บท
ตั้งค่า

CHAPTER 03

จากประโยคด้านบนหลายคนอ่านแล้วอาจรู้สึกว่ามันเป็นประโยคจับผิดสามีตัวเองแต่สำหรับฉันบอกเลยว่ามันเป็นประโยคทั่วไปอันแสนธรรมดาและก็ไม่ได้พิเศษอะไรไม่แอบแฝงอะไรทั้งนั้น

การจับผิดใช้ไม่ได้กับผู้ชายตรงหน้าหรอกฉันรู้ดีเพราะความหน้าด้านหน้าทนขนาดเปรียบกับคอนกรีตพื้นถนนยังบางกว่าเป็นร้อยเท่าเสริมความสามารถพิเศษไปอีกหนึ่งอย่างนั่นก็คือเมื่อถูกจับได้คาหนังคาเขาผู้ชายคนนี้ก็จะผลิตสารเคลือบความอดทนเอาไว้อย่างแน่นหนา

จับได้ก็ไม่สนใจ

จับได้ก็ทำไปเรื่อยๆ

จับได้ก็ไม่สำนึก

อย่างเดียวที่เขาทำคือไม่ให้ใครหน้าไหนเข้ามายุ่งกับฉันและลูก สักครั้งก็ไม่มีแต่จะเรียกว่าความดีงั้นเหรอมันคงใช้ได้หรอกมั้ง ความเจ้าเล่ห์เผยแผ่ออกมาทั่วทุกรูขุมขนบนร่างกายเขาฉันนี่แหละที่จะหยุดยั้งมันเอง

“ไม่มี สินบนอะไร”

“หึ...”

ร้อยไม่เชื่อพันก็ไม่เชื่ออีก ความใจดีที่จู่ๆ วันหยุดทั้งทีจะพาลูกเมียไปเที่ยวทะเลตามคอนเซ็ปต์ครอบครัวสุขสันต์ Happy Family อะไรประมาณนี้เขาจะทำทำไม สู้เอาเวลาไปเที่ยวควงสาวไม่ดีกว่าเหรอแบบที่เคยทำทุกวัน

มันต้องมีอะไรแอบแฝงแน่ๆ

การพยายามมองเข้าไปสบตากับนัยน์ตาสีนิลเพื่อหาจุดหลอกลวงหรือโกหกที่เขาซุกซ่อนเอาไว้ทว่าฉันกับหาไม่เจออะไรเลยเพราะมีการหลีกเลี่ยงแบบชัดเจน การหลีกเลี่ยงที่แนบเนียนโดยแขนใหญ่อุ้มลูกขึ้นมาคุยเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ มากมายเสียงเจี๊ยวจ๊าวของต้องตาดังขึ้นเป็นระยะๆ กระทั่งสาวใช้เดินเข้ามาเพื่อรับต้องตาขึ้นไปอาบน้ำด้านบนสองพ่อลูกตัวแสบจึงหยุดเล่น

“ไปอาบน้ำให้ตัวหอมๆ กับพี่นาก่อนนะลูก”

“ค่าพ่อตามขา”

พอเท้าเล็กเตะพื้นหินอ่อนกำลังผ่านหน้าฉันกับใช้มือคว้าเนื้อตัวนุ่มนิ่มอวบของลูกเอาไว้มาในอ้อมกอด ต้องตาส่งยิ้มจนตาหยีเมื่ออยู่ใกล้กันมากฉันจะโน้มตัวเข้าไปฟัดแก้มนุ่มๆ นั่นอย่างเสียไม่ได้จริงๆ

คิกๆ คิกๆ

“แม่ตูนหนูจั๊กจี้ค่า”

นั้นแหละความตั้งใจของแม่

คิกๆ คิกๆ

พ้นจากเสียงหัวเราะก็มีประโยคนี้ตามมาติดๆ

“อย่าอาบน้ำนานนะลูกเดี๋ยวจะเป็นหวัดไม่สบายแล้วหนูจะได้กินยาขมปี๋ที่ไม่ชอบ เข้าใจมั้ยคะ” ฉันปล่อยตัวอ้วนๆ ของต้องตาจากนั้นก็เอื้อมเอากระเป๋าเป็ดน้อยส่งให้พี่นาสาวใช้ประจำตัวของต้องตา ตั้งแต่เกิด “ปะแป้งหอมๆ นะคะ”

“ค่าแม่ตูนขา”

พ้นหลังลูกความเงียบก็เข้ามาสู่ระหว่างฉันและพี่ตาม ฉันเรียกเขาว่าพี่เพราะยังไงก็อายุห่างกันเกือบสองปีเรียกอย่างอื่นคงไม่เหมาะเท่าไหร่อีกอย่างพี่ตามมีวุฒิภาวะมากกว่าจะเรียกห่างชั้นมากกว่าฉันเยอะทั้งนี้ต้องนอกจากตอนโมโหฉันมักเรียกแค่ชื่ออย่างเดียว

“มีอะไรจะพูด”

เป็นเขาเองที่ทนความกดดันไม่ได้

“ทำไมถึงต้องไปเที่ยว”

ฉันเรียกว่าเป็นคำถามปัญญาอ่อนมากแต่ก็ยังเลือกถามไถ่ขึ้นมาเพราะเชื่อว่ามันจะซ่อนอะไรดีๆ ให้รับรู้ออกมา

“เรื่องเที่ยว?” ใบหน้าพี่ตามบิดเบี้ยวไปด้วยคำถามที่เขาไม่เข้าใจแกมสงสัยด้วยมั้ง “เรื่องแค่เนี่ย ถามจริงหาเรื่องทะเลาะกันใช่มั้ย”

“ไม่แค่นี้หรอกค่ะไปเที่ยวทั้งทีต้องมีอะไรมากกว่านี้แค่นอน”

“เธอรู้อะไรมาตูน?”

นั่นไงเริ่มร้อนตัวแล้ว

“ก็แค่...” ฉันตั้งใจหยุดคำพูดเหล่านั้นเอาไว้เพื่อต้องการกวนประสาทคู่สนทนาที่กำลังจ้องออกมาจนดวงตาแทบออกมานอกเบ้าจากนั้นก็เอื้อมมือไปคว้ากระเป๋าคว้ารูปด้านในมาวางไว้ตรงหน้าพี่ตามเรียงรายให้เห็นชัดๆ “รู้ว่าเรื่องเที่ยวก็แค่ติดสินบนลูกเพื่อกลบเรื่องผู้หญิงที่ชื่อบุ๋ม”

อยากรู้นักว่าครั้งนี้จะทำยังไง

รูปโชว์เด่นยากนักที่จะปฏิเสธว่าไม่ใช่ตัวเอง

คนในรูปไม่มีทางที่ใครจะเหมือนถึงแม้จะเห็นแค่ครึ่งใบหน้าทว่ากับยิ้มแย้มอวดกล้องด้วยความร่าเริงมือหนึ่งถือแก้วไวน์ทรงหรูสดๆ ร้อนๆ จากเมื่อคืน

“ให้คนตามพี่งั้นสิ”

ไม่ปฏิเสธให้เสียเวลาแต่กับยอมรับนี่คือนิสัยหลักของพี่ตามเลยแหละ โอเคฉันเข้าใจแล้วจะจำและเข้าใจว่าศึกครั้งนี้ตัวเองชนะแบบขาดรอยอย่างเฉียบขาดไม่มีทางที่ฝ่ายตรงข้ามจะไล่ล่าตามทัน

ระดับตูนไม่ตามให้เสียเหงื่อหรอก

แนะนำตัวง่ายๆ ฉันชื่อ ‘ตูน’ เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายทุกประการของพี่ตาม ทางบ้านปัจจุบันก็ถือว่าไม่ได้ย้ำแย่อะไรมีอันจะกินทิ้งกินขว้างก็ยังได้เลยด้วยซ้ำไปถ้าอยากทำ มีธุรกิจเป็นของครอบครัวซึ่งเกี่ยวกับการส่งออกอาหารทะเลแช่แข็งรายใหญ่ของภาคใต้

เรื่องราวระหว่างเขากับฉันก็เหมือนความรักของวัยรุ่นทั่วไปในสมัยนี้เพียงแค่ว่าคืนนั้น...

ความสัมพันธ์ของทั้งฉันกับเขามันพัฒนาทางกายไปอีกขั้นหนึ่ง

ฉันไม่รู้ว่าพี่ตามเรียกมันว่าความผิดพลาดหรือเปล่าเรื่องที่มันเกิดขึ้นระหว่างเขากับฉันแต่สำหรับฉันมันไม่ใช่ความผิดพลาด

ฉันรู้ตัวเสมอและเรียกสิ่งที่เกิดขึ้นคือความตั้งใจ

“นึกดีๆ สิคะ” ความใจเย็นมันโลดเล่นปั่นป่วนไปทั่วร่างกายของฉันกับผู้ชายตรงหน้าความเย็นยะเยือกเท่านั้นที่จะสามารถเอาชนะได้ถึงแม้เขาจะเป็นคนควบคุมอยากแต่ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้เสียหน่อย แม่สอนว่าร้อนมาก็ต้องเอาความเย็นเข้าลูบ “ว่าเมื่อคืนไปสิงอยู่ผับไหน?”

“ไอ้เฮียติ”

แค่ได้คำตอบจากริมฝีปากหยักได้รูปรอยยิ้มเหยียดของฉันก็ส่งออกไปภายในพริบตา พี่ตามคงเข้าใจสิ่งที่ฉันพยายามสื่อออกมาแล้วสิมือใหญ่ถึงได้ยกขึ้นกุมขมับตัวเองขนาดนั้นอีกทั้งยังบีบนวดอีก

ครั้งนี้คำว่าพลาดคงมาเยือนเอง

ผับใหญ่ใจกลางเมืองตั้งตรงย่านมหาลัยของญาติสนิทเมียตัวเองไม่คิดหน่อยเหรอว่าหนึ่งในนั้นฉันจะมีสายอยู่บ้าง ซึ่งเมื่อคืนมันก็ทำงานได้ดีมากเสียด้วย

“แล้วผู้หญิงชื่อบุ๋มเนี่ยพึ่งรู้จักหรอคะ?”

“เป็นเพื่อนกับเด็กไอ้บอล”

บุ๋ม...

เธอเป็นผู้หญิงรายล่าสุดที่เข้ามาชื่นชอบพี่ตามราวกับอยากถวายตัวให้ใจจะขาดเพียงแค่เจอครั้งเดียวในสถานการณ์เพื่อนแนะนำให้รู้จัก เธอแรงและร้ายเอาการพอตัวเลยแหละเท่าที่ฟังสรรพคุณมาจากการเล่าพร้อมกับหลักฐานของการกระทำแต่คนอย่างฉันก็โนสนโนแคร์สิ่งใดๆ เหมือนกัน

โลกนี้ไม่ใช่ใครคนหนึ่งทำได้คนเดียว

ความจริงฉันยังไม่ให้ความสำคัญกับผู้หญิงคนนี้มากนักหรอก ในสายตาเธอก็เหมือนผู้หญิงทั่วไปที่เข้ามาในชีวิตของพี่ตามเดี๋ยวก็หายไปทว่าฉันกับมองผิดพลาดไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ถ้าเธอไม่เข้ามายุ่งกับฉันก่อนเป็นตัวการเริ่มก่อน ที่สำคัญผู้หญิงคนนี้รู้ว่าพี่ตามมีครอบครัวก็ยังจะยุ่งมันใช่เรื่องเหรอ

“คงใช้ได้...”

การเป็นคนอ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอให้ใครหน้าไหนได้เหยียบหัวเพราะถือว่าตัวเองยังมีศักดิ์ศรีสำหรับฉันมันสำคัญ ร้ายมาก็แรงกลับไปถือว่าแฟร์ๆ ดี ไม่ชอบก็ควรอยู่ในที่ๆ ของตนเองไม่ใช่เข้ามาเสือก ถ้าเป็นคนดีแล้วโดนทำร้ายคงต้องลองเป็นคนใจร้ายถึงจะดีใช่ไหมสำหรับโลกใบนี้

หลายคนคงคิดเช่นเดียวแบบฉัน

หรือคิดยิ่งกว่านั้นอย่ามองโลกด้านเดียวเลย

พื้นฐานของคนเราฉันรู้ดีว่าทุกอย่างมันมีไม่เท่ากันหรอกไม่ว่าจะเป็นด้านไหนทุกคนมักเจอะเจอปัญหาที่แตกต่างกันออกไปแต่ที่เหมือนกันก็คือการคิดหาทางแก้ไข เมื่อเจอปัญหาทุกคนก็มักทางทางแก้ไขซึ่งแน่ล่ะว่ามันก็แตกต่างกันออกไปอีกยกตัวอย่างก็คือตัวฉันเอง

ฉันเคยเป็นคนอ่อนแอแต่ตอนนี้ไม่ใช่

ฉันเคยเป็นคนไว้ใจคนง่ายแต่ตอนนี้อย่าหวัง

ฉันเคยถูกว่าให้เป็นตัวถ่วงความเจริญแต่ตอนนี้ฉันก้าวเหยียบมันมาแล้ว

และฉันเคยเป็นคนหัวอ่อนชักจูงได้ง่ายเหมือนหมาที่โดนใส่ปอกคอแต่ตอนนี้ต้องเหมาะสมกับตำแหน่งคนจูงหมา

การไต่ระดับของตัวเองพัฒนาสะสมประสบการณ์มาเรื่อยๆ ตั้งแต่ห้าปีก่อน เลเวลก็เลื่อนขึ้นเรื่อยๆ จากต่ำไต่ระดับขึ้นไปยังจุดสูงและมันก็จะไม่มีทางลดหลั่นลงได้อีกถ้ารักษาความคงที่ได้ดีแต่มันก็ยากนะ

“เธอก็รู้ว่าพี่เจอแค่เมื่อคืน” นัยน์ตาสีนิลของพี่ตามเป็นเครื่องยืนยันชั้นดีแววตาของเขาเหมือนเพิ่มฉายแววความเข้มขึ้นเช่นเดียวกับท่าทีก็ดูจริงจังเพิ่มมากขึ้นจากเดิม “ถ้ารู้ถึงขนาดชื่อผู้หญิงคนนั้นก็คงรู้ว่ามันไม่มีอะไร เธอรู้ดี?”

“...” คำถามย้อนกลับนั้นไม่ถึงทำเอากับอึ้ง ใช่มันไม่มีอะไรในกอไผ่ทั้งนั้นฉันรู้ดีเพราะคืนนี้ไม่ได้ไปเจออีกไง

“ไม่มีสัมพันธ์ทางกายอะไรทั้งนั้น”

“...”

“ตูน...”

ตามหลักนิสัยของฉันเมื่อโกรธก็จะเงียบไม่พูดจาจนหางตาก็ไม่แลแต่รู้ไหมว่าอาการเหล่านั้นนำความกดดันมาสู่ตัวเองมากเพียงไหน สมองมันทำหน้าที่คอยย้ำเตือนย้ำคิดทุกฝีก้าวยิ่งกว่าเครื่องจักรกลที่กำลังทำงานอย่างหนักพอความอัดอั้นเพิ่มปริมาณขึ้นมากเรื่อยๆ ร่างกายของฉันก็จะระเบิดออกมาเลยทีเดียว

โดยไม่มีอะไรขัดขวางได้

ดิน น้ำ ลม ไฟ ธาตุทั้งสี่นี้ถ้าจะเปรียบให้เห็นได้ชัดเจนในด้านอารมณ์ของฉันก็คงเป็นดิน นิ่งสงบไม่แปรปรวนอะไรแต่สิ่งที่อยู่ภายใต้พื้นดินฝืนนั้นใครจะรู้ได้ รับมามากเวลาแผ่นดินเกิดไหวผลก็จะมีมากเช่นกัน

“คะ?”

“ได้ยินมั้ยมันไม่มีอะไรทั้งนั้นถึงคืนนี้พี่ยอมตกลงไปเที่ยวกับไอ้บอลก็ตาม ผู้หญิงคนนั้นเข้ามายุ่งอีก มันก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเด็ดขาด”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel