CHAPTER 6
แว่นตา ไม่มีทางลืมอีคนตรงหน้าได้หรอกผู้หญิงคนนี้แหละที่เป็นต้นตอยัดเหยียดความฉิบหายเข้ามาในชีวิตฉัน
ผู้หญิงที่ฉันเคยเรียกว่าน้า
แต่มันกับขายฉัน
“ได้ข่าวว่าเสี่ยชัยวันถีบหัวส่งตั้งแต่สามเดือนแรกที่เขาเอากระแทกมึงจนแท้งเหรอ ฮ่าๆ” ฝ่ามือของฉันกำแน่นเล็บจิกเข้าไปทักทายเนื้อข้างในยังไม่เจ็บปวดเท่าคำพูดที่ได้ฟังสักนิด “ใครจะเอากับเด็กสำส่อนอย่างแกนานกัน ใครจะเอามาเชิดหน้าชูตาอย่างมากก็เป็นได้แค่ของเล่นคนรวย”
“...”
“นี่ถ้ากระดูกแม่มึงฝังที่นี่อีกคนกูจะไปขุดมาแล้วโยนออกนอกทะเลเลยคอยดู ดีหน่อยที่พี่ชายกูฉลาดถีบหัวส่งแม่มึงไปกับชู้ทัน!” คำพูดจากปลาปลากระโห้มีคำเหม็นเน่าคละคลุ้งไปหมดชวนเรียกสายตาสอดรู้สอดเห็นจากผู้คนแม่ค้าร้านอื่นให้มองออกมา ยังดีที่นักท่องเที่ยวไม่มีในเวลานี้ “มองทำไมทำอย่างมึงจะทำอะไรกูได้อีแฟน!”
“...”
ฉันเดินออกจากที่นั่นตรงมาเรื่อยๆ ที่ไม่ตอบโต้ไม่เถียงหรือด่าก็รู้ว่าทำแล้วมันไม่มีประโยชน์ใดๆ มีแต่สร้างความอับอายให้กับตัวเองฉันถึงไม่เลือกทำทว่าใช่ว่าจะไม่มีหนทางอื่น โทรศัพท์ถูกล้วงออกมาต่อสายไปยังคนที่ฉันต้องการมากที่สุดในเวลานี้
“ฮาโหลเสี่ย มีเรื่องให้ช่วยหน่อย ช่วย...”
มาลองดูกันว่าคนอย่างอีแฟนจะทำอะไรมันไม่ได้
มาลองกับอีแฟนที่มันว่าเป็นของเล่นคนรวย
ดูฤทธิ์ของของเล่นกัน
วันต่อมา
ในขณะที่ตัวเองและน้ำหวานกำลังนั่งรอเข้าเรียนในวิชาต่อไปใต้ตึกกันอยู่สองคนซึ่งฉันก็ไม่ได้สนใจผู้คนรอบข้างมากเท่าไหร่ถึงแม้จะมีบางโต๊ะมองมายังตัวเอง สายตาหลายคู่ไม่ว่าจะชายหรือหญิงพวกนั้นไม่ได้มีค่าให้ฉันแคร์หรือจดจำสักนิดเอาเวลาไปแส่เรื่องของตัวเองจะดูมีประโยชน์กว่า
“แฟน...” น้ำหวานเอ่ยชวนให้ฉันหันไปมองยังหน้าจอโทรศัพท์ที่ถูกยื่นมาให้ปรากฏแกสายตาของตัวเอง ภาพนั้นถูกถ่ายไม่ค่อยชัดแต่ก็ใช่ว่าจะมองไม่รู้จักว่าเป็นใคร “มีเรื่องมาเหรอ?”
“เปล่าอุบัติเหตุ”
แค่ใช้สายตามองแว๊บเดียวจากนั้นฉันก็หันหน้ามายังจุดเดิมก่อนใช้มือผลักโทรศัพท์ออกไป รูปมันก็แค่เป็นรูปที่ผู้ชายคนนั้นนั่งลุกเข่าลงตรงหน้าฉันเมื่อหลายวันก่อน
พึ่งไปกระตุ้นต่อมเสือกเหรอ
เหอะ...
“คอมเม้นท์กระจายเลยยิ่งอาร์ตเป็นถึงเดือนคณะ เดือนมหาลัย”
น้ำหวานเธอยังคงจ้องหน้าจอโทรศัพท์ใช้มือกดเลื่อนอ่านคอมเม้นท์ใต้ภาพซึ่งฉันเดาว่ามันต้องดุเดือดไม่แพ้สายตาใครๆ ในตอนนี้ จะมีทั้งคนสงสัยด่าแช่งคิดโน้นคิดนี่และสุดท้ายคงอยากเห็นตัวจริงของฉันให้ขวับ
หรือไม่จริง
นิสัยคนส่วนมากก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้นแหละเท่าที่ได้เห็นผ่านๆ มาเจอะเจอบ้างตามสถานการณ์รอบตัวไม่มีใครไม่คิดเสือกเรื่องคนอื่น เห็นมันเป็นสิ่งหนึ่งที่สนุกสนานโดยในทางตรงกันข้ามอาจเป็นความทุกข์ของอีกฝ่ายก็ตาม
“รู้จักเหรอผู้ชายคนนี้?”
“ไม่หรอกแค่เคยเห็นผ่านๆ บ้างในมหาลัย เห็นชัดสุดก็ตอนประกวดเดือนในปีแรกเป็นคนเดียวที่ได้ดอกกุหลาบมากมายได้ยอดไลค์ยอดแชร์ถล่มถลายสุดท้ายก็มีแฟนคลับ เพจมหาลัยลงรูปมากมายไม่มีใครไม่รู้จัก” คราวนี้น้ำหวานวางโทรศัพท์จ้องมองหน้าฉัน “เหมาะกับแฟนดีนะ”
“อย่ามาจิ้นซะให้ยาก ไม่มีทางเป็นไปได้”
“รู้ทันตลอด ที่หวานพูดก็เพราะว่าตอนนี้มีคอมเม้นท์เชียร์ถึงกับแท็กแฟนอาร์ตเชียว” แฟนนรกยังดีกว่าชื่อแท็กบ้าบอนั่นไร้สาระสิ้นดี “ว่าแต่แฟนไม่ใส่แว่นแล้วรู้มั้ยโคตรเหมือนเจ้าหญิงน้ำแข็งเลยอ่ะ”
ไม่หรอก...
เจ้าหญิงไม่เหมาะกับคนอย่างฉัน แม่มดมากกว่าที่เหมาะสม
“ทำไมหรอ?”
“ดูเข้าถึงยาก เงียบนิ่งเฉยชาแต่แววตากลับแสดงว่าดุดันมีพลังบางอย่าง”
“คิดลึกนะเนี่ย”
ฉันพูดทีเล่นทีจริงออกไปส่วนน้ำหวานก็แค่เพียงส่งยิ้มออกมาให้ ดีที่เธอเป็นคนไม่ถามอะไรมากเหมือนมองผ่านเสียมากกว่าไม่เหมือนอีกสองคนคู่หูนรกที่กำลังเดินมุ่งหน้ามายังโต๊ะ
“ไงพึ่งมาไม่เท่าไหร่มีข่าวไปทั่วมอเลย”
ต่อมขี้อิจฉาของหมาแถวนี้คงเริ่มทำงานแล้วสิถึงได้ตั้งใจเข้ามาเห่าหอนถึงโต๊ะอีกทั้งส่งสายตาจิกกันสอดรู้สอดเห็นเข้ามายิ่งกว่าไซบีเรียนหลายเท่า
หมายังไม่เสือกเท่านี่เลย
“นั่นสิเตย รู้มั้ยว่าแฟนคลับอาร์ตเตรียมถล่มแกอยู่แล้วแฟน”
“อุบัติเหตุ ไม่มีอะไรหรอก”
“อุบัติเหตุอะไรฉันเห็นหล่อนเหยียบมืออาร์ตจังๆ” หนามเตยคนนี้คงเป็นหนึ่งในเมียมโนของผู้ชายคนนั้นสินะถึงไม่เพ้อฝันครึ่งๆ กลางๆ ขนาดนี้ “หมายความว่าไงเอาความจริง”
แต่แล้วประโยคที่ฉันกำลังจะพูดไปกลับไม่ได้พูดเมื่อเปลวเดือดเป็นปลากระดี่ได้น้ำฉุดแขนเพื่อนรักไปดูอะไรบางอย่างในโทรศัพท์เท่านั้นแหละเสียงน้อยเสียงก็เกิดขึ้นทันที
ประสาท...
“อาร์ตไปเหรอฉันทำไมไม่รู้ให้มันเร็วกว่านี้” ประโยคอื่นๆ เกี่ยวกับผู้ชายคนนั้นดังขึ้นเป็นระยะๆ ซึ่งฉันไม่ได้สนใจตั้งแต่แรกอยู่แล้วจึงเฉยมาแต่หนามเตยยังนั่งลงข้างกายรั้งแขนทำเหมือนสนิทมากกับฉันก่อนที่จะพูดออกมา “ฉันเชื่อเธอก็ได้เพราะตอนนี้ภาพพวกนั้นมันก็แค่อดีต ดูสิเมื่อวานตอนเย็นอาร์ตไปช่วยร้านขายของที่ไฟไหม้หล่อกว่าตอนที่อยู่กับเธอตั้งเยอะ!”
“หรอ?”
