บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 7 คนอาภัพ/1

“แกไปเอาเงินเยอะแยะขนาดนี้มาจากไหน!” กอไผ่ บุญหนา จ้องหน้าหลานสาวด้วยความสีหน้าถมึงทึงดังเก่า สองมือหยาบกร้านนับเงินแบงก์สีเทารอบแล้วรอบเล่าแบบแทบไม่เชื่อสายตา

“น้าเอาเงินนี่ไปจ่ายมันซะ มันจะได้ไม่ต้องมาหาข้ออ้างมาเอาตัวหนูไปอีก” น้ำเสียงแข็ง ระคนเจ็บปวดของ ฟางข้าว ทำเอาแววตาเกรี้ยวกราดอยู่เป็นนิจ สะดุดเล็กน้อย

“แกค้ายาเหรอ!”

“ทำไม น้ากลัวว่าหนูจะแย่งลูกค้าน้าเหรอ”

“อีฟาง!” มือที่เงื้อขึ้นคล้ายจะตบ ค้างอยู่อย่างนั้นเมื่อแววตากล้าแกร่งไม่มีอ่อนผ่อนให้

“กูจะส่งมึงไปสุขสบายดีๆ มึงไม่ชอบงั้นสิ ถึงได้เลือกทำอะไรต่ำๆ น่ะ!” ฟางข้าวยิ้มหยัน หัวเราะร่วนในลำคอเล็กน้อย

“นึกว่าน้าจะรู้จักคำว่าสูงหรือต่ำ เฉพาะในวงไฮโลเสียอีก”

“อีฟาง!”

เพี๊ยะ! แก้มเนียนใสเป็นรอยแดงปื้นฉับพลัน กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งในปาก หากแต่คนที่ไม่เคยโดนกระทำแบบนี้มานานแสนนาน

ไม่ได้สะทกสะท้านแม้แต่น้อย

“หนูไปล่ะ” แล้วร่างระหงในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนสีซีด ก็เดินออกจากห้องทำงานลับๆ ของน้าสาวไป

ความเจ็บช้ำในวันวานกลับมาย้ำเตือนให้หล่อนได้รับรู้ว่า หล่อนเข้าใจผิดมาตลอดว่าตัวเองก้าวข้ามมันมาได้แล้ว สิ่งที่พยายามมาตลอดสำเร็จลุล่วงแล้ว

ฟางข้าวพยายามตั้งใจเรียน สอบได้ที่หนึ่งมาตลอด เรียนจบบริหารสาขาการเงินด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เป็นนักเรียนทุนมาทั้งชีวิต

ด้วยความหวังที่ว่า...การศึกษาจะทำให้ชีวิตตัวเองดีขึ้น ดีขึ้นและดีขึ้น

ความหวังมันเริ่มค่อยๆ สุกไสวก็ในวันที่เจ้าหล่อนสอบติดมหาวิทยาลัย น้าสาวเริ่มหยุดทุบตี แม้จะยังพูดจาไม่ดีด้วยดังเก่า

น้าเขยผู้เหมือนไม่เคยชอบขี้หน้า ก็พยายามหาเรื่องมาให้เธอได้ไปใช้ชีวิตในทางเสื่อมเสีย ฟางข้าวหนีหัวซุกหัวซุนเอาตัวรอดมาได้ตลอด

ตั้งแต่ที่หล่อนเรียนจบปริญญาตรีมา สอบทำงานที่ธนาคารสาขาใหญ่ของจังหวัดได้ ก็เหมือนได้มีชีวิตใหม่อย่างที่ฝันเอาไว้จริงๆ

แต่มันกลับไม่ได้จริงดังนั้น...

“น้าแกนี่แม่งโหดเหมือนเดิมเลยว่ะ ตบมาได้เลือดกบปาก” นารี ไซเดน ว่าอย่างรู้สึกขยาดในขณะที่ใช้ผ้าเย็นประคบแผลข้างแก้มที่เริ่มบวมเปล่งขึ้นมาของเพื่อน

“ห้าหมื่นก็เหมือนแค่ต่อลมหายใจ อีกเดี๋ยวน้าเด่นมันก็หาเรื่องเป็นหนี้ ให้ฉันตกไปเป็นของไอ้เสี่ยพวงอีกจนได้” ว่าอย่างรู้ชะตากรรมตัวเอง

ชีวิตของเธอต้องมาพังอีกครั้ง เพราะความตัณหากลับของพวกผู้ชาย

“ไอ้เสี่ยพวงนี่มันก็กัดไม่ปล่อยเลยเนอะ ผู้หญิงมีตั้งค่อนโลก มันจะมาอยากได้อะไรแกนักหนาวะ”

นั่นสิ ผู้หญิงมีตั้งค่อนโลก

“แล้วสัมภาษณ์เป็นไงอ่ะ มีวี่แววว่าจะได้บ้างป่ะ” คำถามนี้ทำเอาแววตาเศร้าหมองสว่างวาบขึ้นมา ความรู้สึกน่าละอายที่เกิดขึ้นในค่ำคืนนั้น ยังวนเวียนอยู่ในทุกอณูเนื้อ

หากแต่พอมีเรื่องวุ่นวายให้ขบคิด ก็ลืมไปได้ แต่พอมีใครมากระตุ้นเข้าก็พากันเต้นเร่า เต้าตื่นขึ้นมา

“ไม่รู้สิ เจ้โสบอกว่าอีกสองอาทิตย์ถึงจะติดต่อมาน่ะ” หล่อนเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่า อยากจะผ่านหรือไม่ผ่านดี ไม่ว่าจะทางไหน ก็ล้วนแต่เป็นหุบเหวลึกมันทุกทางนั่นแหละ

หญิงสาวที่ย้อมผมจนเป็นสีทอง อยู่ในชุดเดรสตัวยาวถึงเท้าตัวโคร่ง ตามสไตล์คนอยู่บ้านเฉยๆ ไม่ต้องทำงานทำการอะไร พยักหน้าเชิงขบคิดตาม

“คิดแผนสำรองเอาไว้บ้างยังวะ ถ้าไม่ได้จะเอาไงต่อ” ฟางข้าวนิ่งคิดไปนานพอสมควร ก่อนจะถอนหายใจออกมาช้าๆ

“ฉันพอจะมีเงินเก็บอยู่นิดหน่อย ว่าจะหาอะไรทำเงียบๆ แล้วก็ถ้าไม่ได้แหล่งเงินทุนที่ให้ความปลอดภัยได้ ก็คงจะต้องหาใหม่ เอาคนที่ไอ้เสี่ยพวงมันไม่กล้าไปยุ่งเกี่ยวอ่ะ” ท่าทีแข็งกร้าวแต่นัยน์ตาแอบเศร้าของเพื่อนรัก ทำเอานารีเห็นอกเห็นใจ

ชีวิตสาวธนาคารผู้สวยหรู ต้องมาตกต่ำเพราะตัณหาราคะของผู้มีอิทธิพลใหญ่

เสี่ยพวงเจ้าของโรงเหล้าขนาดใหญ่ในตัวจังหวัด ครอบครองการค้าผิดกฎหมายหลายอย่าง แต่กฎหมายก็เอาผิดไม่ได้

เขาบีบฟางข้าวทุกทางเพื่อให้หล่อนตกไปเป็นเด็กในปกครองของตน

เด่นชัย บุญหนา เป็นลูกไล่ของเสี่ยพวงและหวังอยากจะสบายขายหลานสาวกิน ก็เลยวางแผนจะส่งหล่อนให้กับเสี่ยใหญ่ตั้งแต่ยังเรียนมหาวิทยาลัยไม่จบ

หล่อนเอาตัวรอดมาได้หลายต่อหลายครั้ง จนหนนี้หากมัวแต่หนีก็คงต้องหนีไปตลอดชีวิต

เสี่ยพวงสร้างเรื่องให้หล่อนกลายเป็นผู้ทุจริต ติดแบล็กลิสต์ทำงานที่ไหนอีกไม่ได้ เพราะคิดว่าถ้าหล่อนหมดช่องทางทำมาหากิน ก็คงจะเซซัดกลับไปซบพุงตัวเองเป็นแน่

มันรู้จักคนอย่างฉันน้อยเกินไป

“ในจังหวัดเราเนี่ย ใครกันที่จะไปใหญ่เกินหน้าเกินตาเสี่ยพวงได้ ฉันว่าแด๊ดคงจะเป็นทางเดียวของแกแล้วจริงๆ ว่ะ” หยิบไวน์องุ่นที่สามีซื้อมาฝากเมื่อต้นเดือน รินใส่แก้วเพื่อกระดก กลางวันแสกๆ

“ถ้าจะหนีออกนอกจังหวัดฉันก็ดันห่วงยาย” ร่างเหนื่อยอ่อนทิ้งตัวลงไปบนโซฟา อย่างไม่รู้ว่าจะหาทางออกให้เรื่องนี้ยังไงดี

“ฉันเข้าใจ มีอะไรบอกฉันได้นะเว้ย ฉันยินดีช่วยเหลือ” อย่างที่เคยช่วยเสมอมา จนหล่อนต้องส่ายหน้า

“หนี้เก่าแก ฉันยังไม่เคยใช้เลยนะ” หนี้ที่หล่อนไม่เคยก่อนั่นแหละ เยอะแยะนัก

มือเรียวบางสีเข้มวางมาบนไหล่เล็ก ตบเบาๆ เชิงปลอบ

“เอางี้มะ แกคิดจะลงทุนอะไร เดี๋ยวฉันขอเป็นหุ้นส่วนด้วย”

“ไม่เอา ฉันไม่อยากจะมาแบกรับเงินของแกไปด้วย” นารีส่ายหน้า รู้ว่าเพื่อนคนนี้รักศักดิ์ศรีของตนยิ่งสิ่งใด แถมยังขี้เกรงใจเป็นที่สุด

“รอให้ฉันทำมันได้ดีก่อน น่าจะรอดก่อน แล้วพอจะตั้งร้านแกค่อยมาลงหุ้น ดีมะ” นารีทำสีหน้าเซ็งใส่

“เออก็ได้ แต่ไม่ว่าจะยังไง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แกห้ามถอดใจยอมตกเป็นของไอ้เสี่ยพุงพลุ้ยนั่นนะเว้ย” ฟางข้าวรับปากเชิงให้สัญญา

แต่แล้วก็มีเสียงเรียกเข้าดังขึ้นมาขัดสองสาวเสียก่อน
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel