ตอนที่ 9 ชีวิตจริงไม่อิงละคร
จูนนอนพักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาลห้าวัน เพราะเธอเลือกการคลอดด้วยวิธีการผ่า ทำให้ต้องนอนพักฟื้นนานกว่าคลอดธรรมชาติ ร่างกายของคุณแม่ป้ายแดงยังบอบช้ำอยู่ แผลผ่าตัดตรงท้องน้อยยังเจ็บไม่หาย ไม่ว่าจะเดินเหินไปทางไหน ความเจ็บปวดทรมานจะวิ่งพุ่งตรงมาทันที แต่ถึงแม้จะเจ็บปวดแสนสาหัสมากแค่ไหน แต่พลังความเป็นแม่ยังมีอยู่ไม่ขาด เธอยังคงให้ลูกเข้าเต้าตามเวลา ซึ่งทุกครั้งที่ให้ลูกดื่มนม...สายตาที่แม่มองไปยังเด็กน้อย ช่างอบอุ่นเต็มเปี่ยมไปด้วยรักเสมอ
“เป็นยังไงบ้างจูน ไหวไหมครับ” เสียงสามีเอื้อนเอ่ยถามกลางดึก
เมื่อลูกน้อยตื่นร้องไห้งอแง ผู้เป็นแม่ต้องลุกขึ้นนั่งและอุ้มเจ้าตัวเล็กเข้าเต้า
“ต้นนอนเถอะค่ะ จูนให้นมลูกเสร็จแล้ว จะนอนต่อ”
“ต้นว่า ต้นจะจ้างพี่เลี้ยงมาช่วยจูนนะครับ”
“จ้างทำไมคะ”
“ต้นสงสารจูน ไหนจะให้นมลูก ปั้มนมตามเวลา ทั้งๆ ที่ร่างกายจูนยังเจ็บแบบนี้”
“ถึงมีพี่เลี้ยง ก็เลี้ยงได้แค่ช่วงกลางวัน สุดท้ายแล้วกลางคืน เราก็ต้องเลี้ยงกันเองอยู่ดีนะคะ”
“ก็ยังดีนี่ครับ ไม่งั้นจูนเหนื่อยแย่ เพราะแม่บ้านเขาก็ทำแค่งานบ้าน ไม่ได้มาช่วยอุ้มเด็ก ให้ต้นจ้างพี่เลี้ยงมาเพิ่มนะครับ”
“ตามใจต้นละกันค่ะ”
“ครับ”
ร่างกายผู้หญิงในวันที่อ่อนแอคือวันที่ผ่านการให้กำเนิดลูกมาได้ไม่นาน ไหนจะคัดเต้า ไหนจะเลี้ยงลูก ไหนจะอดหลับอดนอน ไหนจะเจ็บแผลผ่าคลอด หรือแม้กระทั่งผู้หญิงบางคนเป็นภาวะซึมเศร้าหลังคลอด (Baby Blue) สภาพร่างกายที่บอบช้ำ กับอารมณ์ที่แสนจะสวิงขึ้นสวิงลงราวกับไวกิ้งในสวนสนุก แค่ประคับประคองอารมณ์ให้ผ่านพ้นไปด้วยดี โดยไม่สติแตกในแต่ละวันได้ก็เก่งมากแล้ว อย่าให้พูดถึงกิจกรรมบนเตียงกับสามีเลย ร่างกายช่วงนี้ไม่พร้อมรับการกระแทกเสียเท่าไหร่
วันเวลาผ่านไป จวบจนเด็กทารกน้อยมีอายุได้สามเดือน
ต้นกับจูนก็ยังไม่มีกิจกรรมอย่างว่า นับๆ วันเวลาแล้วก็ตั้งแต่ภรรยาท้องเข้าเดือนที่เจ็ด
จนตอนนี้ก็หกเดือนกว่าๆ นี่เขาไม่ได้ร่วมรักมานานครึ่งปีเชียวหรือ...ต้นพลางคิดในใจก็ได้แต่ถอนหายใจยาวๆ เข้าใจเมียก็เข้าใจอยู่นะ แต่อารมณ์ใคร่ความต้องการของผู้ชายก็มีมากอยู่ กระทั่งวันหนึ่งที่เหล่าเพื่อนๆ ในกลุ่มชวนกันไปสังสรรค์นั่งดื่ม ต้นจึงขอภรรยาออกไปพบเจอเพื่อนฝูงบ้าง ซึ่งจูนไม่ได้ว่าหรือห้ามปรามอะไร
ณ ร้านอาหาร ที่มีดนตรีสดบรรเลงเพลงอย่างไพเราะ
กลุ่มผู้ชายประมาณห้าคน อายุกำลังดีเป็นที่หมายปองของหญิงสาว นั่งรวมตัวดื่มเหล้าตรงโต๊ะกลางร้านอาหาร สายตาผู้หญิงหลายคนจับจ้องมองไปยังกลุ่มของต้นอยู่ไม่น้อย จะให้พวกหล่อนไม่มองได้อย่างไร เมื่อชายห้าคนนั้น รูปร่างหน้าตาจัดว่าดีทุกคน อีกทั้งอาหารเครื่องดื่มที่พวกเขาสั่งก็ราคาแพง สาวน้อยสาวใหญ่มีหรือที่จะไม่รู้ว่า...ชายห้าคนนั้นฐานะดีแค่ไหน
“คุณต้น สวัสดีค่ะ”
เสียงหวานๆ ของสาวน่าตาน่ารักจิ้มลิ้มกล่าวทักทายเจ้านาย...น้ำฝน พนักงานคนใหม่ที่เข้ามาทำหน้าที่ประสานงานแทนภรรยาเขานั่นเอง ฝนเพิ่งเรียนจบปริญญาตรีด้านภาษาศาตร์มา ก็เข้าสมัครงานที่บริษัทของต้นและพ่อของเขาก็รับเธอเข้าทำงานทันที เพราะความสามารถที่เธอมี จัดว่าเก่งเทียบเคียงลูกสะใภ้ก็ว่าได้
“อ้าวฝน...มาทานอาหารกับใครครับ”
“มากับกลุ่มเพื่อนๆ ค่ะ” สาวเจ้าไม่เพียงแค่พูด แต่ยังชี้นิ้วเรียวงามไปยังโต๊ะของกลุ่มเพื่อนสาว ซึ่งกลุ่มของเธอก็มากันห้าคนเช่นกัน ทำไมมันช่างบังเอิญเหมาะเจาะอะไรแบบนี้
“มานั่งทานด้วยกันไหมครับ” เสียงชวนของเพื่อนต้นเอื้อนเอ่ยขึ้น เพราะเพื่อนๆ อีกสี่คนยังไม่เข้าพิธีแต่งงาน บ้างมีแฟนแล้ว บ้างยังโสด ดังนั้นหากจะออกลวดลายกันบ้างก็คงไม่น่าเกลียด
แต่คงไม่เหมาะกับต้น เพราะเขาแต่งงานมีลูกมีเมียแล้ว หากจะอ้อเล้าอ้อโลมหญิงอื่น ที่มิใช่ภรรยา คงดูไม่งาม
“ก็ได้ค่ะ กลุ่มฝนเพิ่งมาถึง งั้นก็...ขอร่วมวงด้วยนะคะ”
ฝนเดินกลับไปยังโต๊ะที่มีเพื่อนสาวนั่ง เพื่อเรียกให้เพื่อนมานั่งร่วมวงกับแก๊งหนุ่มหล่อ ขณะที่ฝนกำลังเดินไป ต้นตัดสินใจพูดบางอย่างกับเพื่อน
“เฮ้ยมึง จะดีหรอวะ”
“ไม่ดียังไง มีหญิงมานั่งแดกด้วย เพลินตาจะตายห่า ฮ่าๆๆ”
“เชี่ย เดี๋ยวเมียกูรู้ก็เป็นเรื่อง”
“จะรู้ได้ไงวะ ไม่มีใครพูด”
“มึงเลิกกลัวได้ละไอ้เหี้ยต้น ตั้งแต่คบจูน จนแต่งงานมีลูก มึงได้ใช้ชีวิตคุ้มค่าหรือยังวะ ทั้งชีวิตฟันผู้หญิงมากี่คนแล้ว”
“สวัสดีค่ะ นี่เพื่อนๆ ฝนนะคะ” ขณะที่กลุ่มผู้ชายนั่งเถียงกันอยู่ สาวเจ้าทั้งห้าก็เดินเข้ามาขัดบทสทนา ทำให้สถานการณ์ต้องเป็นไปแบบเลยตามเลย
หญิงห้า ชายห้า นั่งกันครบคู่ แม้ใจของต้นจะรู้สึกผิดต่อเมียอยู่ไม่น้อย แต่ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอลล์ที่ดื่มไป บวกกับสาวตัวเล็กที่นั่งข้างๆ ก็น่าตาน่ารักจิ้มลิ้มชวนให้มอง
“เหนื่อยไหมคะคุณต้น ฝนเห็นช่วงนี้คุณออกประชุมกับลูกค้าแทบทุกวันเลย”
“นิดหน่อยครับ แต่ก่อนที่จูนยังทำงานได้ เขาช่วยผมได้เยอะ แต่ตอนนี้เขาออกไปเลี้ยงลูก ผมเลยต้องแบกรับหน้าที่เยอะขึ้น”
“คุณต้นมีอะไรให้ฝนช่วยแบ่งเบา บอกได้นะคะ ทำเกินหน้าที่ ฝนก็ยินดีช่วยค่ะ” คำว่าเกินหน้าที่ ฝนพูดเน้นชัดทุกถ้อยคำ บวกกับสายตายั่วยวนที่มองเจ้านายก็ช่างเย้ายวนชวนให้ชายหนุ่มอารมณ์เตลิด
“ฝนมึนหัวจังค่ะ ไวน์ที่พวกคุณให้ฝนดื่ม แรงจัง” ไม่ใช่แค่พูด หัวของเธอก็ซบลงที่บ่าแกร่งของเจ้านายหนุ่มสุดหล่อเรียบร้อยแล้ว
“ฝนครับ เมาก็กลับบ้านนอน ดีไหมครับ”
สิ้นเสียงของต้น นั่นทำให้เพื่อนของเขาถลึงตาใส่ในความซื่อบื้อที่ต้นแสดงออกมา เหล่าหนุ่มๆ คงคิดว่า...นี่คือโอกาสทอง ทำไมต้นถึงได้โง่งมขนาดนี้
กระทั่งต้นเหนสายตาพิฆาตของเพื่อนๆ ก็เริ่มสับสนว่าควรทำอย่างไร ตั้งแต่เขาคบกับจูนเป็นแฟน กระทั่งจวบจนวันนี้ ไม่เคยนอกใจหรือนายกายเธอเลยสักครั้ง
“คุณต้นคะ พาฝนไปห้องน้ำทีสิคะ”
“ครับๆ ได้ครับ”
ทั้งสองลุกขึ้นพากันเดินไปยังห้องน้ำ โดยร่างกายอรชรก็พยายามจะยั่วยวนเจ้านายหนุ่มตลอดเวลา ตลอดทางที่เดินไปยังห้องน้ำ เธอพยายามเอาร่างกายเกือบทุกส่วนเสียดสีร่างกายเจ้านายแทบจะเป็นหนึ่งเดียว
“ถึงแล้วครับ คุณเข้าห้องน้ำไปก่อนนะครับ ผมจะเดินไปเข้าห้องน้ำชาย เราค่อยออกมาเจอกันตรงนี้นะครับ” ทันใดนั้น ต้นก็รีบเดินไปเข้าห้องน้ำชายอย่างว่องไว หากเขายังขืนยืนอยู่ใกล้เธอ อารมณ์ความเป็นชายอาจพุ่งเตลิดจนควบคุมไว้ไม่ได้เป็นแน่
กระทั่งเขาทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำจนเสร็จ ต้นหยิบมือถือขึ้นมาดูก็พบว่าภรรยาสาวส่งข้อความมาหา เขากดเปิดอ่านทันที
[ถ้ากินข้าวกับเพื่อนเสร็จแล้ว ขับรถกลับบ้านดีดีนะคะ]
[ครับ จูนนอนได้เลยนะครับ อีกสักพักต้นจะกลับแล้วครับ]
เขาพลางยิ้มขณะพิมพ์ตอบเธอกลับไป แม่ของลูกช่างแสนดีขนาดนี้ เขาไม่ควรทรยศเธอ
“ยิ้มหวานอะไรอยู่หรอคะ” เสียงฝนเอื้อนเอ่ยถาม เมื่อเธอทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้วเช่นกัน
“คุยกับจูนน่ะครับ”
“เฮ้อ...กลับโต๊ะกันเถอะค่ะ ฝนอยากดื่มผ่อนคลายความเครียดจากการทำงาน”
“งานฝนหนักหรอครับ”
“ก็ต้องประสานงานกับลูกค้าต่างชาติเยอะ บางประเทศวัฒนธรรมเขาก็ต้องเอาให้ได้ทันที ฝนก็เครียดๆ บ้างแหละค่ะ”
“ครับ งั้นเราไปนั่งดื่มกันอีกสักพักและกลับบ้านกันเถอะครับ”
“รีบจังเลยนะคะคุณต้น”
“ลูกผมยังเล็กครับ ผมต้องช่วยกลับไปเลี้ยงลูก”
“ค่ะๆ”
แม้ฝนจะอารมณ์เสียอยู่ไม่น้อย แต่เธอก็ยังไม่ลืมว่าเวลาเดินต้องคลอเคลียเจ้านายสุดหล่อไปด้วย เธอทำราวกับว่า...เขาคือผัวของเธอแล้วก็ไม่ปาน
เวลาเดินผ่านไปสองชั่วโมง ทุกคนต่างแยกย้ายกลับบ้าน ซึ่งสามคู่ไปจบกันต่อที่โรงแรม อีกหนึ่งคู่แยกย้ายกลับบ้านไม่สานสัมพันธ์ ส่วนคู่สำคัญเจ้านายหนุ่มกับลูกน้อง...
ฝนยังงอแงใส่เจ้านายตรงลานจอดรถไม่หยุด เธออยากให้เขาไปส่งเธอที่บ้าน แต่จนแล้วจนรอดที่ยืนบ่ายเบี่ยงมาร่วมสิบนาที เจ้านายก็ยังไม่ใจอ่อน ขับรถพาเธอไปส่งเสียที
“เดี๋ยวผมเรียก Grab ให้ครับ”
“นี่มันเที่ยงคืนแล้วนะคะ คุณต้นจะให้ฝนเสี่ยงกลับเองคนเดียวหรอคะ ใจร้ายไปหรือเปล่า”
“ผมเป็นคนเรียก ผมต้องมีข้อมูลคนขับ เวลาที่คุณนั่งบนรถก็โทรคุยกับผมตลอดทางก็ได้นี่ครับ ไม่ต้องกังวลอะไรเลย”
“ใจร้ายจริงๆ ถ้าเกิดอะไรไม่ดีขึ้น พ่อแม่ฝนจะอยู่ยังไง ฝนเป็นเสาหลักของที่บ้านด้วย”
เธอทำหน้าหงิกหน้างอใส่เขาเป็นระยะ จนกระทั่งเจ้านายหนุ่มเริ่มทนต่อไปไม่ไหว หากยังยืนเถียงกันอยู่แบบนี้ ได้เสียเวลาไปอีกเรื่อยๆ...ขับไปส่งให้มันจบๆ ไปก็สิ้นเรื่อง
“โอเคครับ บ้านฝนอยู่ไหน เดี๋ยวผมไปส่งครับ”
สาวเจ้าได้ยินดังนั้น ก็ยิ้มหน้าระรื่น เดินไปเปิดประตูรถ BMW M8 Competition Coupe สีดำทันที และนั่นทำให้เขาต้องจำใจขับไปส่งเธอให้สิ้นเรื่องสิ้นราว หลังจากนั้นเขาจะได้ขับกลับบ้านไปหาเมียกับลูกเสียที
______________________________________
