7 ข้อแตกต่างในความเหมือน
7
ข้อแตกต่างในความเหมือน
การถ่อสังขารไปหาเหวินหยางถึงเรือนส่วนตัวในครั้งนี้ นอกจากจะไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการแล้ว กลับกลายเป็นว่าจินหลงมีเรื่องให้ปวดหัวงอกเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งเรื่อง
แทนที่เขาจะได้ใช้ชีวิตแบบอิสระในเมืองจุนเฟิง เพื่อตามหาหนทางกลับโลกใบเดิมของตน แต่กลับต้องมาติดแหง็กอยู่กับผู้เป็นเจ้าเมืองเสียอย่างนั้น
คราวนี้จะลุกจะเดินจะนั่งจะนอน กลายเป็นตกอยู่ในสายตาเหวินหยางแทบจะตลอดเวลา ดีที่ตอนปลดทุกข์กับอาบน้ำเขาไม่ตามเข้าไปสอดส่องด้วย ปากไม่น่าพาหาเรื่องให้ตัวเองเดือดร้อนเลยจริงๆ
นี่ก็ปาเข้าไปร่วมสัปดาห์แล้ว ที่จินหลงเปรียบดั่งนักโทษในกรงทอง ที่แม้จะยังมีอิสระเดินไปไหนมาไหนได้ตามใจนึกคิด ทว่าก็ต้องอยู่ในขอบเขตสายตาของเหวินหยาง
หากต้องการไปไกลเกินกว่านั้น ต้องรอให้เขาว่างหรือสะดวกพาไป มันช่างเป็นอะไรที่น่าอึดอัดใจเสียจริง ยิ่งยามนี้ที่จินหลงเดินออกมาจากห้องอาบน้ำ แล้วพบกับผู้เป็นเจ้าของจวนกำลังยืนกึ่งเปลือยอยู่ตรงหน้า หลังจากหายหน้าหายไปไปเกือบทั้งวัน
“เอ่อ… ท่านเจ้าเมือง ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่นัก”
จินหลงเอ่ยด้วยสีหน้าท่าทางคล้ายกลืนไม่เข้าคายไม่ออก หลังชำระล้างร่างกายเสร็จสรรพ และเดินออกมาจากห้องอาบน้ำส่วนตัวของเหวินหยาง
ร่างเล็กในชุดพร้อมนอนสีขาวสะอาดหยุดยืนอยู่กลางโถงห้อง เหลือบสายตามองบุรุษอีกคน ที่อาภรณ์บนเรือนกายอยู่ในสภาพไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่นัก
ปมเชือกบริเวณเอวถูกแกะออก จนสาบเสื้อคลายออกและแยกจากกัน เผยให้เห็นผิวเนื้อขาวเนียนละเอียด และลอนกล้ามหน้าท้องเป็นมัด จากการฝึกทักษะการต่อสู้อยู่เป็นประจำ
เหวินหยางพร้อมเข้าไปใช้งานอ่างอาบน้ำ ที่ถูกจินหลงแย่งใช้ไปก่อนหน้าเต็มที่ เพราะเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมานี้เขาออกไปทำธุระนอกจวน ซึ่งฝนยังคงตกอยู่อย่างไม่ขาดสาย จึงไม่อาจเลี่ยงความเปียกแฉะที่ต้องเผชิญได้
เสื้อคลุมตัวนอกถูกถอดออกเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงกางเกงและเสื้อซับด้านในสีขาวเท่านั้น มีหยดน้ำฝนเกาะประปรายให้เห็นบนกรอบหน้า เส้นผมดำขลับยาวสยายถึงกลางแผ่นหลังชื้นแฉะ บางส่วนแนบลู่ลงข้างแก้ม ขับส่งให้ดวงหน้าหล่อเหลาดูคมคายน่ามอง
จินหลงไม่กล้ามองสบเหวินหยางเต็มสายตา ยิ่งขณะนี้ร่างสูงขยับกายเดินเข้ามาใกล้มากขึ้น พลันภายในลำคอเกิดอาการแห้งผาก ต้องรีบกลืนน้ำลายเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น
“ไม่สบายใจ? ไม่ทราบว่าท่านเซียนมีเรื่องใดไม่สบายใจกัน?”
มือใหญ่ทั้งสองข้างแหวกสาบเสื้อของตนที่แยกจากกันออกเพื่อเท้าสะเอว มันยิ่งเผยให้เห็นสิ่งที่ทำให้จินหลงเกิดอาการประหม่าเพิ่มมากขึ้น
จังหวะกล้ามเนื้อหนั่นแน่นช่วงอกถึงเอว ที่กระเพื่อมขึ้นลงตามแรงพูดและหายใจ ส่งผลให้เลือดลมในกายเล็กสูบฉีด พลันพวงแก้มขาวกระจ่างแดงปลั่งขึ้นดั่งลูกตำลึงสุก ต้องรีบหมุนกายหันหนีสิ่งเร้าความรู้สึกตรงหน้า
แม้จะอยู่ร่วมห้องกับเหวินหยางมาร่วมสัปดาห์ได้แล้วก็จริง ทว่าในแต่ละวันที่ผ่านมามันไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้ปรากฏ ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่เขาหรืออีกฝ่าย จะปล่อยให้ร่างกายตนเองอยู่ในสภาพไม่เรียบร้อยเช่นนี้
ก็พอเข้าใจได้ว่านี่เป็นห้องพักส่วนตัวของเหวินหยาง แต่ในเมื่อออกคำสั่งให้จินหลงมาอาศัยอยู่ร่วมด้วย มันควรต้องรักษาความสุภาพไว้เสียหน่อยไหม
“การกระทำของท่าน…”
จินหลงอ้อมแอ้มตอบจนเสียงที่เปล่งออกมาแผ่วเบา ทว่าเหวินหยางก็พอได้ยินมันชัดเจนอยู่
“ข้าทำสิ่งใดให้ท่านไม่สบายใจ?”
“ท่านไม่ควรปล่อยให้ร่างกายอยู่ในสภาพกึ่งเปลือย แล้วเดินไปมาในห้องเช่นนี้ อย่าลืมสิว่าห้องนี้ไม่ได้มีแค่ท่านที่อาศัยอยู่”
นิ้วเล็กยกขึ้นชี้ไล่ระดับร่างกายเหวินหยางขึ้นลง ก่อนรีบเบือนหน้าหนีอีกครั้ง เพราะความรู้สึกประหม่าทวีการโจมตีสูงขึ้น เมื่อหันกลับไปมองร่างกายล่ำสันเต็มๆ ตา
“ก็พอเข้าใจเหตุผลได้นะ แต่ข้ารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เหตุใดท่านเซียนต้องทำท่าทางเหนียมอายราวกับสตรีเช่นนี้? ทั้งๆ ที่พวกเราเป็นบุรุษทั้งคู่”
เหวินหยางมองจินหลงออกอย่างทะลุปรุโปร่ง ก็ท่าทางของเขาชัดเจนขนาดนี้ว่ากำลังเขินอาย ใบหน้าแดงปลั่ง สายตาเลิ่กลั่กไม่กล้ามองสบ ไหนจะอาการประหม่าลุกลี้ลุกลนมือไม้อยู่ไม่สุขนั่นอีก แค่เห็นเรือนร่างของมนุษย์เพศเดียวกัน มันจำเป็นต้องออกอาการขนาดนี้เลยงั้นหรือ
ใช่ว่าเหวินหยางไม่รู้จักกาลเทศะปล่อยตัวตามความเคยชิน เดินแก้ผ้าในห้องพักส่วนตัวของตนเหมือนปกติก่อนหน้าเสียเมื่อไหร่ แต่เพราะเสื้อผ้าเขาเปียกชื้น หากสวมใส่ไว้นานๆ เกรงว่าจะไม่สบายเอาได้ จึงแก้ออกเพื่อเปิดระบายความอับชื้นภายในเพียงเท่านั้น
หากจินหลงเป็นเพศตรงข้าม แน่นอนว่าเหวินหยางย่อมไม่กล้าแม้แต่คิดจะกระทำ แต่เป็นเพราะต่างฝ่ายต่างก็เป็นบุรุษเหมือนกัน เขาจึงไม่ได้ใส่ใจในเรื่องนี้เท่าไหร่นัก
“เอ่อ… ถึงเราจะเป็นผู้ชาย เอ๊ย! บุรุษเหมือนกัน แต่ท่านเจ้าเมืองก็ควรให้เกียรติข้าเสียหน่อยนะ ไม่เช่นนั้นเราสมควรแยกห้องกันอยู่ ท่านจะได้ทำอะไรตามอำเภอใจได้”
อาการประหม่าเขินอาย ทำให้จินหลงควบคุมความคิดหรือคำพูดของตนได้ไม่ดีนัก เขารีบพูดจนเกิดการตะกุกตะกัก และเมื่อกล่าวจบจึงเดินหนีไปล้มตัวนอนบนเตียงของตน ซึ่งถูกนำมาตั้งเพิ่มไว้อยู่อีกฝั่งหนึ่งของห้องพัก หันหลังให้เหวินหยางเพราะไม่อยากเห็นภาพสยิวนั้นอีก
ถึงจะเป็นบุรุษเหมือนกันดั่งที่เหวินหยางกล่าว แต่ไม่ได้หมายความว่าทั้งคู่จะมีทุกอย่างคล้ายกันเสียเมื่อไหร่
จินหลงร่างกายบอบบางราวกับสตรี เพราะไม่โปรดปรานการออกกำลังกาย ไม่ได้ชื่นชอบการเพาะกล้ามเนื้อ ขณะที่อีกฝ่ายกล้ามเป็นกล้าม ลอนเป็นลอน ร่างกายแข็งแรงล่ำสันมีความเป็นบุรุษอย่างแท้จริง แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
แถมจินหลงเป็นลูกคนเดียวไม่มีพี่น้อง อีกทั้งไม่เคยมีเพื่อนมาตั้งแต่เด็ก คลุกคลีอยู่กับคุณปู่ที่สภาพร่างกายก็ไม่ได้แข็งแรงเท่าไหร่นัก ไม่มีโอกาสได้ถอดเสื้อผ้าอวดมัดกล้ามเนื้อกับใคร มันจึงทำให้แม้จะเป็นเพศเดียวกันก็จริงแต่จินหลงไม่ได้รู้สึกคุ้นชินด้วย
และขณะที่เหวินหยางกำลังยืนทำสีหน้าไม่เข้าใจเพื่อนร่วมห้องของตนอยู่ ก็ได้มีใครบางคนเดินมาเคาะประตูห้อง พร้อมส่งเสียงเรียกดังสนั่น
ปึง! ปึง! ปึง!
“ท่านเจ้าเมือง! เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้วขอรับ!!”
เหวินหยางละความสนใจจากจินหลงเดินไปเปิดประตูให้ผู้มาเยือน เขาคือเด็กรับใช้คนสนิท ซึ่งกำลังยืนตัวเปียกซกอยู่ด้านหน้าห้อง ท่าทางร้อนรนคล้ายมีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจอย่างหนัก
“มีเรื่องใด?”
เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของอีกฝ่าย เหวินหยางก็รู้สึกได้ถึงลางที่ไม่ค่อยดี จึงรีบเอ่ยปากถามทันทีด้วยความอยากรู้
“ฝนตกหนักติดต่อกันไม่ยอมหยุด จนตอนนี้น้ำบนภูเขาเกิดการทะลักเข้าท่วมหมู่บ้าน”
“…!”
“ระลอกแรกยังสร้างความเสียหายไม่เท่าไหร่ แต่ดูท่าแล้วหากฝนยังคงตกอยู่อย่างนี้ต่อไป มวลน้ำลูกที่สองมีโอกาสพัดหมู่บ้านจมลงใต้กระแสน้ำแน่นอน”
“...!!”
โดยไม่ได้นัดหมาย สายตาเด็กรับใช้คนสนิทของเหวินหยางและตัวเขาเอง พลันหันไปมองจินหลงที่ขยับกายลุกขึ้นนั่ง และกำลังมองสบสายตากับทั้งคู่เข้าพอดี
“พวกท่าน… เหตุใดจึงมองข้าด้วยสายตาดุดันเช่นนั้นกัน?”
