรัลด์พูดจบคว้าแขนของเขามาใกล้แล้วเลียบาดแผลของอีกฝ่ายช้า ๆ ทำให้แผลเริ่มสมานด้วยความสามารถของแวมไพร์ แต่สัญชาตญาณของเธอกลับไม่ยอมจบแค่นั้น เธอ ฝังเขี้ยวลงบนท่อนแขนแกร่งอย่างแรงจนเจรัลด์ส่งเสียงร้องออกมาในลำคอ
“นาย . . . ไม่ควรทำแบบนี้เลย” เฟลิเชียพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ดวงตาของเธอดุดันเหมือนสัตว์ป่าที่กำลังจะล่าเหยื่อ ตรงข้ามกับเธอในตอนปกติที่เป็นเหมือนตุ๊กตาไร้ชีวิตและสุภาพดั่งถอดแบบมาจากตำรามารยาท
การกระทำของเฟลิเชียรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเธอกระชากเจรัลด์ให้นั่งอยู่บนเตียงเช่นเดียวกับเธอโดยไม่ทันตั้งตัว ทำให้มือของเขาที่ว่างอยู่จึงเผลอหาที่เกาะโดยอัตโนมัติและมันก็โดนรับไว้ด้วยฝ่ามือของหญิงสาวราวกับคำนวณมาอย่างดี
“. . .”
เจรัลด์รู้สึกเหมือนคิดผิดที่เสนอตัวให้เลือดกับหญิงสาวคนตรงหน้า เขาดูถูกแวมไพร์สายเลือดบริสุทธิ์มากเกินไป
หรือไม่บางที
เขาก็ดูถูกเฟลิเชียมากเกินไป
ดวงตาสองสีคู่นั้นที่จับจ้องมา
ริมฝีปากเล็กนุ่มที่คอยพรมจูบตรงบาดแผล
ทั้ง ๆ ที่เป็นการกระทำที่กร้าวร้าวอย่างการช่วงชิงโลหิตในร่างกายคนอื่น
แต่เจรัลด์ก็มั่นใจว่าถ้าหากใครสักคนได้ลองโดนอีกฝ่ายกระทำเช่นนี้แบบเขา
ก็คงไม่วายถวายตัวให้เฟลิเชียดื่มเลือดไปตลอดชีวิต
"ขอบคุณสำหรับอาหารนะคะ" เฟลิเชียปล่อยให้เจรัลด์เป็นอิสระจากนั้นก็ไม่ลืมทำแผลให้อีกฝ่าย และเมื่อเขาจัดการชุดกับท่าทางของตัวเองเสร็จสิ้นก็กลับมาเป็นพ่อบ้านจอมเข้มเหมือนเดิม
“ไม่เป็นอะไรครับ หน้าที่ของผมคือดูแลองค์หญิงอยู่แล้ว”
“. . .”
“แล้วก็ฝ่าบาทมีเรื่องจะคุยกับองค์หญิงรบกวนไปพบหลังจากเตรียมตัวเสร็จแล้วด้วยนะครับ” เจรัลด์โค้งทีหนึ่งแล้วนำถาดอาหารออกไปด้านนอก ทำให้เหลือเพียงเฟลิเชียที่นั่งกำมือแน่นอยู่บนเตียงเท่านั้น
“เฮ้อ . . .” เฟลิเชียถอนหายใจออกมายาวพรืดให้กับการกระทำเมื่อสักครู่ของตัวเอง เธอไม่อยากจะเชื่อว่าเมื่อกี้เธอเพิ่งจะดื่มเลือดของเผ่าเดียวกันไปแถมยังทำตามใจชอบแบบสุด ๆ อีก
และเมื่อคิดแบบนั้นหัวของเฟลิเชียก็ปวดตุ้บ ๆ ราวกับจะระเบิดออกมาอีกครั้ง กลิ่นคาวเลือดที่ยังหลงเหลือในห้องทำให้เธอรีบลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วเดินไปหาท่านพ่อของเธอที่ห้องทำงานในเวลาต่อมา
“ท่านพ่อเรียกลูกมาพบมีอะไรหรือเปล่าคะ”
“พ่อได้ข่าวว่าลูกไม่ได้ออกจากห้องมาครึ่งปีกว่าแล้ว เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” เฟลิเชียตอบออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบราบ
“งั้นเหรอ” ริชมอนด์ที่เพิ่งกลับมาจากการไปร่วมการประชุมที่ต่างอาณาจักรมองลูกสาวของตัวเองด้วยสายตาจับผิดแต่ใบหน้าเรียบเฉยของเธอทำให้เขาเดาความคิดของเธอไม่ออกเลย
“เฟลิเชียสิ่งที่ลูกพูดกับพ่อไว้เมื่อ 6 ปีก่อนเริ่มเห็นเค้าความเป็นจริงแล้วนะ”
“หมายความว่า . . .”
“ใช่ สถาบันฟาเรสตอนนี้เริ่มมีชื่อเสียงมากกว่าแต่ก่อนมาก”
“. . .”
“ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่ลูกจะต้องไปเรียนที่ฟาเรส”
“. . . ลูก ?”
“ใช่ ไม่ต้องห่วงลิฮอนจะคอยช่วยเหลือลูกอยู่ที่นั่นด้วย”
“ลิฮอน . . . งั้นเหรอคะ”
ลิฮอนเป็นคนแรกที่ชื่นชมความสามารถและดวงตาของเฟลิเชียอย่างจริงใจ เพราะว่าได้แลกเปลี่ยนจดหมายกันอยู่พักหนึ่งทำให้เธอจำเขาได้อย่างแม่นยำ
ลิฮอนจะเป็นยังไงบ้างนะ
จะเปลี่ยนไปเหมือนกับที่เธอเปลี่ยนไปหรือเปล่า
แค่คิดแบบนั้นก็ทำให้รู้สึกใจเต้นขึ้นมา
ด้วยความโกรธา
วันนั้นที่ลิฮอนนัดเฟลิเชียออกไปหา แท้จริงแล้วเขาไม่คิดที่จะทำตามสัญญาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะเธอได้ให้คนไปคอยเฝ้าอยู่แถวนั้นแทนเธอและคอยรายงานว่าอีกฝ่ายมาหรือเปล่าร่วม 1 เดือน แต่ก็ไม่มีแม้แต่เงา ไม่มีแม้กระทั่งจดหมายที่เคยส่งหา ทั้งคู่กลายเป็นเหมือนคนไม่รู้จักกัน
เฟลิเชียได้แต่เค้นหัวเราะให้กับความไร้เดียงสาของตัวเอง เธอช่างโง่เง่าเกินกว่าจะหาคำบรรยายใด ๆ มาอธิบายได้ เธอในตอนนั้นยังคงหวังว่าอย่างน้อยจะได้รับจดหมายขอโทษจากลิฮอนแต่มันก็ไม่มี
เฟลิเชียไม่รู้ว่าในสายตาของลิฮอนเธอเป็นตัวอะไร
เป็นหญิงสาวที่เพ้อฝัน
เป็นหญิงสาวที่ชักจูงง่าย
เป็นหญิงสาวหน้าโง่คนหนึ่ง
ไม่ต่างอะไรกับตัวตลก
“พวกลูกไม่ได้เจอกันนานแล้วนี่ สถานการณ์ตอนนี้เปิดรับหลายเผ่ามากขึ้น เป็นโอกาสที่จะเปิดเผยตัวคู่หมั้นอย่างเป็นทางการเสียที”
เสียงของบิดาทำให้เฟลิเชียหลุดออกมาจากภวังค์ และเพราะแบบนั้นทำให้เธอนึกขึ้นได้ว่าเธอกับลิฮอนเป็นคู่หมั้นกัน
“. . .”
“ไปเรียนให้สนุกนะ”
“ค่ะ ท่านพ่อ”
หลังจากที่เฟลิเชียตอบรับคำสั่งของท่านพ่อโดยไม่คิดจะถามอะไรอีก เธอก็เดินเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงสวนเรือนกระจกที่เธอมักจะมาบ่อย ๆ เมื่อยังเด็ก ซึ่งตอนนี้มันก็ยังคงมีดอกไม้บานสวยงามอยู่เหมือนเดิม
“...”
“องค์หญิงไม่ได้มาที่นี่นานแล้วสินะครับ” เสียงของเจรัลด์ดังขึ้นโดยที่เฟลิเชียไม่ต้องหันไปมองด้วยซ้ำว่าเป็นเสียงของใคร
“อืม ยังมีคนรดน้ำแทนอยู่สินะคะ . . .” เฟลิเชียระบายยิ้มออกมาเล็กน้อยซึ่งหาได้ยากจากเธอ ทำให้เจรัลด์มองด้วยความตกตะลึง “ไปกันเถอะค่ะ ฝากบอกให้คนเตรียมของให้ด้วย”
“องค์หญิงจะไปไหนงั้นเหรอครับ”
เจรัลด์ตั้งคำถาม ถึงแม้ว่าจะรู้อยู่แก่ใจก็ตาม
“สถาบันฟาเรสค่ะ”
ไปยังที่ที่สุดที่รักของเธออยู่
สถาบันฟาเรส
ในช่วงเวลาเช้าตรู่ของวันต่อมาเฟลิเชียก็เดินทางมายังสถาบันหลักฟาเรสด้วยเวลาไม่นานเพราะเทคโนโลยีของอาณาจักรเธอ เนื่องจากตอนนี้เป็นเวลาสาย ๆ จึงมีคนพลุกพล่านอยู่บ้าง ทำให้ทันทีที่เฟลิเชียก้าวเท้าลงมาพาหนะเหล่านักเรียนต่างจับจ้องมาที่เธอเป็นสายตาเดียว
“. . .”
ไม่ว่าใครก็ต้องตกใจเพราะแม้ว่าที่นี่จะเต็มไปด้วยหลายเผ่าพันธุ์ขนาดไหนก็ตาม แต่เสน่ห์ดึงดูดบางอย่างของเฟลิเชียมันโดดเด่นมากกว่าคนอื่นมากนัก อีกทั้งใบหน้าและท่าทางที่งามสง่าราวกับตุ๊กตาเดินได้นั้นตรึงทุกสายตาในบริเวณนี้ได้ทั้งหมด
“ขอบคุณที่มาส่งนะคะ เจรัลด์”
ให้ผมช่วยถือของไปดีกว่ามั้ยครับ”
“ไม่เป็นอะไรครับ เดี๋ยวพวกผมจะดูแลองค์หญิงต่อเอง” เสียงที่ทุ้ม ๆ แต่นุ่มนวลของใครบางคนดังขึ้นขัดจังหวะ ทำให้เฟลิเชียและเจรัลด์หันไปมองอย่างรวดเร็ว
ซึ่งคนที่ปรากฏตรงหน้าก็คือ ลิฮอน
คู่หมั้นของเฟลิเชีย
ลิฮอนเมื่อรู้ข่าวคราวที่ว่าเฟลิเชียจะเดินทางมาที่นี่ก็ออกมาต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพร้อมกับพวกสภานักเรียนที่เขาดำรงตำแหน่งประธานอยู่
ลิฮอนแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย มีเพียงแค่รูปร่าง และน้ำเสียงแตกหนุ่มเท่านั้นที่ทำให้ต่างจากเดิม นั่นทำให้เฟลิเชียจำอีกฝ่ายได้อย่างรวดเร็วทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เจอกันร่วม 6 ปี
“สวัสดีครับองค์หญิงเฟลิเชีย ไม่ได้พบกันนานเลยนะครับ”
“ค่ะ ไม่ได้พบกันนานเลยนะคะ”
“ยินดีต้อนรับสู่สถาบันฟาเรสครับ คู่หมั้นของผม”
ทันใดที่สิ้นเสียงของลิฮอนเหล่าคนที่อยู่บริเวณนั้นก็แสดงท่าทีตกใจอย่างเห็นได้ชัด คู่หมั้นขององค์ชายลิฮอนที่ไม่เคยมีใครพบเห็นมาก่อนจนหลาย ๆ คนคิดว่าเป็นเพียงข่าวลือจู่ ๆ ก็ปรากฏขึ้นเสียอย่างงั้น
“คู่หมั้นของท่านลิฮอนงั้นเหรอ . . .”
“สวยมาก ๆ เลยเนอะ”
"เผ่าปีศาจใช่หรือเปล่า”
“เอ๋ ? เธอรู้ได้ยังไง”
“แค่ตราบนรถก็รู้แล้ว”
“ใช่ ๆ ดวงตาสองสีนั่นมนุษย์ปกติเขาไม่มีกันหรอก
“สวยก็จริงนะแต่แบบนี้ท่านลิฮอนจะทำยังไงกันล่ะ”
“ท่านลิฮอนไม่ได้คบอยู่กับอลิสเหรอ”
เฟลิเชียไม่ค่อยตกใจกับการโดนเป็นประเด็นสนทนาของฝูงชนเท่าไหร่นัก แต่ว่าสิ่งทำให้เธอรู้สึกเหมือนจุดยืนของตัวเองหายไปนั่นก็คือคำพูดที่บอกว่าลิฮอนคู่หมั้นของเธอกำลังคบกับหญิงคนอื่นอยู่ห่างหาก
ถึงแม้สีหน้าเรียบเฉยของเฟลิเชียจะไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมาก็ตาม
แต่ภายในใจของเธอกลับเต็มไปด้วยหมอกควันคละคลุ้ง
หลังจากเหตุการณ์ในช่วงเช้าจบลงลิฮอนก็พาเฟลิเชียเดินไปที่หอพักโดยที่เธอบอกให้เจรัลด์พ่อบ้านคนสนิทกลับไปก่อนและห้ามให้พูดเรื่องที่ได้ยินวันนี้กับท่านพ่อของตัวเองเด็ดขาด
ถึงแม้ในตอนแรกเจรัลด์จะคัดค้านและไม่เห็นด้วยขนาดไหนก็ตาม แต่พอเฟลิเชียยืนยันหนักเข้าก็ยอมทำตามในที่สุด
“นี่กุญแจห้องของเธอ”
เฟลิเชียถูกพาเข้ามายังห้องที่มีขนาดใหญ่และตกแต่งอย่างสวยงาม ที่ระเบียงสามารถมองเห็นวิวได้อย่างชัดเจนเพราะห้องนี้อยู่ที่ชั้น 5
“ขอบคุณค่ะ”
“ถ้าหากมีอะไรก็เรียกผมได้นะ ผมอยู่ชั้นบนนี้เอง”
หอพักนี้เป็นหอพักพิเศษที่ถูกเตรียมไว้สำหรับราชวงศ์โดยเฉพาะแต่ละชั้นจะเป็นชั้นของใครของมัน มีการแบ่งส่วนอย่างชัดเจน รวม ๆ ทั้งหมดมี 6 ชั้นซึ่งชั้น 1 จะเป็นห้องสำหรับทานอาหารและชั้น 2 เป็นเหมือนแหล่งบันเทิงที่เอาไว้มารวมตัวกัน แต่ตั้งแต่สร้างเสร็จก็ไม่ใครมีใครใช้มันเลยสักครั้ง
“ลิฮอนคะ”
“ว่าไง”
“ลิฮอนมีคนรักอยู่แล้วงั้นหรือคะ”
เฟลิเชียถามสิ่งที่คาใจของตัวเองออกไปด้วยใบหน้าเรียบเฉย ท่าทางเอื่อยเฉื่อยไม่ใส่ใจของเธอทำให้ลิฮอนรู้สึกแปลกใจไม่น้อย
“ใช่แล้วล่ะ”
ลิฮอนระบายยิ้มส่งมาให้ราวกับเป็นเรื่องปกติ ดวงตาของเขาฉายแววไม่ชอบใจออกมาชัดเจนที่เธอมาอยู่ตรงนี้ ทำให้เฟลิเชียนิ่งชะงักค้างไป
“งั้นหรือคะ”
“ผมของตัวก่อน อยู่กันในห้อง 2 คนแบบนี้คงไม่งามเท่าไหร่นัก”
กึก !
ลิฮอนเดินออกไปแล้วปิดประตูจนเกิดเสียงดัง ในจังหวะนั้นเฟลิเชียก็เหมือนจะล้มทั้งยืน สติของเธอหลุดลอยไปในอากาศอย่างไร้จุดหมาย
เธอควรจะต้องรู้สึกอย่างไรกันงั้นเหรอ เฟลิเชียได้แต่ถามตัวเองซ้ำ ๆ
สองมือกำแน่นจนเลือดสีแดงสดไหลออกมา
"เยี่ยมจริง ๆ"
คู่หมั้นของเธอไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยสักครั้ง
หลังจากหลอกเธอมาตั้งนานก็เพื่อวันนี้นี่เอง
เพื่อที่จะมาตอกหน้าเธอว่ามีคนรักอยู่แล้ว
รอยยิ้มอันสดใสและบริสุทธิ์ที่เขาเคยส่งให้ในวันแรกที่เจอกัน นั่นก็โกหก
ดวงตาที่มองเฟลิเชียเป็นตัวแปลกประหลาดและเป็นตัวเกะกะในชีวิตนั่นแหละคือของจริง
ภาระที่หนักอึ้งบนบ่าของเด็กเพียงไม่กี่ขวบมันมากเหลือเกิน
เพราะเธอสูญเสียมารดาเร็วเกินไป
เพราะดวงตาคู่นี้ที่ทำให้ทุกคนหวาดกลัว
เพราะสิ่งที่เธอมองเห็นนั้นไม่ใช่เรื่องปกติ
เพราะการมีตัวตนของเธอเป็นสิ่งขัดหูขัดตาสำหรับใครหลาย ๆ คน
สองสิ่งเฟลิเชียเหลืออยู่ คือ หนึ่งบิดาผู้ให้กำเนิดตัวของเธอ และเขาก็ได้ทำลายความไว้วางใจของเธอโดยการผิดสัญญาที่ว่าจะไม่มีใครนอกจากมารดาของเธอ
เธออยากจะโผเข้าไปกอดบิดาของตนเหมือนเคยยามเมื่อมีปัญหา แต่พอคิดว่าอ้อมกอดนั้นเคยผ่านร่างกายของหญิงสาวคนอื่นมาเธอก็รู้สึกสะอิดสะเอียน
เธออยากจะระบายความทุกข์ใจและปัญหาต่าง ๆ ที่พบเจอให้บิดาของเธอฟัง แต่เพราะระยะห่างที่เกิดขึ้นระหว่างกันมันมากจนยากจะเชื่อมต่อใหม่ได้
สองคือลิฮอนที่ชื่นชมในความสามารถและดวงตาที่แปลกประหลาดของเธอ แต่ตอนนี้สำหรับเธอแล้วเขาก็ไม่ต่างอะไรกับพวกคนจอมปลอมที่เข้าหาเธอเพราะผลประโยชน์
โลกกระจกแก้วที่เคยห่อหุ้มตัวของเธอไว้พังทลายอย่างไม่มีชิ้นดี
แต่อย่างน้อยเฟลิเชียก็อยากจะขอบคุณที่ทำให้หญิงสาวโง่เขลาผู้นี้ตาสว่างเสียที
