Chapter 9
@บ้านตระกูลพยัคญาดา
ร่างสูงเอนกายลงบนเก้าอี้ไม้ ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนบริเวณสวนหย่อมหลังบ้าน เขายกแขนข้างหนึ่งใช้หนุนหัวตัวเอง ส่วนมืออีกข้างใช้นิ้วคีบบุหรี่อัดสูบควันเข้าปอด แล้วพ่นควันสีขาวออกจากปาก จนคละคลุ้งทั่วบริเวณ ก่อนหน้านี้เขาพยายามที่จะลดบุหรี่ แต่ตอนนี้คิดว่าคงไม่จำเป็น
ความสัมพันธ์ของเขาและเธอที่ผ่านมา ถึงจะอยู่ในสถานะเพื่อน แต่มันรู้สึกดีมากๆ ชนิดที่ว่าถ้าเปลี่ยนสถานะมาเป็นแฟนมันจะดีไม่น้อย แต่มันกลับไม่เป็นอย่างที่เขาคิด เพราะสุดท้ายแล้ว...
‘เขาคิดไปเองคนเดียว’
กึก!
“มีอะไร!?” เสียงเข้มเอ่ยถามอย่างไม่สบอารมณ์ เมื่อเท้าหนักของใครบางคนเหยียบกิ่งไม้กระทบพื้นและเดินมาทางเขา
เฉิน ลูกน้องคนสนิทพ่วงด้วยตำแหน่งเลขาค้อมหัวให้ผู้เป็นเจ้านายเล็กน้อย “คุณเอวาฝากของมาให้นายครับ”
“มันคืออะไรวะ?” ไรเฟิลรับห่วงวงกลม ข้างในทอถักเป็นตาข่าย ด้านล่างประดับประดาร้อยเรียงด้วยขนนกและลูกปัดหลากหลายสี
“ตาข่ายดักฝันครับนาย” เฉินตอบผู้เป็นเจ้านาย เพราะเขาสอบถามข้อมูลมาแล้ว ตอนแรกเขาก็งงเหมือนกับเจ้านายของเขานั่นแหละ
“ตาข่ายดักฝันงั้นเหรอ?” ไรเฟิลมองสิ่งประดิษฐ์ที่อยู่ในมืออย่างพิจารณา เขาดูแล้วมันเหมือนเครื่องรางอะไรบางอย่าง
“เชื่อกันว่า...ถ้าเอาตาข่ายดักฝันไว้บนหัวนอน มันจะช่วยดักจับความฝันของเด็กๆ จากฝันร้ายกลายเป็นดีครับนาย”
“กูไม่ใช่เด็ก!!”
‘ระเบิดลงแล้วไอ้เฉินเอ๊ย! อารมณ์เสียมาจากไหนวะเนี่ย แม่ง...อุตส่าห์หาข้อมูลมาตอบอย่างดี คุณณิชาคร้าบ ช่วยผมด้วยครับ’เฉินเรียกหาตัวช่วยในใจ
“งั้นมึงเอาไปเก็บไว้ในกระเป๋าเดินทางของกูละกัน ดูแล้วมันก็สวยดี” ไรเฟิลยื่นตาข่ายดักฝันให้เฉินลูกน้องของเขา “แล้วคุณยายอาการเป็นยังไงบ้าง”
“อาการยังทรงๆ ครับนาย”
ไรเฟิลถอนหายใจยาวอย่างรู้สึกผิด ก่อนจะเอ่ยถามต่อ “แล้วเด็กเอวานั่นล่ะ”
“ตอนนี้ใกล้สอบไฟนอลแล้วครับ”
“ในระหว่างที่มึงไปช่วยงานกูที่ญี่ปุ่น กำชับให้ไอ้หินดูแลเธอกับคุณยายให้ดี”
“ครับนาย”
“งั้น...มึงไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้จะต้องเดินทางแต่เช้า” ไรเฟิลยกมือไล่ให้เฉินไปพักผ่อน
“พรุ่งนี้คุณณิชาไปส่งนายที่สนามบินไหมครับ”
“แล้วมึงเสือกอะไรด้วยไอ้เฉิน!?” ไรเฟิลถามกลับเสียงแข็งอย่างไม่สบอารมณ์กับความขี้เสือกของลูกน้องคนสนิท
“ก็ผมเห็นเจ้านายกับคุณณิชาตัวติดกันตลอด ก็คิดว่าเจ้านายอ้อนให้คุณณิชาไปส่ง”
“แล้วทำไมกูต้องอ้อนเธอ?”
“ครับๆ ไม่อ้อนก็ไม่อ้อน งั้นผมขอตัวนะครับ หาวววว...ตาจะปิดแล้ว ง่วงนอนฉิบหาย” เฉินสะบัดหัวไปมาด้วยท่าทางจะหลับกลางอากาศ แล้วรีบเดินออกไปจากตรงนั้น ที่แท้เจ้านายของเขาก็กำลังงอนเพื่อนสุดที่รักอยู่นี่เอง ‘เกือบโดนตีนแล้วไหมล่ะ’
‘ใครส่งอะไรมาอีกวะ” ไรเฟิลหงุดหงิดให้กับลูกน้องขี้เสือก แล้วพาลไปถึงคนที่ส่งข้อความมา มือสากล้วงหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง เขาเห็นข้อความของณิชาเด้งขึ้นมา เขาอ่านข้อความที่เธอส่งมาผ่านหน้าจอ และเก็บมือถือไว้ในกระเป๋ากางเกงตามเดิม โดยไม่ได้ตอบกลับอะไรไป
จากวันเป็นเดือน จวบจนตอนนี้สามเดือนเข้าไปแล้ว เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก แต่คนที่พึ่งรู้ใจตัวเอง ในแต่ละวันมันช่างยาวนานเหลือเกิน
หลังจากที่ไรเฟิลไปดูแลงานที่ญี่ปุ่น เธอส่งข้อความไปหาเขา เขาไม่แม้แต่จะเปิดอ่านข้อความของเธอ และไม่มีการติดต่อกลับมา
ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมา เธอมักจะคิดว่าเป็นเพราะความใกล้ชิดกันมากเกินไป ทำให้บางครั้งเธอแอบสับสนในใจและหวั่นไหวกับเขา แต่เธอมักย้ำเตือนตัวเองเสมอว่าเขาเป็นแค่เพื่อน
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เมื่อสามเดือนก่อน เธอจะตอบตกลงเป็นแฟนกับเขาแบบไม่ลังเลใจ เธอจะกอดเขาไว้แน่นๆ ไม่ให้เขาหายเงียบไปแบบนี้
การมีเขาอยู่ใกล้ๆ การมีเขาคอยอยู่เคียงข้าง มันรู้สึกดีมากๆ เลยนะ แต่การไม่มีเขาคอยกวน ไม่มีคนคอยถาม ไม่มีคนห้ามนู่นห้ามนี่ ไม่มีคนคอยดุ สำหรับเธอแล้วมันเป็นความรู้สึกแย่และห่อเหี่ยวมากๆ นี่หรือเปล่านะที่ว่ากันว่า ‘ตอนมีไม่รักษา พอเสียไปกลับพึ่งจะรู้สึก’
