8 ปัญหาที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
8
ปัญหาที่ไม่ได้ก่อ
เพราะบทสนทนาระหว่างเหวินหยาง และเด็กรับใช้คนสนิทของเขาไม่ได้เสียงดังมากมายเท่าไหร่นัก จินหลงจึงได้ยินไม่ถนัดเกี่ยวกับเรื่องที่ทั้งคู่พูดคุยกัน
ด้วยความอยากรู้อยากเห็น คนซึ่งล้มตัวนอนลงบนเตียงไปแล้ว จึงหยัดกายลุกขึ้นนั่ง แต่เมื่อหันไปมองทางบริเวณหน้าประตูตรงจุดกำเนิดเสียง กลับพบเข้ากับสายตาคล้ายกดดันทั้งสองคู่ที่มองมา
การถูกจ้องหน้าด้วยสายตาจริงจังเคร่งเครียด แถมไม่รู้ถึงสาเหตุการตกเป็นจุดสนใจ ส่งผลให้จินหลงเกิดความรู้สึกอึดอัด แต่เพียงไม่นานเหวินหยางก็ไขความกระจ่างให้
“ฝนตกหนักติดต่อกันไม่ยอมหยุดตั้งแต่ท่านปรากฏตัว และยามนี้น้ำได้ล้นทะลักจากภูเขาลงมาท่วมหมู่บ้าน หากปล่อยไว้อีกไม่นานเมืองจุนเฟิงอาจประสบอุทกภัยครั้งใหญ่ได้”
“ฟังดูแล้วเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดีเอาเสียเลย พวกท่านคงต้องระดมสมองคิดหาวิธีแก้ไขปัญหาครั้งนี้กันสินะ?”
จินหลงรู้สึกหดหู่หลังได้ฟังจนจบ ทว่าเหวินหยางไม่ได้มีจุดประสงค์แค่บอกเล่าเรื่องราวให้ฟัง แต่ต้องการให้เขาทำบางสิ่งต่างหาก
“ท่านไม่คิดจะทำอันใดเสียหน่อยหรือ?”
คิ้วได้รูปขมวดเข้าหากันจนเป็นปม ไยตัวต้นเหตุซึ่งบันดาลให้ฝนตก จึงดูราวกับตนไม่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้
“ท่านจะให้ข้าทำสิ่งใด?”
“ก็ฝนที่กำลังตกอยู่ในตอนนี้มันเป็นฝีมือท่านไม่ใช่หรือท่านเซียน เหตุใดจึงไม่ทำให้มันหยุดตกเล่า?”
จินหลงชะงักค้างด้วยความสับสนงุนงงกับสิ่งที่ได้ยิน ทำสีหน้าครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนตอบปฏิเสธ
“เปล่านะ… ข้าไม่ได้เป็นคนทำ”
แม้พลังของจินหลงคือการควบคุมฤดูกาล แต่อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่าเขาทำได้แค่สร้างเมฆก้อนเล็กๆ กับสายฝนปรอยๆ เพียงเท่านั้น และตั้งแต่โผล่มาที่นี่จินหลงยังไม่ได้ใช้พลังเลยด้วยซ้ำ ห่าฝนพวกนี้จะเป็นของเขาได้เยี่ยงไร
“ว่าไงนะ?! มันจะเป็นไปได้เยี่ยงไร หากไม่ใช่ท่านแล้วมันจะเป็นฝีมือของผู้ใดได้อีก?”
เหวินหยางสาวเท้าเข้าใกล้จินหลงมากขึ้นด้วยท่าทางหัวเสีย คนคนเดียวที่สร้างปาฏิหาริย์ได้กลับเอ่ยปฏิเสธ ทำท่าทางราวกับกำลังปัดความรับผิดชอบ
“ข้าไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ มันไม่ใช่ฝีมือข้าแน่นอน!”
การถูกยัดเยียดให้มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย ทำให้จินหลงเองเกิดมีโทสะขึ้นเล็กน้อย
“เจ้ากำลังปัดความรับผิดชอบอยู่!!”
นิ้วเรียวยาวยกขึ้นชี้ดวงหน้าจิ้มลิ้มซึ่งกำลังแสดงสีหน้าเหลอหลา จินหลงอ้าปากค้างกับการกระทำของบุรุษตรงหน้า เหวินหยางกำลังกล่าวหาเขาโดยไร้หลักฐานความจริง
“ท่านมีสิทธิ์อะไรมาต่อว่าข้าเช่นนี้? การที่ข้าโผล่มาที่นี่พร้อมกับสายฝน ไม่ได้หมายความว่าข้าต้องเป็นคนทำเสียหน่อย”
“…”
“อีกอย่าง หากข้าเป็นคนสร้างฝนพวกนี้ขึ้นมาจริง ข้าจะหาเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ช่วยหยุดฝนให้พวกท่านเพื่อการใดเล่า?”
จินหลงไม่อยากจะเชื่อว่าตอนนี้เขากำลังรู้สึกเจ็บลึกๆ ในหัวใจ กับคำดูหมิ่นของบุรุษตรงหน้า เจอมาสารพัดคำดูถูกเหยียดหยาม อย่างมากก็แค่รู้สึกโกรธจนควันออกหู แต่ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่จะรู้สึกน้อยใจเหมือนครั้งนี้ เหวินหยางกำลังทำให้เขารู้สึกเสียใจ
และยิ่งประโยคถัดมาของคู่สนทนา ราวกับหัวใจดวงเล็กถูกมุดขนาดใหญ่ตอกเข้าตรงกลางเต็มๆ มันจุกจนพูดอะไรไม่ออก ขอบตาเกิดอาการร้อนผ่าวคล้ายจะปล่อยหยาดน้ำอุ่นๆ ให้รื้นคลอ
“เจ้าอาจจะมองว่ามนุษย์อย่างพวกข้ามันโง่เขลาน่ารังแก นึกอยากกลั่นแกล้งให้ได้รับความเดือดเนื้อร้อนใจไงล่ะ”
“…!”
“ที่ผ่านมามันก็เป็นเช่นนั้นมาโดยตลอด สวรรค์ไร้ความเมตตาทอดทิ้งมนุษย์ให้สิ้นหวัง พอเริ่มมีหวังเทพเซียนอย่างพวกเจ้าก็มองเป็นเรื่องล้อเล่น”
“…!!”
“หากไม่มีความคิดจะช่วยเหลือกันจริงๆ รบกวนเซียนผู้สูงศักดิ์อย่างท่านกลับสวรรค์ไปเถิด อย่าอยู่เหยียบย่ำหัวใจประชาชนแผ่นดินต้าหวงอีกเลย!”
กล่าวจบร่างสูงจึงเดินดิ่งไปหยิบเสื้อคลุมตัวนอก ที่ถอดตากผึ่งเอาไว้กลับมาสวมใส่บนเรือนร่างอีกครั้ง
เหวินหยางหมุนกายเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว โดยมีเด็กรับใช้คนสนิทเดินตามหลังไม่ห่าง ปล่อยจินหลงทิ้งไว้กับคำตัดพ้อต่อว่า ที่ถูกกล่าวออกมาด้วยความผิดหวังเสียใจ
ดีอกดีใจเพราะฝนที่ไม่ตกมาร่วมห้าปีเต็ม ลงเม็ดโปรยปรายจากฟากฟ้ากันได้เพียงแค่เจ็ดวัน กลับต้องมารู้สึกทุกข์ระทมกับมันเสียอย่างนั้น
ทั้งๆ ที่มีความสุขแล้วแท้ๆ ไยมันถึงได้จากไปไวเพียงนี้ มนุษย์ยังไม่หลุดพ้นจากเคราะห์กรรมที่กำลังเผชิญอย่างนั้นหรือ หรือสิ่งที่คิดว่าเป็นของขวัญจากสวรรค์ ความจริงแล้วมันคือกับดักต่างหาก
เหวินหยางขี่ม้ามุ่งตรงไปยังหมู่บ้านตีนเขา เพื่อตรวจดูสถานการณ์ความเลวร้ายที่ชาวบ้านกำลังเผชิญ เขาอาจไม่สามารถสั่งฝนให้หยุดตก หรือสั่งน้ำให้หยุดไหลได้เหมือนเทพเซียน
แต่คนเป็นเจ้าเมืองจะนิ่งนอนใจ ปล่อยชาวบ้านเผชิญชะตากรรมกันลำพังได้เยี่ยงไร อย่างน้อยๆ ก็ไปอยู่ให้เห็นว่า พวกเขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวลำพัง แต่ยังมีผู้นำอยู่เคียงข้าง
หลังภายในห้องเหลือจินหลงเพียงลำพัง น้ำตาที่กลั้นไว้พลันไหลรินอย่างห้ามไม่ได้ ร่างเล็กสะอื้นร้องไห้โฮ ยกฝ่ามือทั้งสองข้างปิดบังใบหน้าด้วยความรู้สึกเศร้าเสียใจ
ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรผิดด้วยซ้ำ แต่จินหลงกลับกำลังรู้สึกผิดเป็นที่สุด แม้ฝนที่ตกตนจะไม่ได้เป็นคนสร้าง ทว่าเขากลับกำลังคิดว่ามันคือความรับผิดชอบของตัวเอง และจินหลงได้เผลอปัดความรับผิดชอบนั้นไปแล้ว อย่างที่เหวินหยางได้กล่าวหาไว้
จินหลงกำลังนึกโทษตัวเอง นอกจากจะเป็นคนไร้ค่าไร้ประโยชน์ ยังเป็นตัวสร้างปัญหาให้ผู้อื่นเดือดร้อนอีก หากเขาไม่ปรากฏตัวขึ้นที่นี่ ผู้คนมากมายก็คงไม่ได้รับความเดือดร้อน
อยากช่วยแต่ก็ช่วยไม่ได้ อยากกลับโลกเดิมอยากไปให้พ้น แต่ติดตรงที่ยังไม่รู้วิธี ไม่มีทางไหนให้เลือกเลยสักทางเดียว ต้องทนอยู่กับความอัปยศอดสู หรือความจริงแล้วเขาควรละทิ้งลมหายใจตัวเอง
จินหลงล้มกายนอนตะแคงคุดคู้บนเตียงกว้าง เสียงสะอื้นไห้ที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากบาง ดังแข่งกับเสียงฝนซึ่งตกกระทบหลังคาไม่ขาดสาย
ค่ำคืนนี้ร่างเล็กต้องนอนร้องไห้เพียงลำพัง ตัดพ้อน้อยใจในชะตาชีวิตอันน่าสมเพช หากเลือกเกิดได้จินหลงคาดหวังจะเป็นเพียงแค่คนธรรมดา ที่ไม่ต้องแบกรับภาระหน้าที่ใดไว้กับตัว ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยตามใจตน ไม่ต้องถูกมองว่าเป็นคนไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้
