Chapter 8
ณิชาเธอสตั๊นไปชั่วขณะ ตอนนี้สมองของเธอขาวโพลนประมวลผลไม่ทันกับคำพูดของเขาเมื่อครู่นี้ ‘ไม่อยากเป็นเพื่อน แล้วอยากเป็น…?’
“ที่ผ่านมาฉันรู้สึกทั้งห่วงและหวงเธอ แต่ฉันก็บอกตัวเองเสมอว่า เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่ม ฉันถึงได้เป็นห่วงเธอมากกว่าใคร แต่นานวันเข้าความรู้สึกห่วงเหล่านั้นมันกลายเป็นหึงหวง ไม่อยากให้เธออยู่ใกล้ผู้ชายคนไหน และยิ่งฉันได้อยู่ใกล้ๆ เห็นเธอยิ้ม เธอเอาใจใส่ฉัน และฉันได้ดูแลเธอ ฉันมีความสุขมาก ฉันเคยคิดจะถอยห่างจากเธอ เมื่อความรู้สึกมันถลำลึกเกินไป แต่ยิ่งถอยห่าง ยิ่งโหยหาและยิ่งอยากอยู่ใกล้มากกว่าเดิม ความรู้สึกเหล่านี้ของฉัน ฉันรู้แล้วนะว่ามันคืออะไร”
“คืออะไร...” ณิชาเอ่ยถามเสียงแผ่วเบาหวิว
“ฉันคิดว่าฉันรักเธอว่ะณิชา” ไรเฟิลหยุดพูดไปแป๊บนึงก่อนที่เขาจะพูดต่อ “ไม่ได้รักแบบเพื่อน แต่ฉันรักเธอแบบที่ผู้ชายคนหนึ่งรักผู้หญิงคนหนึ่งมากๆ แบบคนรัก”
“เฟิล...” ณิชาเรียกไรเฟิลเสียงเบา ตอนนี้เธอรู้สึกสับสน เพราะไม่รู้ว่าความใกล้ชิดระหว่างเขาและเธอมันคืออะไรกันแน่ ‘เธอจะรู้สึกแบบเดียวกันกับเขาหรือเปล่า?’
“เรามาเปลี่ยนสถานะจากเพื่อนเลื่อนเป็นแฟนได้ไหมณิชา” ไรเฟิลเอ่ยถามและมองเธอด้วยสายตาละมุน เขารอลุ้นคำตอบด้วยหัวใจที่เต้นแรง
“ขอเวลาฉันหน่อยได้ไหมเฟิล ฉันไม่รู้ว่าฉันรู้สึกกับนายแบบไหนกันแน่” ณิชาเอ่ยบอกไรเฟิลเสียงสั่น เขาเป็นเพื่อนที่เธอแคร์มากที่สุด แต่สถานะจากเพื่อนขยับความสัมพันธ์มาเป็นแฟน เธอก็ยังให้คำตอบกับเขาไม่ได้ เธอไม่อยากโกหกทั้งเขาและตัวเธอเอง ทั้งที่ยังไม่รู้ใจตัวเองแบบนี้
ไรเฟิลนิ่งไป ก่อนที่เขาจะผละมือออกจากณิชา จนทำให้ใจดวงน้อยใจหล่นวูบ
“โกรธฉันหรือเปล่า”
“ไม่ได้โกรธ ฉันเข้าใจดีว่าความรู้สึกมันบังคับกันไม่ได้หรอก งั้นเธอขึ้นไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ต้องตื่นไปทำงานแต่เช้าอีก”
“งั้นพรุ่งนี้หลังเลิกงาน เราทำอาหารกินกันที่ห้องของฉันดีไหม นายอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม” ณิชาถามไรเฟิลอย่างเอาใจเขา
“พรุ่งนี้ฉันไม่อยู่ที่ไทยแล้ว ฉันต้องไปดูแลงานที่ญี่ปุ่นสักพัก” ไรเฟิลเป็นรองประธานบริษัท RM CAR ธุรกิจยานยนต์ ซึ่ง RM CAR ได้ขยายธุรกิจเปิดสาขาไปยังประเทศญี่ปุ่นเมื่อสามปีที่แล้ว เขาและพี่ชายฝาแฝดรวมถึงคุณพ่อของเขา สลับหมุนเวียนกันไปดูแลธุรกิจที่นั่นเป็นครั้งคราว และครั้งนี้เป็นเขาที่ต้องไปดูแลงานที่นั่นด่วน เพราะมันเกิดปัญหาเกี่ยวกับอะไหล่ปลอมปะปนในขั้นตอนประกอบรถยนต์
“นะ...นายไปนานไหมเฟิล” ณิชาเอ่ยถามเสียงสั่น ใจของเธอวูบหวิวแปลกๆ ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมา เขาไม่เคยห่างเธอไปไหน มองไปทางไหนก็มีเขาอยู่ข้างๆ ตลอด แต่พอเขาบอกจะไป ถึงจะไปดูแลงานก็เถอะ แต่เธอก็ดันรู้สึกจุกอก น้ำตาพานจะไหลออกมา
“ถ้าเคลียร์งานลงตัวได้เร็วก็น่าจะได้กลับมาไว”
“...”
“อย่างอแงล่ะ ถ้าฉันไม่อยู่น่ะ” ไรเฟิลเอามือสากโยกหัวเล็กเบาๆ เมื่อเห็นเธอก้มหน้างุดใบหน้าแดงก่ำ
“ฮึก!”
“ร้องไห้ทำไมเนี่ย หื้ม...” ไรเฟิลดึงณิชาเข้ามากอด เมื่ออยู่ๆ เธอก็ร้องไห้ออกมา
“ไม่รู้ มันร้องของมันเอง ฮึก~”
“อย่าร้อง เดี๋ยวก็ปวดหัวหรอก” ไรเฟิลเอามือลูบแผ่นหลังบางเบาๆ ผ่านไปสักพักหนึ่งร่างบางก็หยุดสะอื้น กระทั่งเธอผล็อยหลับไป จนไรเฟิลต้องเขย่าตัวเบาๆ ปลุกให้เธอตื่น
“อื้อ~ ฉันเผลอหลับไปเหรอ?”
“ขึ้นไปนอนบนห้องไป” ไรเฟิลจับณิชาพิงไปที่เบาะรถ
“เดินทางกี่โมง เดี๋ยวพรุ่งนี้ลาพักร้อนไปส่ง”
“ไม่เป็นไรไม่ต้องไปส่งหรอก ขึ้นไปพักได้แล้วไป เดี๋ยวก็ตื่นไปทำงานไม่ไหวหรอก”
“ขอให้พรุ่งนี้นายเดินทางปลอดภัยนะเฟิล” พูดจบณิชาก็เข้าไปโอบกอดไรเฟิลไว้แน่น
“ดูแลตัวเองดีๆ นะเพื่อนรัก” ไรเฟิลเอ่ยพูดด้วยรอยยิ้ม และจากนั้นณิชาก็ลงจากรถด้วยใจที่วูบโหวง คำว่าเพื่อนรักของเขาครั้งนี้มันจี้ใจดำของเธอเหลือเกิน
เมื่อณิชาทำธุระส่วนตัวเสร็จ ร่างบางก็นอนพลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียง แม้จะพยายามข่มตาให้หลับอย่างไรก็ไม่สามารถหลับได้
“เรามาเปลี่ยนสถานะจากเพื่อนเลื่อนเป็นแฟนได้ไหมณิชา”
คำพูดของเขาวนอยู่ในหัวของเธออยู่แบบนั้น จนหญิงสาวต้องหยิบมือถือไลน์หาคนที่ทำให้เธอนอนไม่หลับ
ณิชา : หลับหรือยัง?
ณิชา : หลับแล้วเหรอ?
ณิชา : ไรเฟิล นายหายไปไหน?
ณิชา : แงๆ หลับแล้วแน่ๆ เลย งั้นหลับฝันดีนะ
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเหมือนคุยไลน์อยู่คนเดียว ทั้งที่ปกติเขามักจะอ่านไลน์และตอบเธอไวเสมอ อีกอย่างถ้าเขาเห็นเธอส่งข้อความรัวๆ แบบนี้ เขาคงต้องรีบโทรมาดุหรือกวนเธอแล้ว แต่ครั้งนี้กลับเงียบกริบไร้การตอบกลับ
