บทที่8 หรือว่าจะแกล้งไม่สบายแล้วชิ่งดี?
นักร้องเสียงดี เครื่องดื่มรสชาติเยี่ยม รวมไปถึงแสงไฟ ช่วยให้บรรยากาศในร้านดูผ่อนคลายสบายอารมณ์ แตกต่างกับหัวใจของคาริสาที่เต้นถี่
ตอนนี้เธอไม่แน่ใจว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร
ตื่นเต้น? ดีใจ?
ไม่ใช่! เธอกำลังตกใจต่างหาก
ตั้งแต่กฤษณ์ย้ายไปอยู่ประเทศอังกฤษก็ไม่เคยกลับมาเมืองไทยอีกเลย ช่วงแรกเขาและเธอติดต่อกันผ่าน MSN และอีเมลเท่าที่เวลาจะอำนวย
คาริสาจำได้ว่าตอนนั้นกฤษณ์ต้องปรับตัวอย่างมาก เพราะการเรียนสองภาษาของที่นี่ไม่เพียงพอให้เขารักษาคะแนนระดับท็อปในมหาวิทยาลัยที่นั่นได้ แน่นอนว่าชายหนุ่มไม่พอใจกับเกรดในเทอมแรกสักเท่าไร ด้วยเหตุนี้เขาจึงค่อย ๆ ห่างหายไป สุดท้ายหลังจากคาริสาตัดสินใจเปลี่ยนอีเมล เธอก็ไม่ได้รับข่าวสารใด ๆ จากเขาอีกเลย แม้ต่อมาทั้งสองจะได้กลับมาพบกันในแอปพลิเคชันยอดฮิต แต่เธอก็เพียงกดไลก์ตามรูปภาพและสเตตัสของเขาเท่านั้น
แน่นอนว่ากฤษณ์ก็ทำแบบเดียวกัน
ในเมื่อเขาไม่ทักมา คาริสาก็ไม่กล้าจะทักไป
แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลหลัก ความจริงแล้วเธอไม่อยากให้เขามีปัญหากับสาว ๆ ในแท็กภาพหวานแหววเหล่านั้นต่างหาก ก็แต่ละคนสวยเซ็กซี่ อกสะบึมขนาดนั้น หากหล่อนไปทำให้เสียเรื่อง พ่อคนเนื้อหอมคงเคืองเอามาก ๆ
เวลาแห่งการพบกันอีกครั้งของพวกเขาผ่านไปเพียงครู่ แต่กลับเหมือนเนิ่นนาน
พัดชาที่ได้สติก่อนใคร ก็เริ่มชักชวนคนอื่น ๆ คุยสัพเพเหระไปตามเรื่อง แม้ใจอยากจะพูดคุยกับเพื่อนเก่าที่หายไปอยู่ต่างประเทศเสียนาน แต่ตอนนี้สายตาของเขาพุ่งตรงไปยังเพื่อนสาวที่นั่งเป็นใบ้อยู่คนเดียวอย่างคาริสาเท่านั้น จิตใต้สำนึกเลยบอกว่า ควรปล่อยให้คนสองคนนั้นอยู่ในโลกของพวกเขาไป
ในขณะที่คาริสายังจัดการกับอารมณ์ของตนเองไม่ได้ กฤษณ์ก็นั่งลงบนเก้าอี้ข้าง ๆ เธอเสียแล้ว
ดวงตากลมโตกวาดมองไปตามรูปหน้าคมเข้ม ทำให้คาริสารู้ว่าเด็กหนุ่มในวันวานเปลี่ยนไปไม่น้อย ดวงตาสีดำสนิทแลดูลุ่มลึก ริมฝีปากบางที่กำลังคลี่ยิ้มอบอุ่น กลิ่นละมุนของวานิลลาและโกโก้ผสมผสานกับกลิ่น อืม...กลิ่นยาสูบ เพิ่มความเซ็กซี่ให้เขาอย่างมหาศาล
“นี่ใจคอจะไม่ทักทายกันจริงดิ” กฤษณ์เอียงคอมอง น้ำเสียงกลั้วหัวเราะ คล้ายไม่ถือสาความไร้มารยาทของคนที่นั่งประจันหน้ากันอยู่
“อ่า...หวัดดี” คาริสาหลุดคำพูดแรกออกมาได้ในที่สุด
“ก่อนอื่นคงต้องยินดีที่ได้เลื่อนตำแหน่งนะ คุณเลขา CEO”
“ขะ...ขอบคุณ” แม้จะเขียนถึงเหตุการณ์นี้ในไทม์ไลน์เมื่อต้นเดือน แต่จำได้ว่าเขาไม่ได้เข้ามากดไลก์ให้สักหน่อย นี่หมายความว่า แท้จริงแล้วกฤษณ์ติดตามเรื่องราวของเธออยู่ตลอดอย่างนั้นเหรอ
“ส่วนเรื่องที่ริสาอยากไปนอนโง่ ๆ ริมหาด ร่างกายเราเองก็อยากปะทะทะเลอยู่พอดี จะไปด้วยกันเลยไหมล่ะ”
“คือ...คือเรายังไม่พร้อม...”
“อ่าฮะ” กฤษณ์หรี่ตา ก่อนหัวเราะเบา ๆ ส่วนพัดชาทำเป็นไม่สนใจ แล้วพยายามชวนอธิปคุยเรื่องอื่น จะมีก็แต่อลิสที่สำลักค็อกเทล จนนุ่มนิ่มต้องลูบหลังช่วย
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว คาริสารู้สึกหน้าชา ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ตอบไปแบบนั้น
“อ่า…เราขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะ” ว่าแล้วคาริสาก็ลุกขึ้น เดินไปทางหลังร้านทันที โดยไม่มองเพื่อนร่วมโต๊ะสักคน
เพื่อให้ความรู้สึกกระอักกระอ่วนเหล่านี้หายไป ห้องน้ำหญิงคงเป็นทางออกเดียวสำหรับเธอในตอนนี้
แต่อาจเป็นเพราะคาริสายังรู้สึกหน้าร้อนผ่าวไม่หาย จึงใช้เวลาในห้องน้ำราวกับคนท้องผูก
ไม่พร้อม ยายริสา เธอไม่พร้อมสำหรับเรื่องอะไรเนี่ย บ้าฉิบ!
คิดแล้วก็อยากทึ้งหัวตัวเอง จะติดก็ตรงที่กลัวว่าผมซึ่งดัดแบบญี่ปุ่นลอนใหญ่ของเธอจะยุ่ง จึงยั้งมือเอาไว้ได้ทัน
กฤษณ์เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ และสมัยเรียนเธอกับเขาก็นับได้ว่าสนิทสนมกัน มันก็ไม่แปลกที่เขาอยากมาพบหน้าเพื่อนเก่าไม่ใช่เหรอ แต่ภาพสัญญาแต่งงานเด็กเล่นเจ้ากรรมกลับลอยเข้ามาในหัว จนเธอพูดอะไรน่าอายออกไป
เอาไงดี อายจนไม่กล้าสู้หน้าใครแล้ว หรือว่าจะแกล้งไม่สบายแล้วชิ่งดี?
ระหว่างที่คาริสากำลังสับสน เจ้าที่เจ้าทางคงเห็นว่าเธออาศัยห้องน้ำเป็นที่หลบภัยนานแล้ว จึงดลใจให้พัดชาส่งข้อความมาตามตัว
Padcha: ถ้าแกไม่ได้ตกส้วมตาย ก็กลับมาได้แล้ว
Padcha: แกจะอยู่ในนั้นอีกนานแค่ไหน ยายกุ๊กกิ๊กมาแล้วนะ
Padcha: ฉันให้เวลาแกอีก 5 นาที
Padcha: เหลือ 2 นาที
Risa: เออ กำลังจะกลับไปแล้ว
Padcha: ดีมาก อย่าให้ฉันต้องไปตาม
เอาวะ ยายริสา ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัวเลย ก็แค่...แค่อย่าพูดอะไรเพี้ยน ๆ อีก
หลังจากสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด คาริสาก็ลุกพรวดจากโถชักโครก แล้วเดินเชิดหน้าออกจากห้องน้ำด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจ แต่ทันทีที่พบว่ามีเงาร่างสูงใหญ่ยืนขวางทางเดินอยู่ หัวใจที่เหมือนสงบนิ่งลงแล้ว ก็เต้นโครมครามขึ้นมาอีกครั้ง
ให้ตายเถอะ! จะไม่ให้คนพักหายใจบ้างเลยใช่ไหมเนี่ย
ใจเย็นไว้ริสา ก็แค่เพื่อนเก่า ไม่ใช่ซอมบี้คลั่ง และการที่คนกลับมา ไม่ได้หมายความว่าจะต้องมาทวงสัญญาเด็กเล่นนั่นเสียหน่อย ไม่เห็นต้องตกอกตกใจอะไรขนาดนี้เลย
หลังจากเตือนตนเองในใจด้วยความเร็วระดับ 5G คาริสาก็ยิ้ม เอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงที่แสนเป็นธรรมชาติ “กฤษณ์ก็มาเข้าห้องน้ำเหมือนกันเหรอ”
“เปล่า”
“อ้าว! แล้วมาทำอะไรอยู่ตรงนี้” ดวงตากลมโตกะพริบปริบ ๆ อย่างไม่เข้าใจ
“กฤษณ์มาดูว่าริสาหนีกลับไปแล้วหรือยังต่างหาก” เขาก้าวเข้ามาประชิดเธอ แล้วก้มลงกระซิบบอกที่ข้างหู ท่าทางไม่ต่างจากคนรักที่มายืนปลีกวิเวกคุยกันตรงทางเดินเหมือนในซีรีส์
“กะ...ก็ต้องเปล่าอยู่แล้ว ไม่เห็นมีเหตุผลที่เราต้องหนีกลับสักหน่อย” คาริสายืนนิ่งราวกับหุ่น การได้มองเขาในระยะที่ใกล้ชิดขนาดนี้ทำให้เห็นรอยยิ้มยียวนแบบคนขี้เล่นอย่างชัดเจน แน่นอนว่าหัวใจที่เต้นแรงอยู่แล้วแทบจะกระดอนออกมา
“ก็ดี เพราะถ้าเธอคิดหนี เราคงเสียใจแย่”
“เสียใจ? เรื่องอะไร”
“นั่นสิ เรื่องอะไรนะ...” นัยน์ตาสีดำสนิทคล้ายมีประกายวาบผ่าน ใบหน้าคมเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย ไม่คล้ายว่าจะเป็นการหยอกเย้า
“นี่ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ” คาริสาเกิดรู้สึกใจคอไม่ดีขึ้นมา
“ยังแตกตื่นง่ายเหมือนเดิมเลยนะ แต่รู้อะไรไหม นั่นน่ะ มันทำให้ริสาดูน่ารักมากในสายตากฤษณ์” เขาเผยรอยยิ้มที่มุมปาก พลางยื่นมือเข้าไปลูบศีรษะของคนตัวเล็กตรงหน้าเบา ๆ ไม่เหลือท่าทางของเสือที่กำลังจดจ้องเหยื่ออย่างเมื่อครู่เลยสักนิด
น่ารักมากในสายตาเขา น่ารักมาก…
คาริสาอยากจะกรี๊ด แต่ทำเป็นขึงตาจ้องกลับอย่างเอาเรื่อง ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจกลบเกลื่อนใบหน้าซึ่งแดงระเรื่อได้มิด
