บท
ตั้งค่า

CHAPTER 5

เรื่องอื่น...

เฟย์ย้ำแบบไม่พูดถึงมันแต่ฉันกลับรู้ดี

[ได้ยินชัดมั้ยแฟน พี่ไม่อยากให้เราไปที่นั่นเลยเรียนที่เดิมก็ดีอยู่แล้ว จุดมุ่งหมายที่เธอตั้งไว้มันไม่มีประโยชน์อะไรหรอกนะอาจทำให้เรื่องมันบานปลาย]

“มันบานปลายตั้งแต่เริ่มแล้วเฟย์”

[แฟน... พี่คงห้ามไม่ได้ใช่มั้ย?]

ใช่... ฉันตอบในใจไม่ได้เปล่งเสียงออกไปเพราะไม่อยากทำให้คนปลายสายเป็นกังวลใจมากกว่า เรามีกันแค่สองคนพี่น้องทั้งที่มันไม่ควรเป็นเลย

สามปีก่อนฟางจากพวกเราไป

อีกเดือนลูกก็จากฉันจากพวกเราไป

ถัดต่อมาอีกสองเดือนกว่าแม่ก็จากพวกเราไป

มันไม่บานปลายงั้นเหรอ?

มันยังไม่ควรเข้ามาแก้แค้นงั้นเหรอ

คงเป็นไปไม่ได้ถ้าฉันจะยังคงยิ้มใจดีกับทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของตัวเอง จุดเริ่มต้นต่อจากนี้ก็ไม่ใช่ที่จะมีความปรานีด้วย ครอบครัวฉันไม่เหมือนเดิมอีกแล้วคิดเสมอว่าเวลาจะช่วยรักษาจิตใจแต่มันไม่ได้เป็นแบบนั้น กว่าจะผ่านมาได้ต้องดิ้นรนต่อสู้หลายอย่างน้ำตาจึงเป็นส่วนประกอบสำคัญในชีวิตไปแล้ว

ปากก็บอกสู้แต่ใจกับไม่เป็นเช่นนั้น

“แล้วสบายดีมั้ย ที่บ้านหนาวหรือยัง?”

[ลมหนาวมาแล้ว ตอนเช้าสวยมาก]

“แล้ว...”

[เขาสบายดี ถามหาเธอทุกวันทุกคืน รีบกลับมาเที่ยวบ้านด้วยถ้ามีเวลา อย่าปล่อยให้เขาคิดถึงนานรู้ใช่มั้ย]

“รู้บอกให้หน่อยนะว่าฉันรักและคิดถึงมากเหมือนกัน” ในที่สุดน้ำตาก็ไหลออกจากหางตาฉันจนได้พยายามกระพริบตาถี่แค่ไหนก็ไม่ช่วยอะไรเลย “ส่วนเธอก็รักษาสุขภาพด้วยขอร้องอย่าเป็นอะไรไปอีกคน... เธอต้องอยู่กับฉันและเขานะเฟย์”

[รู้หน่า พี่ไม่ทำหรอกเธอย้ำมาสามปีแล้วนะ]

“ไม่รู้สิ... ฉันไม่อยากเจอความสูญเสียอีกแล้ว คิดถึงเธอนะ”

หลังจากวางสายไปฉันก็เลือกมองไปยังพี่สาวฝาแฝดของตัวเองพร้อมกับมองกล่องขนมสีน้ำเงินอ่อนกล่องนั้นอีกครั้งหนึ่งภาวนาในใจให้พวกเขาทั้งสองเป็นกำลังใจให้ตัวเองด้วย แค่นั้นฉันก็เดินออกมาจากที่ตรงนั้นมุ่งหน้าไปยังรถที่จอดห่างออกไปนิดหน่อย

นิดหน่อยที่แปลว่าค่อนข้างไกล

นิดหน่อยที่แปลว่าไม่นิดหน่อยเลยแหละ

ตรงข้ามกันมากกว่าแต่ใช้คำพูดเพื่อย่นระยะทางต่างหาก

ต้องเดินลงเนินเขาลูกใหญ่พอตัวแต่ดีหน่อยที่อากาศไม่ร้อนอบอ้าว มีสายลมพัดกลิ่นทะเลจากยังฝั่งให้เข้ามาสูดดมอยู่เรื่อยๆ ยอมรับว่าที่นี่สวยอากาศดี วิวทิวทัศน์น่าหลงใหลสะกดใครหลายคนให้มาเที่ยวโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวแต่คงใช้ไม่ได้กับฉัน

มันเหมือนนรกบนดินดีๆ นี่เอง

ไม่อยากมา

ผู้คนที่เดินสวนทางแต่ละคนมากันเป็นครอบครัว มาเป็นคู่บ้างหรือไม่ก็มากันเป็นกลุ่มญาติขนาดใหญ่ต่างกันกับฉันที่เดินคนเดียวแบบฉายเดี่ยวเหมือนไม่มีใครคบ ไม่อยากมานักหรอกถ้าคนที่ตัวเองไม่รักมากไม่อยู่ที่นี่คิดเหรอว่าฉันจะก้าวเท้าเข้ามาเหยียบไม่มีทางแค่ก้าวเข้ามาความทรงจำเก่าก็ตามผุดไม่หยุดหย่อน

“ของฝากมั้ยหนู...”

“...”

พอลงมาจากยอดเขาได้ระยะหนึ่งบริเวณนี้เป็นจุดแยกซ้ายไปยังสุสานส่วนขวาไปชมวิวทะเลหมอกส่วนที่ฉันยืนเป็นในส่วนบริเวณขายของฝาก ยายคนหนึ่งเอ่ยขึ้นเรียกฝีเท้าของฉันให้หยุดตรงหน้าร้าน

ร้านค้าเล็กมากแค่ช่วงตัวเพราะถูกร้านใหญ่เบียดดึงดูดความสนใจไปหมด ต่อให้ขานเรียกขายหรือนั่งขายทั้งวันก็คงไม่มีใครสนใจ

“พี่เขาจะซื้อของเราหรือยาย คนสวยส่วนมากไม่ซื้ออะไรแบบนี้”

อีกคนเป็นผู้หญิงอายุประมาณ 11-12 พูดขึ้นในขณะที่มือยังทำของฝากจากเปลือกหอย สีหน้ายายคนนั้นหม่นหมองลงได้ชัดคงอยู่ด้วยกันสองคนยายหลานสินะ ความลำบากจะสอนให้เด็กผู้หญิงคนนั้นอดทนอดกลั้นกับสิ่งยั่วยุได้กว่าคนที่ไม่เคยทำมาหากินได้แต่แบมือขอพ่อแม่ไปวันๆ

“เท่าไหร่?”

“พวกกุญแจก็ราคา...”

“หมดร้าน คิดราคามาหมดร้าน”

“พี่จะเหมาหมดร้านเราจริงๆ หรือคะ?” ร่างเล็กรีบลุกขึ้นยืนทิ้งของในมือแถมส่งรอยยิ้มสดใสมายังฉันที่ยังยืนนิ่งไปก้าวขาเข้าไปใกล้ส่วนคำตอบฉันก็แค่พยักหน้ายืนยันว่าจริง ใช้เวลาไม่นานถุงใหญ่จำนวนสองถุงก็อยู่ในมือฉันหนึ่งถุงอยู่ในมือเด็กผู้หญิงคนนั้นที่กำลังเดินมาส่งตามคำสั่งของยายถึงแม้ฉันจะห้ามแล้วก็เถอะ “พี่คนสวยรู้มั้ยคะหนูจะเอาเงินที่ขายได้มาเปิดร้านตรงนั้นจะได้ขายดีๆ”

“ยังดีที่มีความคิดช่วยยาย”

ความจริงไม่ใช่ยังดีแต่ดีมากต่างหากที่สามารถคิดได้แบบนี้ตั้งแต่เด็ก

“หูย... แต่ขอบคุณพี่มากนะคะที่ช่วยอุดหนุน”

“มะ...”

“นังแฟนใช่มั้ย ใช่แกจริงๆ ด้วย”

ประโยคของฉันหยุดค้างเอาไว้แค่นั้นก่อนที่จะหันใบหน้าไปมองต้นเสียงอันคุ้นเคยเป็นผู้หญิงวัยกลางคนกำลังจัดของซึ่งเป็นร้านขายของฝากถัดไปอีกเป็นหญิงสาวอายุประมาณ 18-19 กำลังนั่งกดโทรศัพท์ยิกๆ ถัดเยื้องไปอีกหน่อยก็มีผู้ชายนอนไขว่เท้าฟังวิทยุแค่เสียงเรียกก็ทำให้สายตาทุกคู่เงยขึ้นมามองฉัน

“เอาของไปก่อน รถจอดอยู่ตรงนั้นเดี๋ยวตามไป”

“ค่ะ”

“เดี๋ยวนี้ไฮโซมากเลยนะยะ ของแพงตั้งแต่หัวจรดปลายตีน!”

“รู้จักกันเหรอถึงได้เห่าขนาดนี้?”

“อีแฟน!” นัยน์ตาหล่อนเบิกกว้างทิ้งของในมือลงด้วยความแรงเหมือนไม่เสียดายจากนั้นก็เดินอ้อมออกมายืนเท้าสะเอวคล้ายกับมนุษย์ป้าชอบหาเรื่องระรานชาวบ้าน “ได้ดีมีกินลืมจนลืมคนหมายหมั้นปั้นมือส่งแกไปแล้วหรือไง ถ้าวันนั้นฉันไม่ส่งแกไปหาเสี่ยชัยวันแกจะมีแบบนี้หรอ อีวัวลืมตีน!”

“แล้วจะทำไมถ้าฉันจะเป็นวัวลืมตีน”

คิดทวงบุญคุณงั้นเหรอ

คิดทวงทั้งที่การกระทำต่ำช้า

คิดว่าฉันเป็นแม่พระลงมาโปรดโดยการโปรยเงินให้หรือไง

ฉันมองหน้าหล่อนแน่นิ่งผ่านสายตาเย็นชาทั้งที่ยังสวนแว่นตา ไม่มีทางลืมอีคนตรงหน้าได้หรอกผู้หญิงคนนี้แหละที่เป็นต้นตอยัดเหยียดความฉิบหายเข้ามาในชีวิตฉัน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel