ตอนที่ 6 หนีแฟนเก่าแต่กลับเจอ...
“มีอะไรก็รีบพูดมา”
เมษากระแทกเสียงใส่ด้วยความไม่พอใจ ใบหน้าของเธอง้ำงอบ่งบอกถึงความอึดอัดที่ต้องอยู่กับอดีตคนรักสองต่อสอง ทั้งที่ตอนนี้ความรู้สึกของเธอที่มีให้กับอีกฝ่ายนั้นไม่เหมือนเดิม
“ไปถึงร้านอาหารก่อน แล้วค่อยคุยกัน เราไม่ได้กินข้าวด้วยกันนานแล้วนะ พี่จำได้ว่าเธอชอบกิน…”
สิงหาเอ่ยไม่ทันจบประโยค เมษาก็โพล่งขึ้น
“ก็พาผู้หญิงของพี่ไปสิ อย่าลืมว่าฉันบอกเลิกพี่แล้ว เราไม่ได้เป็นอะไรกันอีก”
“ได้ถามพี่รึยังว่าพี่ยอมเลิกกับเธอไหม ในเมื่อพี่ยังไม่ได้ตอบตกลงก็แปลว่าเรายังเหมือนเดิม”
“น่าด้าน”
เมษาถอนหายใจ ไม่คิดว่าเขาจะไร้ยางอายเช่นนี้ เธอเบี่ยงใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรำคาญใจหันไปมองนอกกระจก วิวข้างทางยังน่ามองกว่าใบหน้าของสิงหาเสียอีก อากาศในรถก็เต็มไปด้วยมลพิษ แค่เธอยอมนั่งรถมาฟังเขาพูดพร่ำเรื่องไร้สาระ มันก็มากเกินทนแล้ว
“หึ เราก็สมกันดีนี่ เจอกันครั้งก่อนเธอก็ไปยืนจูบกับใครก็ไม่รู้ พี่ยังไม่ถือสาเลย เธอก็อย่าเก็บเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาใส่ใจเลยนะ แกล้งลืม ๆ มันไป แล้วเราก็มาเริ่มต้นกันใหม่”
เมษาหันไปเผชิญหน้ากับแฟนเก่า เธอเอ่ยเสียงเข้มอย่างหมดความอดทน
“เชิญคิดเองเออเองฝ่ายเดียวเถอะ ถ้ามีเรื่องจะพูดกับฉันแค่นี้ก็จอดรถ ฉันจะลง”
“พี่บอกแล้วไงว่าไปกินข้าวด้วยกันก่อน”
“ถ้าพี่ไม่จอด เพื่อนฉันได้แจ้งความแน่”
เมษายกโทรศัพท์หันหน้าจอที่มีตัวเลขแสดงการโทรปรากฏอยู่บนหน้าจอให้อีกฝ่ายดู
ตอนที่สิงหาพาเธอเข้ามานั่งในรถได้สำเร็จแล้วเดินอ้อมไปขึ้นฝั่งคนขับ เธอก็รีบโทรไปหามารีน ซึ่งเป็นชื่อที่ค้นหาเจอในเวลาเร่งด่วน
ทางด้านมารีนรับสายแล้วได้ยินบทสนทนาที่โต้กลับกันไปมา ก็รู้ได้ทันทีว่าเพื่อนกำลังอยู่กับแฟนเก่าตามลำพัง เธอจึงกดบันทึกเสียงไว้เป็นหลักฐาน แล้วฟังอยู่เงียบ ๆ
สิงหากัดกรามแน่นที่เสียรู้ให้กับเมษา จำใจต้องกระพริบไฟเลี้ยวหักพวงมาลัยไปทางซ้ายมือ
พอรถจอดสนิทเมษาก็เลื่อนมือปลดเข็มขัดนิรภัย เปิดประตูก้าวลงไปยืนอยู่บนพื้นถนนลาดยาง สิงหารีบกดปุ่มลดกระจกลงจนสุด
“ก่อนนอนพี่โทรหานะ”
“ไม่ต้อง ยังไงฉันก็ลบพี่ออกไปจากชีวิตแล้ว หวังว่าเราคงไม่ต้องมาเจอหน้ากันอีก”
หญิงสาวเอ่ยประโยคส่งท้ายออกมา ส่งผลให้คิ้วเข้มของคนในรถขมวดเข้าหากันเป็นปม ยิ่งเห็นเมษามีความเด็ดเดี่ยว เขาก็ยิ่งอยากเอาชนะ
“พี่ไม่มีวันปล่อยเธอไปหรอก ยังไงเราก็ต้องกลับมารักกัน”
“หึ ไปนอนฝันเอาเถอะ”
หญิงสาวเอ่ยจบก็รีบเดินหนีออกไป ถ้าอีกฝ่ายอยากจะพูดอะไรก็พูดไปเถอะ มันไม่ได้ทำให้เธอหวั่นไหวได้เลยสักนิด กลับกันมันยิ่งทำให้เธอรำคาญใจและเหม็นขี้หน้าเขามากขึ้นเรื่อย ๆ
เมษาเดินห่างจากรถของแฟนเก่าได้ประมาณยี่สิบเมตร ขณะที่รถของเขายังจอดนิ่งคล้ายกับรอดูว่าเธอจะปากเก่งไปได้สักกี่น้ำ แต่แล้วก็มีรถหรูสีดำคันหนึ่งแล่นมาหยุดลงตรงที่เธอเดินอยู่พอดิบพอดี
ดวงตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยมองเข้าไปในกระจกสีดำสนิทของที่นั่งผู้โดยสารด้านหลัง กระจกก็เลื่อนลงจนเห็นใบหน้าหล่อเข้ม เจ้าของรอยบากตรงคิ้วข้างขวาที่หันใบหน้าดุดันจ้องมาทางเธอเช่นกัน
“ขึ้นรถ” น้ำเสียงทุ้มต่ำดังขึ้นอย่างออกคำสั่ง
“ทำไมฉันต้องไปกับคุณ”
“หรือว่าเธออยากจะไปกับรถคันนั้นก็ตามใจ”
คิงส์ตันพยักหน้าขึ้นใช้ปลายคางชี้ไปยังรถของสิงหาที่ยังจอดคล้ายกำลังเฝ้าดูเหตุการณ์ น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยจบมือก็กดปุ่มเลื่อนกระจกขึ้นทันที
เมษาหันมองซ้ายมองขวาอย่างชั่งใจ แถวนี้ไม่มีที่นั่งรอรถโดยสารประจำทาง ไม่มีฟุตบาทให้ก้าวเดิน หากเดินริมถนนไปเรื่อย ๆ คงไม่ปลอดภัย อีกอย่างรถของอดีตคนรักก็ยังไม่ขับออกไปเสียที เธอจึงรีบตัดสินใจก่อนที่กระจกจะปิดสนิท
“ก็ได้ ๆ ฉันจะไปกับคุณ แต่ว่ารอเดี๋ยว”
เธอจ้ำอ้าวไปหยุดอยู่ที่ท้ายรถ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายแผ่นป้ายทะเบียน จากนั้นก็รีบเปิดประตูเข้าไปนั่งด้านใน ก่อนจะถือวิสาสะถ่ายรูปของคนที่นั่งทำหน้าเคร่งขรึมอยู่ตรงเบาะหลัง แล้วเอ่ยเรียกคนที่นั่งเบาะคนขับ
“พี่คะ หันหน้ามาหน่อยค่ะ”
เพลิงหันใบหน้ามาตามเสียงเรียกของนักศึกษาสาว ก่อนจะถูกบันทึกภาพไปอีกคน สร้างความรำคาญใจให้กับเจ้านายที่นั่งเบาะด้านหลังไม่น้อย
“ทำอะไร”
คิงส์ตันเอ่ยถามหญิงสาวที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาส่งรูปถ่ายไปให้ใครบางคน
“ฉันถ่ายป้ายทะเบียนกับใบหน้าของพวกคุณเอาไว้แล้ว ถ้าหากฉันเป็นอะไรขึ้นมาหรือว่าขาดการติดต่อนานกว่าหนึ่งชั่วโมง เพื่อนของฉันจะได้เอาหลักฐานไปแจ้งความ”
มาเฟียหนุ่มจ้องมองใบหน้าของเธอ ไม่คิดว่าเมษาจะรอบคอบขนาดนี้
ก่อนหน้านี้รถของคิงส์ตันได้ขับผ่านหน้ามหาวิทยาลัยที่เธอเรียน บังเอิญเห็นเมษาเข้าไปนั่งในรถของสิงหา เขาจึงสั่งให้เพลิงขับรถตามจนมาถึงที่นี่ เพราะอยากรู้ว่าคนพวกนั้นจะมาไม้ไหนกันแน่
“พักอยู่ที่ไหน”
“คุณจะไปส่งฉันเหรอ ถ้างั้นส่งฉันลงที่หน้าคลินิกทันตกรรม บีเค เดนทัล สไมล์ ก็พอ”
เธอไม่อยากบอกที่อยู่คอนโดให้คนแปลกหน้าทราบ เขาไม่จำเป็นต้องไปส่งถึงที่ อีกอย่างก็ต้องแวะซื้อของกินที่ร้านสะดวกซื้อซึ่งอยู่ติดกับคลินิกทำฟันที่ว่าพอดี ก็ให้ไปส่งตรงนั้นเลยแล้วกัน
เมื่อรถของมาเฟียหนุ่มเริ่มเคลื่อนตัวออกไป อดีตคนรักอย่างสิงหาที่เห็นว่าเมษาขึ้นรถไปกับใครไม่รู้ จึงคิดจะขับรถตามไปดูให้เห็นกับตา ทว่าจู่ ๆ ก็มีรถพุ่งชนท้ายกระโปรงหลังยุบเล็กน้อย ทำให้ต้องเสียเวลาเคลียร์เรื่องอุบัติเหตุแทน
หญิงสาวในชุดนักศึกษานั่งอยู่บนรถหรูไม่นานมือของเธอก็เย็นเฉียบ เริ่มรู้สึกหนาวไปทั้งตัวจนนั่งตัวเกร็ง
ชายที่นั่งข้างเธอเขาดูเหมือนมนุษย์ในคราบแวมไพร์ แม้ใบหน้าของเขาจะหล่อเหลา มาดนิ่งขรึม แต่ก็มีความดุดันในเวลาเดียวกัน เรียกได้ว่าเป็นสเปกของผู้หญิงหลาย ๆ คน ทว่ากลับมีบางอย่างที่ทำให้รู้สึกว่าเขาเก็บซ่อนความโหดร้าย ความเจ้าเล่ห์ที่ยากเกินจะคาดเดา ทำให้รู้สึกว่าน่าค้นหาอย่างบอกไม่ถูก
แม้ว่าเธอมีทางเลือกอื่นคือรอเรียกรถแท็กซี หรือเรียกรถรับจ้างในแอปพลิเคชัน แต่ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไรรถถึงจะมารับ ไม่แน่ว่าอาจจะถูกสิงหาบังคับให้นั่งไปกับเขาอีก เธอจึงเลือกมากับคนแปลกหน้าดีกว่า
ทว่าก็น่าแปลกกับการตัดสินใจของเธอ เพราะมันแปลว่าไว้ใจเขามากกว่าอดีตแฟนหนุ่มเสียอีก
แต่อย่างน้อยมารีนก็รู้แล้วว่าเธออยู่บนรถคันนี้กับผู้ชายสองคน หากขาดการติดต่อเพื่อนรักของเธอรู้ดีว่าต้องทำอย่างไร
“คะ คุณจะทำอะไร”
คนที่นั่งข้างกันจู่ ๆ ก็ถอดเสื้อสูตสีดำที่สวมทับเสื้อเชิ้ตสีขาวออก แววตาของเมษาฉายชัดถึงความตกใจ ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายเริ่มสั่นคล้ายกับแผ่นดินไหว คงไม่ได้คิดจะทำมิดีมิร้ายกับเธอบนรถหรอกใช่ไหม
เห็นเธอบอบบางแบบนี้ แต่ก็ใช่ว่าจะยอมคน หากปลุกปล้ำเธอขึ้นมา ยัยเมษาคนนี้ก็จะสู้จนสุดแรงเกิดเลยคอยดู
