2 เด็กหนุ่มปริศนา
2
เด็กหนุ่มปริศนา
เพราะนิสัยดื้อรั้นและมีความคิดเป็นของตัวเอง อีกทั้งตนเองยังเป็นบุคคลซึ่งมีอำนาจสูงสุดในเมืองจุนเฟิง ทำให้ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่ง แม้สิ่งที่เหวินหยางประสงค์จะทำจะขัดอกขัดใจพวกเขาก็ตาม
สุดท้ายแล้วโต๊ะบวงสรวงก็ถูกตั้งขึ้นในวันต่อมา ทว่าเป้าหมายไม่ได้จัดขึ้นให้กับสวรรค์ ในครั้งนี้เป็นของเทพเจ้ามังกร ผู้ถูกมนุษย์มากมายชิงชังรังเกียจต่างหาก
ผลไม้ห้าชนิดและขนมมงคลต่างๆ นำมาจัดใส่ถาดวางเรียงอย่างเป็นระเบียบสวยงาม น้ำชาและน้ำสะอาดถูกรินใส่ถ้วยจนเต็มปริบ วางไว้บนโต๊ะจำนวนอย่างละห้าถ้วย
ดอกไม้สีสันสวยงามประดับประดารอบโต๊ะ พวงมาลัยดอกไม้สดส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ ธูปหอมจำนวนเก้าดอกคือสิ่งสำคัญซึ่งขาดไม่ได้
เมื่อของพร้อมผู้คนพร้อมและถึงเวลาอันสมควร พิธีบวงสรวงจึงได้เริ่มต้นขึ้น
เหวินหยางเดินเข้าประจำตำแหน่งของตนตรงหน้าโต๊ะ รับธูปหอมซึ่งถูกจุดมาถือไว้ ยกมือขึ้นระหว่างหน้าอก พร้อมเงยหน้ามองท้องฟ้าสีคราม ก่อนเปล่งเสียงกล่าวคำขอขมาดังกึกก้อง
“ข้า! เหวินหยาง เจ้าเมืองจุนเฟิง และเหล่าประชาชน”
“…”
“ในวันนี้พวกข้าได้จัดพิธีขอขมาต่อท่านเทพเจ้ามังกร เรื่องใดที่เคยล่วงเกินลบหลู่ ด้วยวาจา การกระทำ หรือกระทั่งความคิด ทั้งเจตนาก็ดีไม่เจตนาก็ดี ได้โปรดให้อภัยความโง่เขลาของพวกเราด้วย”
หลังกล่าวจบเหวินหยางจึงเหลือบสายตามองรอบกาย ภายในใจหวังลึกๆ ว่าจะมีบางสิ่งเกิดขึ้น ปาฏิหาริย์สักอย่างแม้เพียงเล็กน้อย ได้โปรดปรากฏขึ้นให้รู้สึกมีความหวังเสียหน่อยเถอะ
ทว่าแม้แต่กระแสลมกลับยังคงนิ่งสนิท มีเพียงเสียงซุบซิบนินทา จากบุคคลที่มาเข้าร่วมงานพิธีในครั้งนี้เพียงเท่านั้น แต่นั่นไม่ได้ทำให้เหวินหยางหมดหวังและล้มเลิกความตั้งใจ
เขาบูชาฟ้าบูชาสวรรค์มานับครั้งไม่ถ้วน และทุกคราก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า เหตุใดการจัดพิธีขอขมาเทพเจ้ามังกรเพียงครั้งเดียว แล้วไม่ได้เป็นอย่างที่หวัง จะทำให้คนอย่างเขาเกิดความท้อแท้เล่า
ดวงตาคมกริบดั่งเหยี่ยวหลับลง พยายามไม่สนใจคำพูดบั่นทอนความรู้สึกที่ดังแทรกเข้ามาในโสตประสาท ตั้งจิตภาวนาขอขมาต่ออย่างแน่วแน่จริงใจ
การที่พิธีบวงสรวงในครั้งนี้ถูกจัดขึ้น เป็นเพราะเหวินหยางตั้งใจจะขอขมาเทพเจ้ามังกรจริงๆ บางทีเรื่องเลวร้ายที่ทุกคนกำลังประสบพบเจออยู่ อาจเป็นเพราะทำเรื่องไม่ดีจนเทพเจ้ามังกรโกรธเคืองก็เป็นไปได้
ไม่มีใครรู้ถึงสาเหตุที่ฝนไม่ตก เพราะก่อนหน้านั้นก็ไม่ได้มีลางบอกเหตุใดๆ แจ้งให้ทราบล่วงหน้า มันเกิดขึ้นโดยที่พวกเขาไม่ทันได้ตั้งตัว มารู้อีกทีก็ตอนที่ปัญหามันเริ่มเด่นชัดจนแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว
อีกอย่าง...เหตุใดทะเลสาบที่เทพเจ้ามังกรอาศัยอยู่ จึงเป็นสถานที่เดียวซึ่งมีน้ำเต็มอยู่ตลอดเวลา ขณะพื้นที่โดยรอบแห้งแล้งดั่งทะเลทราย มันอาจเกี่ยวข้องกับเทพเจ้ามังกรจริงๆ ก็ได้ มนุษย์อาจทำบางสิ่งให้เขาไม่พอใจเข้าโดยไม่ตั้งใจ
“ท่านเจ้าเมือง ข้าว่าท่านหยุดทำพิธีบวงสรวงเถิด แค่นี้ก็เห็นได้ชัดแล้วว่าที่ทำกันลงไปมันไร้ประโยชน์”
เสียงหนึ่งดังขึ้นขัดความตั้งใจของเหวินหยาง เกิดความวอกแวกไปชั่วขณะ ทว่าเขากลับดึงความสนใจของตน กลับมาที่การตั้งจิตขอขมาอีกครั้ง ก่อนเสียงที่สองจะดังสมทบคนแรก และสามสี่ห้าตามมาติดๆ
“พวกข้าว่ากลับไปบูชาสวรรค์เหมือนเดิมยังดูเป็นไปได้มากกว่าอีก จะเสียเวลาทำต่อไปเพื่ออันใดกัน?”
“เสียเวลาจริงๆ”
“ไม่ควรคิดจะทำตั้งแต่แรกแล้ว คิดได้ไงขอขมาปีศาจมังกร?”
“นั่นน่ะสิ เทพเจ้าที่จิตใจคับแคบทอดทิ้งมนุษย์ ก็เป็นได้แค่ปีศาจเท่านั้นแหละ”
หลากเสียงหลากความคิดเห็น ทว่าเป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือไม่เห็นด้วยที่เหวินหยางทำเช่นนี้ แต่คนเป็นเจ้าเมืองจะล้มเลิกความตั้งใจ เพียงเพราะคำดูถูกเหยียดหยามได้เยี่ยงไร
ไม่ใช่ว่าเขาทำอะไรตามใจตนส่งเดช ก่อนตัดสินใจออกคำสั่งและลงมือปฏิบัติได้ เหวินหยางทบทวนตรึกตรองมาเป็นอย่างดี และเขาก็มั่นใจมากว่าสิ่งที่ทำในวันนี้ มันมีโอกาสประสบผลสำเร็จมากกว่าที่ผ่านๆ มา
แม้จะเป็นความหวังลมๆ แล้งๆ แต่เมื่อคนเรารู้สึกมีหวัง มันย่อมมีโอกาสก่อให้เกิดความสำเร็จเช่นกัน และตอนนี้เหวินหยางก็มีความหวังอันแรงกล้า ว่าจะสามารถช่วยประชาชนทุกคน ไม่ใช่แค่ในเมืองจุนเฟิง แต่เป็นทั้งหมดในแผ่นดินต้าหวงให้หลุดพ้นจากความแห้งแล้ง
‘ได้โปรดเถิดท่านเทพเจ้ามังกร ข้าวอนขอให้ท่านเมตตาสงสารมนุษย์โลกผู้โง่เขลาเช่นพวกข้าด้วย ได้โปรดประทานฝนให้โปรยปรายสู่ผืนแผ่นดินที่แสนแห้งแล้งนี้’
เหวินหยางตั้งจิตอธิษฐานด้วยความหวังทั้งหมดที่ตนมีภายในใจ แต่แทนที่ครั้งนี้มันจะเงียบสงบดั่งคราแรก กลับเกิดปรากฏการณ์แปลกประหลาดขึ้น
ท้องฟ้าที่เคยสดใสไร้ก้อนเมฆ บัดนี้ดำทะมึนมืดครึ้มอึมครึม จนแสงสว่างจากดวงอาทิตย์มิอาจสาดส่องทะลุลงมาสู่พื้นดินด้านล่าง กระแสลมที่ตอนแรกนิ่งสนิท กลับพัดโหมกระหน่ำจนต้นไม้โยกไหวสั่นคลอน
ใบหญ้าแนบลู่ไปกับพื้นตามความแรงของสายลม ข้าวของต่างๆ บนโต๊ะบวงสรวงปลิวหล่นกระจัดกระจาย เกิดกระแสฟ้าแลบแปลบปลาบส่งเสียงดังกึกก้องไปทั่วท้องฟ้า ราวกับว่ากำลังจะเกิดพายุใหญ่ในไม่ช้านี้
ผู้คนต่างแตกตื่นหวาดกลัวพากันวิ่งหาที่หลบให้วุ่น เหลือเพียงเหวินหยางซึ่งยังคงยืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะพิธีบวงสรวง ที่บัดนี้เหลือเพียงถาดผลไม้ไม่กี่อันตั้งอยู่ เพราะที่เหลือถูกลมพัดร่วงหล่นไปจนหมด
“เป็นเพราะเจ้าเมืองบูชาปีศาจมังกรแน่ๆ สวรรค์ถึงไม่พอใจจึงเกิดเหตุอาเพศเยี่ยงนี้”
“ท่านกำลังจะทำให้พวกเราเดือดร้อน”
เหวินหยางถูกพูดจาว่าร้ายใส่ ทั้งๆ ที่สิ่งที่เขาทำล้วนปรารถนาดีต่อทุกคนทั้งสิ้น สายตาไม่พอใจมากมายทอดมองมายังเขา ราวกับเป็นตัวนำพาความโชคร้าย
แต่ขณะที่กำลังรู้สึกแย่กับสิ่งพวกนั้น กลับเกิดปรากฏการณ์ฟ้าผ่าลงมายังลานพิธี ฝุ่นควันฟุ้งกระจายตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ จนมองอะไรแทบไม่เห็น
ไม่นานท้องฟ้ามืดครึ้ม ก็เริ่มปล่อยสายฝนให้หลั่งไหลลงสู่พื้นดินช้าๆ เสียงต่อว่าต่อขานแปรเปลี่ยนเป็นโห่ร้องด้วยความยินดีปรีดา ที่ได้กลับมาพานพบกับน้ำฝนในรอบห้าปี
หยดน้ำค่อยๆ ชำระล้างฝุ่นควัน ซึ่งลอยคละคลุ้งอยู่ในอากาศออก จนในที่สุดก็ปรากฏบางสิ่งน่าเหลือเชื่อตรงจุดซึ่งถูกฟ้าผ่าลงมา
เด็กหนุ่มตัวเล็กหน้าตาจิ้มลิ้มกำลังยืนทำหน้าเหลอหลา คล้ายงุนงงสับสนบางอย่างอยู่ เขากวาดสายตามองผู้คนรอบกาย ด้วยแววตาซึ่งเต็มไปด้วยความสงสัย ไม่นานจึงมาหยุดอยู่ที่เหวินหยางซึ่งยืนอยู่ใกล้เขามากที่สุด
ทั้งคู่สบตากันนิ่งราวกับกำลังรอคอยให้อีกฝ่ายเปิดบทสนทนา ทว่ากลับมีเพียงแต่ความเงียบงันเท่านั้น ก่อนเด็กหนุ่มผู้นั้นจะก้มลงสำรวจร่างกายตนเอง และแสดงความประหลาดใจบนสีหน้า
เขาวิ่งมายังโต๊ะพิธีบวงสรวงด้วยท่าทางตื่นตระหนก หยิบถาดผลไม้เทสิ่งที่อยู่ด้านในทิ้ง ยกขึ้นส่องดูรูปลักษณ์ตัวเองอยู่ชั่วครู่ ไม่นานจึงผ่อนลมหายใจยาวพรืดออกมาคล้ายรู้สึกโล่งใจ
เหวินหยางยืนมองการกระทำนั้นอยู่เงียบๆ ด้วยความสงสัย จนในที่สุดก็ออกปากถามสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจ ซึ่งแน่นอนว่าผู้คนในบริเวณนั้น ก็คงอยากรู้ไม่ต่างกันกับเขาอย่างแน่นอน
“เจ้าเป็นใคร?”
