The Deal ดิลลับ(ฉบับ)ร้าย

103.0K · จบแล้ว
ฮวายอน
42
บท
1.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

"กฏข้อเดียวของดิลนี้ คือห้ามหลงรักคู่ซ้อม" -เหนือเมฆ- "โคตรเบสิกเลย...โอเค ดิล!" -ทิชานันท์- ▶ ılıılılılılılıılılı 00:38 จาก 'คนแปลกหน้า' มาเป็นคู่ซ้อม... และจาก 'คู่ซ้อม' กลับกลายมาเป็นคู่แข่งทางธุรกิจ... สุดท้ายจาก 'คู่แข่ง' สู่ 'ศัตรู' เอ๊ะ! หรือ...ไม่ใช่!? The Deal ดิลลับ (ฉบับ) ร้าย เรื่องนี้เป็นเรื่องพิเศษที่เสริมมาจากแก๊งเฮียๆนะคะ แล้วก็คงมีบรรดาเเฮียๆกับเมียๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยในบางช่วงบางตอน จะบอกว่าเรื่องนี้จะเป็นฟิลแบบ เบาๆ ผ่อนคลายสมอง สาระหรือปมต่างๆ จะไม่ค่อยเยอะมาก เน้นการเดินเรื่องของตัวเอกเป็นหลัก NC ก็อาจจะฉ่ำๆ หน่อย พระเอกแซ่บ นางเอกก็...ไม่เบา ฝากติดตามเรื่องราวของดิลลับฉบับนี้ด้วยน้า เตรียมฮิลเลือดให้พร้อม จะเริ่มอัพเร็วๆ นี้ แนะนำตัวละคร นางเอก ทิชานันท์ ธารศิริกุล หรือทิชา อายุ 22 ปี พระเอก เหนือเมฆ เมฆาพยัคฆ์ หรือเฮียเหนือ อายุ 26 ปี ทิชาเป็นเพื่อนกับน้องน้อยมิเชล ในเรื่อง LAST LOVE รักสุดท้ายของนายหมอ ที่เพิ่งจบไปนะคะ ^^ ฝากกดเพิ่มลงคลัง + กดใจ + คอมเมนต์ เป็นกำลังให้ไรต์ตัวน้อยๆ คนนี้ด้วยน้า เปิดให้อ่านฟรีจนอัพจบเหมือนเดิมจ้า งดอัพอาทิตย์ละหนึ่งวัน น่าจะเป็นวันพุธนะ ถ้าเปลี่ยนแปลงจะแจ้งไว้ใต้ตอนนะคะ ขอบคุณทุกแรงสนับสนุนค่า....

นิยายรักโรแมนติกประธานตลกดราม่าโรแมนติกฟินๆเลือดร้อน18+

The Deal : ดิลลับฉบับคนแปลกหน้า Ⅰ

[บทบรรยาย : เหนือเมฆ]

@บาร์ชื่อดังกลางเมืองหลวง

23:32 น.

“จะเครียดทำไมวะ ไม่อยากไปก็แค่หาเมีย”

“เหอะ!” ผมหลุดหัวเราะในลำคอพลางส่ายหน้าไปมาด้วยอารมณ์แบบ…โคตรเซ็ง กับคำพูดสุดชิลของหนุ่มตี๋รุ่นราวคราวเดียวกันที่ยืนทิ้งแผ่นหลังพิงกำแพงหน้าห้องน้ำอยู่ข้างๆ ก่อนจะยกมือข้างหนึ่งขึ้นปัดป่ายกลางอากาศซึ่งรายล้อมไปด้วยกลุ่มควันสีขาวกลิ่นองุ่นที่พวยพุ่งออกมาจากปากมันอย่างต่อเนื่องจนฉุนกึก

ไอ้พีท คือบุคคลที่ผมให้คำนิยามว่า มิจ มาเป็นเวลายาวนานกว่าสิบปี ไม่ใช่มิตรภาพนะ…มิจฉาชีพ! เพื่อนเหี้ยๆ ที่กำความลับด้วยการขู่กรรโชก ไม่ว่าจะเรื่องยิบ เรื่องย่อย เรื่องเล็กน้อยเท่าขี้ตีน อย่าให้มันรู้เชียว

เหลี่ยมทุกดอกเสือกบอกว่ารักกู!

แต่ถ้าถามหาเหตุผลว่าทำไมถึงยังคบกันมาจนถึงทุกวันนี้ มันเป็นอะไรที่ค่อนข้างอธิบายยากนะ เพราะความเป็นจริงคือทุกคนแม่งก็มีสองด้านเสมอ ขึ้นอยู่กับว่าจะเลือกใช้ได้ถูกเวลารึเปล่า และผมเองก็ไม่ใช่คนดีเท่าไหร่นัก ดังนั้นมันเลยหักล้างกันได้หรือพูดง่ายๆ ก็...ศีลเสมอ

ผ่านไปไม่ถึงนาที หมอกควันรอบตัวก็เริ่มหนาขึ้นเรื่อยๆ จนความอดทนของผมหมดลง สุดท้ายต้องพาร่างกายไปยืนพิงผนังฝั่งตรงข้ามแทน เข้าใจอารมณ์คนไม่สูบไอ้ของไร้ประโยชน์นี่ไหม? ถึงมันจะพัฒนามาเป็นระบบไฟฟ้าและแต่งกลิ่นให้ดีขึ้นแค่ไหน สำหรับผมก็ยังเหม็นฉิบหายอยู่ดี

แต่จะไปว่ามันก็ไม่ได้ เพราะไอ้ขวดสีเขียวมรกตที่ผมกำลังยกขึ้นกรอกลงคออยู่ตอนนี้ก็ไม่ต่าง มันแค่ช่วยให้หลับสบายในคืนที่ต้องใช้สมองคิดหลายเรื่องพร้อมกันจนปวดหัว

อย่างเช่นคืนนี้…

ก็เรื่องที่ไอ้พีทมันช่วยออกความคิดเห็นไปก่อนหน้านั่นแหละ ผมเองก็ยังงงๆ กับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ไม่รู้วิญญาณอากงเข้าสิงรึเปล่า เพราะอยู่ดีๆ เจ้าสัวมังกร พ่อบังเกิดเกล้าที่ผมเรียกว่า...ป๊า ก็ลุกขึ้นมาหมายหัวลูกชายตัวเองกลางลานประชุมวงศาคณาญาติและผู้ถือหุ้นมากมายภายใต้ เมฆากรุ๊ป

[แกต้องไปคุมโรงงานที่เชียงใหม่ ถ้าไม่!...ก็ต้องแต่งงาน เลือกเอา…เพราะถ้าแกยังจะดื้อด้านไม่เอาอะไรสักอย่างอยู่แบบนี้ ฉันสั่งปิดไอ้ศูนย์แต่งรถเส็งเคร็งนั่นแน่ แล้วก็เตรียมย้ายไปหาที่ซุกหัวนอนใหม่ได้เลย!]

ซึ่งผมไม่รู้เลยว่าสาเหตุที่แท้จริงมาจากอะไร แต่ประเด็นที่หดหู่กว่านั้นคืออะไรรู้ไหม...?

แน่นอนว่าข้อเสนอแรกเป็นความต้องการของป๊า ส่วนอีกตัวเลือกเป็นของแม่ผู้ให้กำเนิดที่คอยหนุนหลังทายาทเพียงคนเดียวอย่างผมมาตลอดหลายปี แต่เมื่อทั้งสองจับมือกัน ความฉิบหายก็เกิดกับผมน่ะสิ!

และด้วยเหตุผลนี้มันทำให้ผมไม่กล้าแข็งข้อ จากคุณชายกลายเป็นยาจกแบบชั่วข้ามคืนได้เลยนะ ทำเป็นเล่นไป!

เพราะ M-razr ที่ป๊าเรียกมันว่าไอ้ศูนย์แต่งรถเส็งเคร็งและจะสั่งปิดนั่นน่ะ เป็นบ่อเงินบ่อทองเดียวที่ผมล้มลุกคลุกคลานสร้างมันมากับมือ ถึงจะมีเงินของป๊าอยู่เกินครึ่งก็เหอะ แต่ผมบริหารจัดการเองทั้งหมดจนเกือบทำมันเจ๊งตั้งแต่สองเดือน สุดท้ายจะด้วยความพยายามหรือไม่อยากเสียหน้า มันก็ทำให้ M-razr สร้างกำไรมหาศาลมาถึงสามปีติด ดังนั้นถ้าจะให้ไปเริ่มต้นใหม่คงไม่ใช่ความคิดที่ดี…

อีกอย่างการถูกพรากของรักคงทำผมใจขาดตายก่อนอดตายแน่ๆ ผมจะไม่มีวันยอมให้เกิดขึ้นเด็ดขาด!

และไอ้พีทมันก็รู้ดีว่าผมไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับ เมฆากรุ๊ป ด้วยเหตุผลหลายอย่าง หลักๆ ก็ไม่อยากรับผิดชอบอะไรที่มันเกินตัว เพราะนี่ไม่ใช่แค่ธุรกิจครอบครัว แต่มันเป็นของทั้งวงศ์ตระกูล ถ้าผมพลาดทำมันพังละก็...มีหวังโดนสาปแช่งไปอีกหลายชั่วโคตรแหงๆ เพราะงั้นมันเลยเสนอทางเลือกที่เหมือนจะง่ายกว่า

แต่…ไม่ใช่ทางเลือกที่ดี เพราะคนอย่าง ‘เหนือเมฆ’ จะไม่ยอมให้ผู้หญิงมาอยู่เหนือกว่า แม้กระทั่งกิจกรรมบนเตียง ดังนั้นข้อสองถูกตัดออกไปตั้งแต่แวบแรกที่ผ่านเข้าหู สุดท้ายผมทำได้แค่เก็บข้าวของเตรียมย้ายไปประจำการอยู่บนดอยอย่างเลี่ยงไม่ได้...

“คืนนี้กูมีตัวเด็ดนะ” เสียงของไอ้พีทดึงให้ผมกลับมาอยู่ในโลกปัจจุบัน “รับไปแก้เครียดสักคนไหมครับเพื่อน”

“เด็ดแค่ไหน กูก็ต้องไปเชียงใหม่อยู่ดีปะ!?” จบคำกล่าวผมก็ยกแอลกอฮอล์ขวดเดิมขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด แล้วโยนขวดเปล่าให้ไอ้เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดรับไว้ ก่อนสาวเท้าออกมาจากตรงนั้น

ปลายทางผมคือลานจอดด้านนอก แต่จังหวะที่กำลังจะเดินพ้นหน้าเคาน์เตอร์บาร์…

กึก!

ผมหยุดฝีเท้ากะทันหันด้วยความไม่สบอารมณ์ ตวัดตามองต้นตอของแรงฉุดรั้งอย่างเกรี้ยวกราด และพบว่าแขนแจ๊คเก็ตยีนช่วงเหนือข้อศอกขวาของตัวเองถูกมือเรียวของใครบางคนดึงไว้

ลมหายใจถูกพ้นยาวผ่านปลายจมูกหนักๆ หนึ่งที เมื่อเห็นว่าใครคนนั้นนั่งทำตาปรือปรอยอยู่บนเก้าอี้บาร์ตัวสูงโดยหันหลังให้บาร์เทนเดอร์ที่กำลังผสมเครื่องดื่มอย่างเมามัน

เจอคนเสียมารยาทว่าน่าหงุดหงิดแล้วนะ...นี่เมาด้วย! เวรฉิบ...วันนี้มันห่าเหวอะไรวะเนี่ย!!

ยังไม่ทันที่ผมจะได้อ้าปาก เจ้าของผิวกายสีน้ำผึ้งก็โพล่งขึ้นมาซะก่อน

“คุณน่ะ!”

“...” ดวงตาผมหรี่ลงเล็กน้อย ขณะไล่สำรวจใบหน้าของอีกฝ่าย แต่แสงสว่างที่มีในตอนนี้ก็ไม่เป็นใจเอาซะเลย

“อยากนอนกับฉันไม๊…คะ!?”

“หือ...?” เสียงครางหลุดออกมาด้วยความข้องใจ เพราะสภาพของคนถามคือแบบ...นั่งยังไม่ตรงเลย ถึงองค์ประกอบโดยรวมจะพอใช้ได้อยู่ แต่...ไม่น่าจะไหวนะ อีกอย่างผมถือคติไม่ขึ้นเตียงกับคนเมา ไม่อยากให้มันเข้าพล็อตเรื่องเดิมๆ ที่ตื่นมาแล้วโวยวาย ร้องไห้ฟูมฟายจะเป็นจะตาย มันน่ารำคาญ เพราะงั้นผมเลยปฏิเสธสาวน้อยตรงหน้าด้วยการกระตุกแขนออกจากการเหนี่ยวรั้งและตั้งใจจะแยกย้าย แต่ดูเหมือนแรงที่ผมใช้จะทำให้คนกึ่งไร้สติเสียการทรงตัวไม่น้อย

อ๊ะ!

จังหวะนั้นปลายเท้าผมเบี่ยงทิศทางโดยอัตโนมัติ ก้าวไปยืนข้างๆ ในระยะประชิด พร้อมยกแขนขึ้นเป็นการ์ดกันร่างบอบบางเอาไว้ตามสัญชาตญาณ

ฟุ่บ!

เพียงเสี้ยววินาทีคนตัวเล็กทิ้งน้ำหนักตัวเกือบทั้งหมดมาบนแผงอกกว้างของผมโดยสมบูรณ์ นั่นแปลว่าถ้าผมช้ากว่านี้อีกสักชั่วอึดใจเดียว ได้เห็นก้อนแป้งนุ่มนิ่มร่วงลงไปกองอยู่กับพื้นแน่

ต่อมาผมเลื่อนมือจับไหล่เล็กทั้งสองข้างก่อนจะดันร่างอ่อนปวกเปียกให้ทรงตัวได้เหมือนเดิม ซึ่งมันแทบจะเป็นวินาทีเดียวกับคนในอ้อมแขนเงยหน้าขึ้นพอดี วูบหนึ่งเราสบตากัน และเป็นผมเองนี่แหละที่เคลื่อนมองส่วนอื่นก่อน ไม่ใช่เพราะหวั่นไหวหรืออะไรหรอกนะ แต่พอระยะห่างมันแคบลงก็มีอะไรให้น่ามองมากขึ้น

ว่าไม่ได้เรื่องของความคมเข้ม ต้องยอมรับก่อนเลยว่าก็สวย ผิวดี ถึงจะไม่ได้ขาวโอโม่ แต่ก็เนียนละเอียดน่าสัมผัส...สัมผัสเหรอ?

บ้าเอ๊ย! ผมรีบปล่อยมือออกจากต้นแขนเปลือยเปล่าทั้งสองข้างทันทีที่ดึงสติกลับมา เพราะเสื้อที่เธอสวมใส่เป็นเกาะอก บริเวณที่ผมแตะต้องเลยเป็นผิวเนื้อโดยตรง ต้องบอกก่อนเลยว่าปกติผมไม่ใช่คนชอบฉวยโอกาสกับผู้หญิงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งไม่มีสติ...ยิ่งไม่อยากยุ่ง

ซึ่งความจริงตอนนี้ผมก็ควรจะไปได้แล้ว แต่...

“เมาแล้วอยาก…งี้เหรอ” ผมถามออกไปโต้งๆ ขณะยื่นมือทั้งสองข้างไปยันไว้กับขอบเคาน์เตอร์บาร์ แล้วลดความสูงลงเล็กน้อย ให้เท่าเทียมกับสาวปริศนาที่อยู่ระหว่างกลาง

“ไม่ได้เมาซะหน่อย แล้วก็ไม่ได้อยากด้วยค่ะ” เปลือกตาสีอ่อนกะพริบขึ้นลงอย่างเชื่องช้าพลางขมวดคิ้วเข้าหากันจนยุ่งเหยิง ก่อนจะเอนหลังไปจนแนบชิดกับเคาน์เตอร์บาร์ คล้ายกับอยากรักษาระยะห่าง และจากการกระทำเหล่านี้ทำให้ผมรู้ว่าเธอยังเหลือสติเกินหกสิบเปอร์เซ็นต์แน่นอน

“…?”

“แค่อยากลองวันไนท์ อยากรู้ว่าจะรู้สึกยังไง” เธอว่า ตอนนี้มีความสงสัยเกิดขึ้นในหัวผมอย่างหนึ่ง ว่าไอ้การสื่อสารอย่างตรงไปตรงมาแบบนี้มันเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์หรืออยู่ในจิตใต้สำนึกกันแน่

“แล้วทำไมถึงเป็นฉัน” น่าแปลกนะ...ที่ผมขาดหวังคำตอบบางอย่างจากคนที่ไม่รู้จัก

“ก็…”

“หล่อ?” ผมแทรกขึ้นในช่วงจังหวะที่เธอเว้นช่วงหายใจพลางโน้มตัวลงมาในระดับเดียวกัน พร้อมกระตุกยิ้มมุมปากอย่างมีชั้นเชิง เรื่องความเพอร์เฟคผมไม่เคยเป็นรองใคร แต่พออีกฝ่ายสั่นหน้าปฏิเสธรัวๆ แบบไม่แม้จะฉุกคิด เท่านั้นแหละ...ความมั่นใจผมหายวับไปกว่าครึ่ง

“ก็คุณเดินมาใกล้ ฉันเอื้อมถึงพอดี”

“...” ทุกอย่างภายในร่างกายตึงขึ้นทันควัน ถ้าจะพูดขนาดนี้เอาตีนมาเหยียบหน้าเลยก็ได้นะ! นี่มันยิ่งกว่าการบอกว่าผมไม่หล่อซะอีก...

อารมณ์แบบ ใครก็ได้ แต่มึงเดินพาพอดี ก็เลยเลือกมึง ถามจริง...มันได้เหรอวะ!?

“แต่ถ้าคุณไม่โสด ไม่เป็นไรนะ…ฉันไม่อยากยุ่งกับคนมีเจ้าของ”

“ทำไม โดนหักอกมาไง๊?” ตอนนี้เหมือนผมกลายเป็นผู้ร้ายที่จ้องหาหนทางเอาคืน

“เขาไม่ได้เรียกว่าหักอก...แต่มันเป็นการหักหลัง”

“ต่างกันตรงไหน สุดท้ายเธอก็มานั่งเสียใจจนน้ำตาตกในเหมือนเดิม” ผมแสยะยิ้มอย่างผู้ชนะ...เพราะสุดท้ายแล้วผู้หญิงก็ยังอ่อนไหวกับเรื่องไร้สาระพวกนี้อยู่วันยังค่ำ

“เหอะ! ก็ไม่ได้เสียใจขนาดนั้นนะ แค่เจ็บใจ! มากกว่า”

“คำแก้ตัวของคนอ่อนแอ แพ้แล้ว...แต่ไม่ยอมรับความจริง” คำถากถางของผมจบลงพร้อมกับร่างกายเซถอยไปหลายก้าว จากการที่คนฟังใช้มือผลักดันบริเวณช่วงใต้ไหปลาร้าทั้งสองข้างอย่างแรง

“แล้วคุณเป็นอะไรมากปะ...จะมาซ้ำเติมฉันเพื่อ!?” เจ้าของประโยคถลึงตาใส่อย่างเอาเรื่อง ก่อนจะหมุนเก้าอี้เข้าหาเคาน์เตอร์บาร์ จากนั้นก็คว้าแก้วซ็อตที่ตั้งเรียงรายตรงหน้าขึ้นกรอกปากต่อเนื่อง

เธอคือผู้หญิงคนแรกที่ทำให้ผมเกิดความลังเล ปลายนิ้วชี้ถูกเลื่อนขึ้นเกาข้างขมับหลายครั้ง ขณะกำลังตัดสินใจว่าจะเอายังไงดี แต่ดูเหมือนคำพูดแทงใจดำของผมจะทำให้คนสภาพจิตใจอ่อนแอเร่งอัดของมึนเมาเข้าสู่ร่างกายไม่พักเลย และถ้ายังเป็นแบบนี้อีกสักไม่เกินชั่วโมง ร่วงแน่!

“พอแล้วมั่ง” ผมก้าวเข้าไปเอื้อมจับเรียวแขนเล็กข้างขวาไว้ก่อนแก้วที่สิบกว่าจะยกขึ้นถึงริมฝีปากบาง

“ไม่ต้องมายุ่ง!” ดวงตาคู่สวยตวัดมองแรงบวกน้ำเสียงแข็งกร้าว ทำเอาผมถึงกับผงะเล็กน้อย และมันทำให้ผมมีความคิดอยากจะปราบพยศแม่เสือน้อยนี่ผุดขึ้นมา

“ไม่อยากลองแล้วรึไง?”

“ไม่!”

“กลัว?” ผมจงใจโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ และดูเหมือนผมจะเจอคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อ

“มีอะไรให้ต้องกลัวเหรอ” ไม่ถอยหนี แถมยังเคลื่อนเข้าหา

“หึ! ตอนอยู่บนเตียง เก่งให้ได้แบบนี้นะ”