บท
ตั้งค่า

CHAPTER 04

“ได้ยินมั้ยมันไม่มีอะไรทั้งนั้นถึงคืนนี้พี่ยอมตกลงไปเที่ยวกับไอ้บอลก็ตาม ผู้หญิงคนนั้นเข้ามายุ่งอีก มันก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเด็ดขาด”

แปลก...แต่เอาเถอะให้มันจบๆ

“ก็ดีค่ะ” ที่ยิ้มไม่ใช่เพราะดีใจแต่สิ่งที่ได้ยินก็คือพี่ตามพูดขึ้นย้ำอีกครั้งต่างหาก น้อยนักที่จะได้ยินอีกอย่างหนึ่งก็คือไม่ต้องกินหญ้าที่อีกคนยื่นให้และก็สวมเขาเป็นเครื่องประดับให้ใครหัวเราะเยาะโดยเฉพาะผู้หญิงคนนั้นแบบนั้นมันไม่ต่างอะไรกับการตายห่าทั้งเป็น “ความปรานีอาจมีขึ้นหน่อย”

“ปรานี?”

ใบหน้าของพี่ตามมองออกมาอย่างสงสัยกับประโยคก่อนหน้าซึ่งแน่นอนว่าฉันเป็นคนพูดมันขึ้นเอง โอเคเรื่องที่เขาติดสินบนกับลูกก็เพื่อช่วยเพื่อนฉันไม่เอาเรื่องทว่ากับผู้หญิงคนนั้นมันคนละเรื่องกัน

ต้องแยกแยะให้ถูกต้องพร้อมกับทำความเข้าใจ

“ไม่มีอะไรค่ะ” ฉันขอเลือกปฏิเสธไม่ต่อความยาวสาวความยืดอธิบายให้มันมาก ความปัญหาแค่นี้จัดการเองได้ไม่ต้องถึงมือใครหรอก “ว่าแต่พี่ตามจะพาลูกไปทะเลที่ไหนพรุ่งนี้?”

ทะเลพอได้ยินชื่อดวงตาใครหลายคนคงรุกวาวกับคำคำนี้เป็นแน่ เสียงครืนกระทบฝั่ง สายลมเย็นๆ พัดตีหน้าเบาๆ พร้อมกับกลิ่นอายของทะเลที่เบื้องหน้าเป็นสีฟ้าครามสดใสสร้างความสดชื่นให้เหมือนได้ชาร์แบตเติมพลังและที่ขาดไม่ได้ก็คงเป็นการลงเล่นน้ำ

เด็กๆ ชอบ

ต้องตาลูกฉันก็คงเป็นแบบนั้น

“...”

“ใกล้ๆ ใช่มั้ยคะ”

เมื่อเห็นว่าไม่ได้คำตอบฉันจึงย้ำถามขึ้นอีกครั้งทว่าคราวนี้เห็นพี่ตามทำท่าทางคิดหนัก ที่ถามก็เพราะเห็นว่าพรุ่งนี้กับมะรืนจะเป็นวันหยุดแต่เขาอาจะไม่มีเวลามากมายขนาดนั้นก็ได้ พี่ตามเป็นเจ้าของบริษัทต้องมีความรับผิดชอบทำงานหนักทุกอย่างมากกว่าพนักงานหลายเท่าอยู่แล้วยากที่จะได้ออกไปเที่ยวในตอนกลางวันแบบที่เขาเสนอออกมากับลูก

เอาความจริงนะฉันห่วงความรู้สึกลูก ฉันไม่อยากให้ต้องตาเสียความรู้สึกเพราะไม่ได้ไปเที่ยวทั้งๆ ที่พ่อตัวเองรับปากแล้ว ความรู้สึกมันสำคัญมากกับเด็กโดยเฉพาะวัยของต้องตาอยู่ในช่วงกำลังเรียนรู้ แน่นอนลูกต้องจำไปจนโต

ฉันไม่อยากให้ลูกเหมือนตัวเอง สุดท้ายความทรงจำเหล่านั้นก็กลับมาทำร้ายตัวเองไม่จบไม่สิ้นไปเสียที อะไรที่เซฟความรู้สึกลูกได้นาทีนี้ฉันต้องทำให้ได้

“บ้านเธอ”

กระบี่... คำนี้ออกมาเข้าสู่โสดประสาทฉันรู้เลยว่า ณ นาทีนี้ใบหน้าของตัวเองคงซีดเผือกไม่มีแม้กระทั่งสีเลือดฝาดอะไรทั้งนั้น ความทรงจำทุกอย่างถูกตีรวนขึ้นมาสะท้อนในหัวสมองเป็นฉากๆ ราวกับเรียบเรียงมาให้ฉันได้เห็นโดยเฉพาะ

มันเลวร้ายมากกว่าที่คิด

“ไปที่อื่นดีกว่าค่ะ”

ใช่ต้องที่อื่นเท่านั้น

ทางเดียวในการหลีกเลี่ยงแก้ไขปัญหาคงได้แก่วิธีนี้มันดีที่สุดสำหรับตอนนี้ การพบเจอไม่ได้สร้างความดีใจแต่กับตรงข้ามกันนั่นก็คือสร้างความเสียใจมากกว่า

เสียใจ = เจ็บปวด

ฉันไม่ขอเลือกสักทางสู้อยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ ยังสบายใจมากกว่าเป็นหลายร้อยเท่าตัวถึงในบางเวลาจะเหงาหน่อยก็เถอะ

“ไม่คิดถึงแม่ เป็นปีกว่าแล้วที่ท่านไม่เห็นหน้า”

“...”

คิดถึง...คิดถึงมากด้วยแต่จะทำอะไรมากไปกว่านี้ได้ คำว่าลูกอกตัญญูช่างเหมาะกับฉันเหลือเกินไม่ว่าจะตอนไหนไม่เลือกว่าใครเป็นคนพูดไอ้คำนี้มันต้องมีแน่

ความห่างไกลของฉันกับแม่เหมือนถูกขั้นด้วยฟางเส้นบางๆ ที่แฝงไปด้วยการกระทำ ฉันไม่ลงไปหาท่านส่วนท่านก็ไม่เคยย่างก้าวขึ้นมาหาฉันอีกเช่นกัน ความห่างไกลจึงขั้นเราสองคนแม่ลูกไปโดยปริยาย

จากเหตุการณ์วันนั้น...

วันที่พ่อจากฉันกับแม่ไปแล้วทิ้งภาระอันหนักอึ้งเอาไว้แทน

แต่ทำไมแม่ถึงไม่โกรธผิดกันกับฉันมากที่ไม่ว่าตอนนี้หรือเมื่อก่อนก็คงเกลียดพ่ออย่างเสมอต้นเสมอปลายไม่เปลี่ยน ไม่มีครั้งไหนลืมลงได้กระทั่งวันเผาศพน้ำตาฉันก็ไม่มีแม้แต่หยดเดียว ถ้าพ่อมีหัวคิดแม่คงไม่ต้องทำงานหนักจนเลือดตาแทบกระเด็น ถ้าพ่อเลือกปกป้องแม่คงไม่ต้องเสียน้ำตา ถ้าพ่อไม่เลือกตัดช่องน้อยแต่พอตัวแม่คงไม่ถูกตบและถ้าพ่อไม่เห็นแก่ตัวแม่กับฉันคงไม่ต้องเป็นหนี้จำนวนมหาศาล

“ท่านโทรมาหาพี่ว่าคิดถึงต้องตา คิดถึงตูน”

“แล้วพี่ตามก็รับปากทั้งที่ไม่เคยถามตูนเนี่ยนะ”

“ไม่ได้รับปาก” ไม่ได้รับปากก็เปลี่ยนไปที่อื่นได้เช่นกัน ไม่ผิดคำพูดด้วย

“งั้นก็ไปที่อื่น ทะเลเมืองไทยสวยๆ มีเยอะแยะไป”

ใช่ฉันพยายามหลบหลีกเลี่ยงเพราะไม่อยากมีเรื่องราวต่างหาก เรื่องบ้าๆ ที่ชวนปวดหัวเป็นที่สุดไม่รู้แม่ท่านอยู่ไปได้ยังไงกับสภาพแวดล้อมแบบนั้นยิ่งกว่าอยู่ในดงมลพิษหลายร้อยเท่า

คงมีฉันคนหนึ่งที่ทนไม่ได้ ความอดทนสำหรับเรื่องนี้มันได้ตายห่าไปแล้ว

“ดื้อ”

คำเดียวที่หลุดออกจากปากเขาทำเอาฉันตวัดสายตาไปจ้องมองด้วยความไม่พอใจ ฉันไม่ใช่เด็กแล้วไม่เหมาะกับคำว่าดื้อเลยสักนิดจึงไม่จำเป็นต้องพูดออกมาให้ได้ยิน

“ไม่ได้ดื้อค่ะ”

“หนีเท่าไหร่ก็หนีไม่พ้นหรอกอย่าลืมว่าตัวเองเป็นใคร ไหนว่าเปลี่ยนตัวเองแล้วทำไมถึงได้ป๊อดขนาดนี้ล่ะตูน” เขาไม่เข้าใจต่างหากทั้งที่ก็เคยได้สัมผัสมาก่อนแล้ว “ปีกว่าที่ผ่านมานิสัยพวกนี้ไม่เคยเห็นเพียงเอ่ยถึงแค่ชั่ววินาทีสิ่งที่สร้างขึ้นมาทลายหมด”

ไม่ได้ลืมว่าตัวเองเป็นลูกเพราะทุกวันนี้ฉันก็ช่วยแม่เรื่อยมาเพียงแค่เราทั้งสองไม่ได้เห็นหน้ากันเท่านั้นเองส่วนไอ้เรื่องความเข้มแข็งจากเรื่องก่อนหน้ามันหายไปหมดจริงแต่มันก็คนละเรื่องกันหรือเปล่า นั่นเป็นเรื่องเกี่ยวกับพี่ตามต่างหากแต่เรื่องกลับบ้านมันเป็นอีกเรื่อง

มันสร้างลำบากนิ

“พี่ก็รู้ว่าตูนไม่อยากไปที่นั่น”

คราวนี้ฉันเลือกพูดตรงๆ ออกไปหวังว่าพี่ตามจะรู้สึกเห็นใจตัวเองบ้างซึ่งเขารู้ดี รู้สาเหตุดีที่สุดพูดกันด้วยเหตุผลน่าจะเป็นทางออกดีที่สุด

“ก็บอกแล้วไงว่ามันหนีไม่พ้น ยอมรับความจริงไปดีกว่า”

แต่ทว่าเขากับไม่เข้าใจฉันเลย

“ยอมรับเหรอคะ?” บ้าสิ้นดี มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ “ถ้าทำได้ง่ายๆ ก็คงดี”

ฉันรู้ว่าที่ตัวเองพูดออกไปพี่ตามเข้าใจยิ่งกว่าเข้าใจไม่อย่างงั้นเขาคงไม่เป็นคนก้าวเข้ามาช่วยรับผิดชอบหนี้สินทุกอย่างแทนฉันกับแม่อย่างเงียบๆ แต่ยังถูกญาติพ่อซึ่งไม่รู้อะไรเหม็นขี้หน้าเพราะตอนนั้นสถานะของพี่ตามก็แค่นักศึกษาคนหนึ่งที่พึ่งจบใหม่ ญาติพ่อคงคิดน้อยเรื่องนามสกุลของพี่ตามไป

คนพวกนั้นจึงไม่เคยเห็นพวกเราอยู่ในสายตา ไม่สักครั้งเดียว

“ก็อย่าทำให้เป็นเรื่องยาก พี่รับปากลูกแล้วต้องไป”

“นี่จะบอกว่าไม่ได้รับปากแม่แต่รับปากลูก” ต้องตาได้อภิสิทธิเหนือใครหน้าไหนว่างั้น อิจฉาลูกขึ้นมาเสียแล้วสิ “รู้มั้ยคะว่าพี่ตามเอาแต่ใจมากกว่าต้องตาที่เป็นลูกเสียอีก”

“ใช่พี่เอาแต่ใจแต่เธอเป็นแม่คนแล้วนะตูนคงคิดได้แล้ว”

พูดขนาดนี้ออกมลุกขึ้นเข้ามาตบหน้าให้รู้แล้วรู้รอดไปไม่ดีกว่าเหรอ เป็นแม่คนแล้วไงคิดแบบฉันไม่ได้หรือไง ทำไมต้องฟังในสิ่งที่คนอื่นพูดสั่งด้วยข้อนี้ไม่เข้าใจอย่างแรงและถึงอธิบายแค่ไหนก็ไม่มีทางเข้าใจ

“บางเรื่องก็ไม่จำเป็นต้องคิด”

“งั้นเรื่องนี้ก็ไม่ต้องคิดทำตามก็พอ”

“เหอะ...”

ฉันถอนหายใจแรงออกมาตรงหน้าของพี่ตามอย่างไม่แคร์สายตาของเขาสักนิด ยังไงก็จะไปให้ได้เลยใช่ไหมไอ้บ้านเฮงซวยหลังนั้น

“...”

“จะไปมันให้ได้เลยใช่มั้ย อยากไปเหยียบมันนักใช่มั้ยไอ้บ้านที่หาความสุขความสงบจิตใจแทบไม่เจอ บ้านที่หลงเหลือแต่ความทรงจำเลวร้ายพวกนั้น บ้านของผู้ชายคนหนึ่งที่ไร้ความรับผิดชอบตัดช่องน้อยแต่พอตัวเลือกตายแล้วทิ้งภาระไว้ให้ลูกกับเมีย!”

คำพูดเรียบแต่ยาวเหยียดปราศจากการตะคอกใดๆ ครั้งนี้ฉันพูดออกจากความรู้สึกส่วนลึกตรงก้นบึ้งของหัวใจขณะพูดไปฝ่ามือทั้งสองข้างของตัวเองก็เกิดการบีบรัดเกร็งเล็บยาวจิกเข้าเนื้อลึกทว่ามันไร้ความรู้สึกเจ็บปวด

ร่างกายฉันสั่นเทาไปหมดก็เพราะไอ้เรื่องนี้ก่อนที่น้ำตาจะคลอเบ้าวิสัยทัศน์การมองไปตรงหน้ามัวไปหมดเห็นความชัดเจนได้ยากยิ่งแทนที่กระพริบตาถี่ๆ น้ำตาพวกนั้นจะหายไปทว่ามันกับมีมาเพิ่มขึ้นเพิ่มอย่างรวดเร็ว

“ตูน...” เสียงนี้ใกล้ฉันมากพอน้ำตาล้นออกมาจากเบ้าก็พบว่าพี่ตามลุกขึ้นมานั่งลุกเข่ากับพรมตรงหน้าฉัน ฝ่ามือใหญ่ส่งมาวางบนหัวไหล่ทั้งสองข้างกอบกำกระชับร่างกายของฉันเอาไว้ลมหายใจอุ่นๆ ค่อยๆ ผ่อนออกมากระทบหน้าผากของฉัน “ปล่อยมือตัวเอง...”

“จะสนอะไรกับคนมีปัญหา” แปลได้อีกอย่างนั่นก็คือฉันไม่ปล่อยมือแน่

“ปล่อยมือก่อน”

ไม่รู้ว่าฝ่ามือใหญ่เคลื่อนตัวมาหยุดตรงฝ่ามือของฉันเมื่อไร รู้เพียงแค่ว่าตอนนี้นิ้วโป้งพี่ตามค่อยๆ แทรกเข้ามาแกะนิ้วมือที่บีบเกร็งออกจนในที่สุดก็สำเร็จ เขามีแรงมากกว่าฉันหลายเท่าไม่แปลกที่จะแบมือฉันอย่างง่ายดาย

ครั้งแรกในรอบปีกว่าที่ตัวเองหลั่งน้ำตาต่อหน้าพี่ตาม

“จะไปก็ไปเอง ตูนไม่ไปลูกก็ต้องไม่ไป!”

“ตูน!”

“ปล่อย!” ฉันไม่สนใจแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นเพราะเมื่อกี้พึ่งตวาดใส่หน้าพี่ตามจากนั้นก็ออกแรงผลักเขาล้มหงายหลังเจ็บไม่เจ็บก็ช่างแม่งไม่สนใจก่อนที่ฉันจะเลือกยืนขึ้นเพื่อเดินหนีทว่าเดินไปนิดหน่อยข้อมือกับถูกมือใหญ่กระชากความรุนแรงเกิดขึ้นเพียงแค่เสี้ยววินาทีรู้ตัวอีกทีใบหน้าฉันก็ปะทะกับอกใหญ่ของพี่ตาม “บอกให้ปล่อยไงวะ!”

ฉันผละออกอย่างรวดเร็วด้วยแรงอันน้อยนิดมองพี่ตามด้วยสายตาอันแข็งกร้าวไม่เป็นมิตรถือว่าสิ้นสุดความอดทน

“เอาเลยอยากเป็นแม่ที่ไม่ได้เรื่องก็ตะโกนอีก เอาให้ลูกได้ยินไปเลย”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel