ตอนที่ 12 แย่งชิง
เช้าแล้วเหรอเนี่ยทำไมยังรู้สึกเพลียๆ วะ ผมบ่นกับตัวเองขณะที่กำลังลืมตาขึ้นก็พบกับแสงแดดที่สาดส่องเข้ามาภายในห้องนอนของพี่เมฆ ผมมองไปรอบๆ ห้องก็ไม่เห็นชายคนที่มอบความสุขให้ผม คืออยากจะบอกว่าเป็นความสุขที่ผมไม่ได้ยินยอมเลยนะครับหรือจะพูดง่ายๆ ผมโดนบังคับนะครับ.. จริงเหรอ??
ผมมองออกไปนอกหน้าต่างอีกด้านหนึ่งของห้อง ก็เห็นยอดต้นไม้เขียวขจีมันดูสดชื่นเชิญชวนผมให้ลุกขึ้นเดินไปยืนยังขอบหน้าต่างนั้นแล้วมองบรรยากาศโดยรอบอย่างสุขใจ เป็นความรู้สึกดีจนบอกไม่ถูกมันเป็นอะไรที่ดูสดชื่นแจ่มใสมาก นับเป็นเช้าอีกวันหนึ่งที่ผมมีความสุขมากจริงๆ
ผมมาห้องนี้สองครั้งแล้วแต่ยังไม่เคยสำรวจอะไรมากมายภายในบ้านหลังนี้ ผมจึงค่อยๆ เดินสำรวจภายในห้องของพี่เขาอย่างตั้งใจ สายตาของผมไปสะดุดเข้ากับภาพโปสเตอร์ของพี่เมฆที่ไปถ่ายตอนแข่งมอเตอร์ไบค์ ภาพนี้ดูเท่มากครับเป็นภาพขนาดใหญ่เท่าตัวจริงซึ่งมือหนึ่งถึงหมวกกันน็อคและอีกมือหนึ่งถือช่อดอกไม้โดยมีสายรางวัลระดับแชมป์คล้องคอ ดูจากสีหน้าแล้วพี่เขาดูมีความสุขมาก ยิ้มกว้าง ผมเห็นแล้วยังเผลอยิ้มตามเลยครับพอมองกลับมาที่หัวเตียง ผมก็ไปสะดุดเข้ากับกรอบรูปภาพอีกอันหนึ่งที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียง มันคือภาพของพี่เมฆกับพี่บีแฟนเก่าพี่เขาเอง ที่ถ่ายรูปคู่กันตอนรับรางวัลแข่งรถ ความรู้สึกตอนนั้นของผมมันรู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัว ผมยืนมองภาพดังกล่าวอยู่นานจนรู้สึกผิด...
“ถ้ากรูไม่วิ่งข้างฟุตบาทวันนั้นเขาคงไม่เจอกรู!
ถ้ากรูไม่งี่เง่าจนทะเลาะกับมี๊แล้วหนีออกจากบ้านเขาคงไม่ตามหากรู!
ถ้ากรูไม่ปากดีเขาคงไม่ทำร้ายกรู!
ถ้ากรูไม่ปล่อยเลยตามเลยแบบนี้เขาคงไม่ต้องเลิกกัน!"
ผมพูดกับตัวเองทั้งน้ำตา จังหวะนั้นก็มีมือคู่หนึ่งสวมกอดผมจากทางด้านหลังอย่างแผ่วเบาแล้ววางคางบนไหล่ของผมช้าๆ
"อย่าโทษตัวเองเลยครับ ไม่มีใครเป็นฝ่ายผิดทั้งนั้นแหล่ะ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นฟ้าท่านลิขิตเอาไว้แล้ว" คนด้านหลังพูดพลางยกมือมาปาดน้ำตาให้ผมอย่างอ่อนโยน
"อย่าร้องไห้เลยนะครับคนดีของพี่ เนี่ยดูสิน้ำตาเปื้อนแก้มไม่สวยแล้วรู้มั๊ย"
เขายังปาดน้ำตาของผมที่ยังรินไหลไม่หยุดพลางพูดหยอกล้อสนุกปากก่อนจะคลายวงแขนแล้วย้ายตำแหน่งมายืนต่อหน้าผม ยกมือปาดน้ำตาให้ผมอีกหลายรอบ มือผมยังไวกว่าความคิดเหมือนเดิมฟาดฝ่ามือตีแขนพี่เขาไปทีหนึ่งทำเอาคนตรงหน้าสะดุ้ง
"โอ้ย! ตีพี่ทำไมพี่เจ็บนะครับ" คนตรงหน้านั่งลูบแขนตัวเองไปมาด้วยความเจ็บ
"สมน้ำหน้าแล้วใครเป็นคนบอกว่าก๊อปสวยล่ะ ก๊อปหล่อจะตายพี่เมฆอ่ะ" ผมพูดพลางทำท่าทางไม่พอใจแล้วสะบัดหน้าใส่พอเป็นพิธี
"พี่ขอโทษครับ ก็แฟนของพี่สวยจริงๆ นี่ ไม่ได้หล่อซะหน่อย ออกจะสวย ตาก็สวย จมูกก็สวย ปากก็สวย สวยหมดทุกส่วนไม่เห็นจะมีส่วนไหนจะหล่อเลยจริงๆ นะ"
คนตัวใหญ่พูดพร้อมประคองตัวผมไปยืนหน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งแล้วพูดบรรยายส่วนต่างๆ ของใบหน้าผม ทำให้ผมเคลิ้มไปกับคำพูดเหล่านั้นจนเผลอยิ้มให้กับตัวเองในกระจก ไม่ได้สิ กรูต้องหล่อ ต้องหล่อเท่านั้น จะสวยได้ยังไงล่ะ กรูเป็นผู้ชายนะ ผมค้านกับความรู้สึกในใจที่กำลังเคลิ้มไปกับคำพูดของคนตัวใหญ่ก่อนจะสลัดหัวแรงๆ เพื่อเรียกสติให้กลับคืนจากคำพูดเยินยอของพี่เมฆ
"ไม่เอาละไม่พูดด้วยแล้ว เอะอะก็จะให้สวยอย่างเดียวเลย ก๊อปหิวจะแย่อยู่แล้วมีไรกินบ้าง?" ผมรีบเปลี่ยนเรื่องเมื่อพบว่าคนตัวใหญ่ยังไม่ยอมเลิกรา พี่เขายิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ผมในกระจกก็ทำให้ผมอดยิ้มตามไม่ได้
"ป้ะๆ พี่ไม่แกล้งละไปกินข้าวกัน พี่ทำอาหารไว้เยอะแยะเลย"
ผมหูผึ่งทันทีเมื่อได้ยินว่าพี่เขาทำอาหารไว้รอเยอะแยะหลายเมนู ผมรีบกอดแขนคนตัวใหญ่เดินตามออกจากห้องนอนเพื่อไปกินอาหารเช้าอันแสนอร่อยกับพี่เขาสองคนอย่างมีความสุขมากมายก่ายกอง กำลังอิจฉาผมกันอยู่ล่ะซี่
ช่วงหลังเลิกเรียนใต้ต้นมะขามที่เก่าที่เดิมของพวกผมนายก๊อป
"อร่อยมั๊ยครับก๊อปกินเยอะๆ นะ"
ผมพยักหน้าแทนคำตอบให้กับเจที่กำลังป้อนขนมให้ผมกิน ระหว่างที่ตัวผมก็นั่งทำการบ้านไปด้วย
"เดี๋ยวนี้เราไม่ค่อยได้เจอกันเลยนะ ข้างรั้วโรงเรียนก็ไม่ไปเหมือนเมื่อก่อนมีอะไรหรือเปล่า"
ผมส่ายหน้าแทนคำตอบเช่นเดิม นี่มรึงไม่เห็นเหรอว่ากรูกำลังนั่งทำการบ้านอยู่จะให้มัวมาตอบคำถามไร้สาระมันก็คงไม่ถูกแล้วนะไอ้เจ ผมด่ามันในใจแต่มันคงจะได้ยินหรอกมั้งครับเพราะผมด่ามันในใจนี่หน่า
"ตกลงจะไม่ตอบอะไรเลยใช่มั๊ย เอาแต่พยักหน้าแล้วส่ายหัวอยู่แบบนี้"
"อืม มรึงไม่เห็นหรอว่ากรูกำลังทำการบ้านจะให้ตอบอะไรมรึงได้ยังไง สมองกรูก็ต้องคิด มือก็ต้องเขียนแล้วจะให้ปากพูดอีกกรูจะประมวลผลยังไงคิดด้วย กรูว่าจะไม่พูดแล้วนะ!" มันคงทึ่งกับน้ำเสียงเรียบๆ จากผม
"ก๊อป กรูขอโทษแต่ทำไมมรึงต้องดูโมโหแบบนี้ด้วยวะ เมื่อก่อนไม่เห็นเป็นแบบนี้เลยมรึงเป็นอะไรไปวะ?" มันพูดด้วยสีหน้าเครียดขึ้นทันที
"เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร"
"ไม่เป็นอะไรยังไง มรึงไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนแล้วข่าวที่พวกนักเรียนมันพูดกันน่ะ จริงหรือเปล่า ที่เขาเห็นมรึงดูกุ๊กกิ๊กกับไอ้พี่เมฆนั่นน่ะ กรูบอกเลยนะถ้าเป็นเรื่องจริงกรูไม่ยอมแน่" ไอ้เจพูดใส่อารมณ์มากขึ้น
"มันจะจริงหรือไม่จริงมันก็เรื่องของกรูเปล่าวะไม่เกี่ยวอะไรกับมรึง กรูก็ขอบอกเหมือนกันนะว่า มรึงกับกรูถึงจะเป็นแฟนกันก็จริง แต่เมื่อมันเป็นได้ก็เลิกได้โว้ย ถ้ามรึงจะทำตัวงี่เง่าแบบนี้" ผมตอบกลับมันด้วยความรู้สึกไม่พอใจสุดๆ หรือจะพูดง่ายๆ ก็คือมันสุดจะทนแล้ว
"ไม่ได้ มรึงจะเลิกกับกรูไม่ได้มรึงเป็นแฟนกรูแล้ว กรูไม่ยอมให้มรึงเลิกกับกรูเด็ดขาด กรูจะทำทุกวิถีทางให้มรึงอยู่กับกรูตลอดไป!" ายแล้วมั๊ยล่ะไอ้ก๊อปถ้ามันเอาจริงขึ้นมากรรูคงตายแน่ๆ ดูมันพูดจริงจังมาก หน้าตาโคตรน่ากลัวเลยอ่ะ
"มรึงไม่มีสิทธิ์มาเหนี่ยวรั้งอะไรกรูนะไอ้เจ กรูมีหัวใจของกรู กรูมีความรู้สึกของกรู ถึงมรึงจะทำอะไรกรูมรึงก็จะได้แค่ตัวกรูเท่านั้น มรึงไม่มีวันที่จะได้ใจของกรูแน่นอน มรึงจำคำพูดกรูไว้เลยไอ้เจ"
แล้วผมก็ลุกขึ้นเดินออกมาจากโต๊ะม้าหินอ่อนโดยมีไอ้เก่งและไอ้แว่นเดินตามก้นติดๆ ด้วยความไม่เข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ไอ้เจไม่วายลุกขึ้นวิ่งเข้ามากอดคอกระชากผมอย่างแรงจนผมต้องล้มลงไปกับพื้น ส่วนมันก็ยืนชี้หน้าด่าผมไม่หยุดจังหวะเดียวกันกับที่รถเก๋งของผู้ชายคนที่ผมรักได้แล่นเข้ามาจอดเทียบฟุตบาทใกล้กับจุดที่ผมล้มลง ผมยังนั่งอยู่กับพื้นด้วยความเจ็บ หลังจากที่ศอกกระแทกกับพื้นอย่างแรงจนมีเลือดไหล คนตัวใหญ่รีบลงมาจากรถยนต์วิ่งเข้ามาประคองผมลุกขึ้นไปนั่งที่โต๊ะม้าหินอ่อนตัวเดิม
"มันเกิดอะไรขึ้นมีเรื่องอะไรกัน ทำไมไม่พูดกันดีๆ"
ทันทีที่พี่เมฆพูดจบไอ้เจก็รี่ตรงเข้าไปต่อยเข้าที่ใบหน้าพี่เขาอย่างจังไปหลายหมัด แต่โชคดีที่พี่เมฆพอจะยกแขนขึ้นกันกำปั้นรัวๆ ได้บ้างทั้งยังมาคว้าแขนของผมดึงตัวเข้าไปกอด โดยที่มันกระชากแขนจนหมุนหันหลังให้กับมันก่อนจะถูกแขนใหญ่ของมันล็อกคอผมไว้แน่น
ทันใดนั้นมันก็หยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋านักเรียน มันคือมีดสั้น มันถือมีดอยู่ในมือแล้วรีบยกขึ้นจ่อที่คอขาวๆ ของผมอย่างรวดเร็ว ผมรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า มันรวดเร็วจนผมไม่สามารถตั้งตัวได้ทันส่งผลให้คนรอบข้าง กรีดร้องด้วยความหวาดกลัวระงม
"มรึงจะทำอะไรกรูอ่ะไอ้เจ"
"มรึงอยู่เฉยๆ เถอะ ถ้ามรึงไม่อยากเจ็บตัว"
ท่าทางของมันดูน่ากลัวมากใบหน้าแดงกล่ำ มีเหงื่อเป็นเม็ดๆ เต็มไปหมด ดวงตาแข็งกร้าว จนตัวผมเองรู้สึกกลัวมันอย่างบอกไม่ถูก เมื่อเงยหน้าขึ้นมองใบหน้ามันทำให้ผมทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนนิ่งๆ ตามคำสั่งของมัน
"เจค่อยๆ พูดกันดีๆ ดีกว่านะวางมีดลงเถอะนะครับ"
พี่เมฆพยายามพูดเกลี้ยกล่อมมันด้วยคำพูดมากมายแต่มันไม่สนใจ มันพูดแต่เพียงที่จะไม่ให้ผมเลิกกับมัน คำเดียวเท่านั้นแล้วจู่ๆ มันก็กึ่งจูงกึ่งลากผมให้ตามมันไป
"พวกมรึงอยู่เฉยๆ เลยนะ ใครตามกรูมาไอ้ก๊อปตายพร้อมกรูแน่"
เห้ย! มรึงถามกรูก่อนมั๊ยว่ากรูอยากการจะตายพร้อมกับมรึงหรือเปล่าไอ้เจ เหมือนดั่งเป็นคำสั่งประกาศิต ทุกคนได้ยินต่างเชื่อฟังพากันยืนนิ่ง คงกลัวว่าผมจะตายพร้อมกับมันใช่มั๊ย แต่ขณะที่พี่เมฆได้แยกตัวออกไปจากกลุ่มนักเรียนมุ่งไปทางด้านหลังค่อยๆ เดินหลบสายตาไอ้เจที่จ่อมีดไว้ที่คอของผมตลอดเวลาไปจนถึงสถานที่ที่มันต้องการ
"พวกมรึงอย่าเจือกนะ...ขึ้นรถ"
มันตะโกนสั่งนักเรียนชายบางคนที่กำลังจะหาทางมาช่วยผม กลับถูกมันพูดสกัดไว้ก่อน จากนั้นมันก็หันหน้ามาสั่งผมให้ขึ้นมอเตอร์ไซค์ของมันพร้อมส่งกุญแจให้
"มรึงจะพากรูไปไหน?" ผมถามมันอย่างสงสัย
"กรูก็จะพามรึงไปเป็นของกรูตลอดการด้วยการยัดเหยียดความเป็นผัวให้มรึงไง ไอ้ก๊อป!" เมื่อผมได้ยินแบบนั้นถึงกับตาเหลือกและอ้าปากค้างเลยครับ
"เจอย่าทำอะไรกรูเลยนะกรูขอร้อง" ผมพูดด้วยน้ำเสียงหวาดกลัวแล้วพยายามอ้อนวอนมันด้วยวิธีต่างๆ แต่ไม่เป็นผล
"หุบปาก มรึงพล่ามมาเยอะละขึ้นรถเดี๋ยวนี้"
ผมต้องทำตามที่มันสั่งเพราะมีปลายมีดจี้ที่เอวของผมอยู่ตลอด ผมขับมอเตอร์ไซค์ไปตามเส้นทางที่มันสั่งด้วยความหวาดกลัว ขณะเดียวกันผมก็เหลือบเห็นรถเก๋งคุ้นตาขับตามหลังมาติดๆ จากกระจกมองหลังรถมอเตอร์ไซค์ทำให้ผมรู้สึกโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อยแต่ก็ยังรู้สึกกลัวอยู่ดี ผมขับรถมอเตอร์ไซค์อยู่นานก็ยังไม่ถึงสถานที่ที่มันต้องการ รถยนต์ด้านหลังก็ยังขับตามมาอย่างไม่ลดละ ส่วนคนต้นเรื่องก็พร่ำบ่นเรื่องต่างๆ นานาเกี่ยวกับความรักของมันที่มีต่อผมตลอดทาง ว่ามันรักผมมากทั้งให้การดูแลเอาใจใส่ผมทุกอย่าง ทำไมผมไม่สนใจมันบ้างเป็นเพราะผมมีคนอื่น ซ้ำยังมีคำด่าทอหยาบคายที่มันว่าผมจนผมรู้สึกผิดไม่ทัน ถ้าผมไม่รับรักมันเพื่อประชดพี่เมฆตั้งแต่แรก มันคงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น จะว่าไปตอนนี้ผมอยากรู้แล้วล่ะว่ามันจะให้ผมขับมอเตอร์ไซค์ไปถึงไหนแล้วผมยังต้องเจออะไรอีก ผมกลัวเหลือเกิน มี๊ ปี๊ พี่เมฆช่วยผมด้วยนะครับ
