Chapter 03
“คุณ เอ่อ คุณผู้หญิง”
“มาเลศ” เสียงทุ้มขึ้นจมูกนั่นตอบกลับมา ความจริงที่ว่าคนตรงหน้าเป็นผู้หญิงทำเอาเธอสตั๊นท์ไปหลายวินาที นี่โลกมันเพี้ยนหรือว่าเธอเพี้ยนกันแน่ถึงมองไม่เห็นความเป็นนางสาวในตัวคนๆนี้ มุสิกกระพริบตาที่เบิกค้างมานานเกือบนาที พิจารณาใบหน้ายาวเรียวกับผิวบางใสที่เกลี้ยงเกลาปราศจากไรหนวดหรือรอยมีดโกนแล้วก็ตกใจอีกรอบที่ตัวเองก็ยังมองว่าคนตรงหน้าเป็นชายหนุ่มหน้าใสคุณชายจุฑาเทพอยู่ดี เฮ้ย นางเป็นผู้หญิงได้ยังไงเนี่ย
“นี่ มีอะไรรึเปล่า คุณโอเคมั้ย”
“ค่ะ คือฉัน เอ่อ ฉันเรียกคุณว่าเมลได้มั้ย”
“จะเรียกอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ คุณผู้ชาย น่ะ” มาเลศว่าพลางกระตุกยิ้ม จับหมวกที่ทำท่าจะปลิวไปตามแรงลม ลุงดำขับรถไต่ขึ้นไปตามเนินเตี้ยๆ ผ่านกลุ่มบ้านที่มีคานเรือและอวนตาข่ายซึ่งมันทำให้แขกหน้าใหม่ตื่นตาตื่นใจมาก มุสิกยังคงจ้องคนตัวยาวที่นั่งหันมองทิวทัศน์ของเกาะเหราด้วยอาการเริงร่าตื่นตาตื่นใจ เธอจะรู้ได้ยังไงว่าแบ็คแพ็คเกอร์ที่ถ่อนั่งเรือมาถึงเกาะนี้จะเป็นผู้หญิงไม่อย่างนั้นคงไม่ยืดอกรับสมอ้างว่าเค้าเป็นแฟนหรอก
“ใกล้ถึงแล้วเหรอคุณ” มาเลศเอ่ยถาม มุสิกเองก็นึกแปลกใจเพราะว่าเพิ่งจะผ่านมาได้ครึ่งทางเท่านั้นแต่ทำไมลุงดำถึงได้จอดรถ
“อะไรคะลุงดำ”
“ชยัน ลูกน้องนายหัวมา” ลุงดำหันกลับมาตอบ ซึ่งพอเธอชะเง้อไปมองบนถนนแล้วก็เห็นชายฉกรรจ์สี่คนมาพร้อมกับมอเตอร์ไซค์สี่จังหวะสี่คันจอดขวางทางอยู่
“ไปไหนมาล่ะลุงดำ” ชายที่สวมแว่นกันแดดใส่เสื้อลายดอกหวีผมเสยเปิดหน้าผากตะโกนถามขึ้นมา เป็นสำเนียงใต้ที่ฟังดูก้าวร้าวและหาเรื่องบอกไม่ถูก
“ไปรับแฟนเจ้านายมา” ลุงดำตอบเสียงดังฟังชัด หมอนั่นคงจะเป็นคนที่ชื่อชยัน ซึ่งมุสิกเดาว่าคงจะเป็นลูกน้องคนสนิทของนายหัว และอีกสามคนที่คร่อมอยู่บนรถฮอนด้าเวฟ125i ก็คงจะเป็นลูกกระจ๊อกของนายหัวอะไรนั่น
“ไหนใครว่าเป็นผัว ตกลงเป็นอะไรกันแน่” พอได้ยินแบบนั้นเลยรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในนิยายมนต์รักลูกทุ่งยังไงก็ไม่รู้ มุสิกคิดว่าคนบนเกาะนี้คงจะดูละครหลังข่าวมากไป
“คุณยิ้มบ้าอะไร” มาเลศยื่นหน้าเข้ามากระซิบถาม
“จริงดิ ฉันยิ้มเหรอ”
“พวกนั้นมาหาเรื่องคุณรึเปล่า”
“ก็คงใช่” มาเลศยังปั้นหน้านิ่งเมื่อได้ยินคำตอบของเธอ
“คุณช่วยอะไรฉันหน่อยสิ” มุสิกยื่นหน้าเข้าไปบ้างและทำพูดเสียงเบาจนอีกฝ่ายต้องขยับเข้ามาใกล้กว่าเดิม
“อะไร”
“ช่วยทำเหมือนเป็นแฟนฉันหน่อย”
“??” หน้าที่นิ่งๆอยู่เมื่อกี๊เริ่มเปลี่ยนเป็นงงงวยแล้ว
“คืองี้นะ ลูกพี่ของพวกนั้นตามตื๊อฉันน่าดูเลยน่ะ ถ้าพวกนั้นเห็นว่าฉันมีแฟนก็จะได้เลิกยุ่งซะที เก็ทที่พูดมั้ย” เธอยังไม่ได้คำตอบจากมาเลศ เพราะรายนั้นทำหน้างงหนักกว่าเดิมเธอจึงต้องปล่อยให้หล่อนใช้ความคิดไปก่อน
“ช่วยหลบทางได้มั้ย” มุสิกลุกขึ้นยืนแล้วตะโกนบอกพวกแก๊งค์มอเตอร์ไซค์ เห็นคนที่ชื่อชยันชัดถนัดตาแล้วก็ต้องร้องลั่น
“ดำเกิงใช่มั้ย ไอ้ดำเกิงห้องสี่ขี้แตก ใช่จริงๆด้วย มายืนขวางทำไมหลีกทางไปเลยนะ” นายชยันหรือชื่อเดิมคือดำเกิง เด็กรุ่นน้องสมัยมัธยมของเธอตกใจจนหน้าเหลือสองนิ้ว เขาทำท่าอิหลักอิเหลื่อหันล่อกแล่กมองลูกทีมที่กำลังตีหน้ากลั้นยิ้มกันจนแก้มป่อง
“ไม่ได้ยินเหรอ ไม่งั้นฉันจะไปบอกแม่แก”
“ดำกงดำเกิงอะไร ไม่มี นี่ชื่อชยัน แล้วไหนแฟนพี่ แฟนจริงรึเปล่า ทำไมไม่มาพร้อมกันตั้งแต่วานก่อนโน้น” เขาอบกลับด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่นเหมือนไม่ค่อยมั่นใจในภาษาของตัวเองเท่าไหร่ท่าทางอย่างนี้ไอ้ดำเกิงห้องสี่แน่ๆ มุสิกไม่มีทางจำพลาด
“ลุงดำ ขับไปเลยค่ะ ไม่ต้องกลัวมัน ไอ้หมอนี่มันใจปลาซิว” สิ้นเสียงเธอลุงดำก็ค่อยๆเร่งเครื่องเดินหน้า ฝ่ายนั้นคงเห็นว่าเธอเอาจริงเลยเข็นรถเบี่ยงหลบข้างทาง เธอสะกิดลุงดำให้จอดตรงหน้าดำเกิงห้องสี่เพื่อจ้องหน้าเขาเต็มๆอีกครั้ง
“ไอ้ขี้แตก” เธอว่าใส่หน้าดำเกิงที่ปัจจุบันชื่อชยันไปแล้วเรียบร้อย หมอนั่นทำท่าเม้มปากเหมือนกับพยายามกลั้นสะอื้น
“แล้วนี่แฟนฉัน ถ้านายหัวอะไรของแกอยากรู้” เธอขยับไปยืนใกล้มาเลศซึ่งนั่งตัวโย่งหน้ามึนภาษาใต้แววตาเลื่อนลอย
“เขาชื่อเมล ดูปากอีกที ชื่อเมล” เธอว่าชัดๆ ทำสีหน้าเย้ยหยันเต็มที่ จังหวะนั้นเองที่มือกว้างของมาเลศคว้ามารวบร่างของเธอให้ทิ้งตัวลงนั่งบนหน้าตักอย่างตั้งใจ มุสิกตกใจจนร้องว้ายออกมาแต่ก็รีบยกมือปิดปาก ยังไม่ทันที่จะตั้งสติอะไรได้ปลายจมูกโด่งๆนั่นก็ถูเข้าที่ข้างแก้มเธอเข้าซะแล้ว
