Chapter 7
เมื่อรถหรูเฟอร์รารีขับมาถึงโรงแรมที่สูงที่สุดในประเทศไทย หนุ่มสาวเพื่อนสนิทเดินเคียงคู่กันราวกับคู่รัก ขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนสุดของตึก ซึ่งเป็นห้องอาหารสุดหรูบนดาดฟ้า
ไรเฟิลจองโซน Belcony ซึ่งเป็นมุมส่วนตัว สามารถมองทิวทัศน์กรุงเทพได้แบบสามร้อยหกสิบองศา ในขณะที่หนุ่มสาวเดินตามพนักงานไปโต๊ะอาหารที่จองไว้ ก็มีเสียงเอ่ยเรียกไรเฟิลดังขึ้น เมื่อคนตัวสูงหันไปตามเสียงเรียก เขาก็จับมือณิชาพาเดินไปหาสามคู่รักหวานชื่น โดยมีรันเวย์ แพรดาว บิ๊กบอส สปาย ไอศูรย์ และมัดหมี่นั่งกินข้าวอยู่ด้วยกัน
“หวัดดีครับพี่ใหญ่” ไรเฟิลเอ่ยทักทายพี่ชายของบิ๊กบอส
“พาเพื่อนรักมาฉลองเลื่อนขั้นเป็นแฟนหรือไง?” ไอศูรย์เอ่ยแซวเพื่อนของน้องชายด้วยสีหน้ามีเลศนัย เมื่อเห็นไรเฟิลและณิชาที่พูดนักพูดหนาว่าเป็นเพื่อนกัน แต่เดินจับมือถือแขนกะหนุงกะหนิงมากินข้าวด้วยกันในวันวาเลนไทน์อย่างกับผัวเมีย
“แด๊ดดี้แซวเบาๆ สิคะ” มัดหมี่กระซิบบอกไอศูรย์ เมื่อสามีของเธอพูดแซวเสียงดังจนเกินไป
“เรื่องนี้ก็ต้องถามณิชาแล้วแหละครับพี่ใหญ่” ไรเฟิลโบ้ยให้ณิชาเป็นคนตอบ
“เพื่อนกันค่า แหม...อย่าแซวบ่อยนักสิคะพี่ใหญ่” ณิชาตอบกลับยิ้มๆ เมื่อโดนแซวกลางวงแบบนี้ แต่เธอก็ชินแล้วแหละ เพราะมักโดนแซวแบบนี้อยู่บ่อยๆ
“เฟื่อนหรือเปล่า” บิ๊กบอสเอ่ยขึ้นมาบ้าง แล้วยักคิ้วให้ไรเฟิลกับณิชาด้วยสีหน้ากวนๆ
“ปะป๊าอย่าแซวพี่ณิชาสิ พี่ณิเขินหมดแล้ว” สปายหันไปดุบิ๊กบอสไม่จริงจังนัก ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้ณิชาที่ยืนข้างไรเฟิล
“พี่ณิชาขา พี่ไรเฟิลขา นั่งกินข้าวด้วยกันไหมคะ” แพรดาวเอ่ยชวนไรเฟิลและณิชาให้นั่งกินข้าวที่โต๊ะอาหารด้วยกัน
“เพื่อนรักเขาจองโต๊ะมุมสวีตไว้แล้วหนู” รันเวย์กระซิบบอกแพรดาว แต่ไรเฟิลและณิชาได้ยินเต็มสองหู
“ไปนั่งโต๊ะของเราดีกว่าณิชา ฉันเบื่อคู่รักข้าวใหม่ปลามันโต๊ะนี้ละ” ไรเฟิลยักคิ้วด้วยสีหน้ายียวนให้เพื่อนของเขา ก่อนจะโอบไหล่มนเดินไปที่โซน Belcony ที่เขาจองไว้
“มากี่ครั้งก็รู้สึกดีทุกครั้งเลยเนอะเฟิล” ณิชายิ้มกว้างให้ไรเฟิล เธอสูดอากาศเข้าเต็มปอดอย่างสดชื่นกับบรรยากาศยามค่ำคืน ที่เห็นแสงไฟส่องสว่างระยิบระยับจากตึกสูง และเห็นทัศนียภาพในมุมที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา ถนนคดเคี้ยวที่มีรถวิ่งอย่างตื่นตาตื่นใจ โดยมีแสงไฟสาดสว่างจ้าบนท้องถนน แล้วไหนจะท้องฟ้าสีครามที่ทำให้บรรยากาศโดยรอบดูโรแมนติกเป็นอย่างมาก
“เรามากันกี่ปีแล้ว เธอจำได้ไหม” ไรเฟิลเอามือเท้าคางจ้องมองณิชาด้วยสีหน้ายิ้มๆ
“นายพาฉันมาที่นี่ตั้งแต่เรียนอยู่มหาลัยปีสอง จนถึงตอนนี้ก็ห้าปีแล้ว ฉันจำได้ว่าตอนเราเรียนอยู่ปีสอง ฉันอัปสตอรีเศร้าเหมือนคนอกหักในวันวาเลนไทน์ นายก็โทรมาถามฉันใหญ่เลยว่า ฉันไปแอบมีแฟนตอนไหน ทำไมนายถึงไม่รู้ จำได้ว่าตอนนั้นนายโมโหฉันมาก ฉันก็เลยต้องบอกความจริงกับนายไปว่า คนโสดมักจะอัปสตอรีเศร้าๆ ในวันวาเลนไทน์ แล้วนายก็พาฉันมาที่นี่ในวันนั้น และจากนั้นเราก็มาที่นี่ด้วยกันในวันวาเลนไทน์ทุกปี” ณิชาเล่าไปยิ้มไป เมื่อคิดถึงความทรงจำดีๆ ของเธอและไรเฟิลสมัยเรียนมหาลัย
‘ยิ่งใกล้กันยิ่งหวั่นไหว ยิ่งใกล้กันมากเท่าไรความรู้สึกยิ่งชัดเจน’ ความรู้สึกนี้เป็นความในใจของคนตัวสูงที่เอาแต่จ้องมองเพื่อนสาวคนสนิทของเขา ในวันนี้ความรู้สึกของเขาชัดเจนแล้วว่า ‘เขาไม่อยากเป็นเพื่อนกับเธอแล้ว”
“ณิชา” / “ไรเฟิล” หนุ่มสาวเอ่ยเรียกชื่อของอีกคนพร้อมกัน
“เธอพูดก่อนเลย...” ไรเฟิลเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ถ่ายรูปคู่กันหน่อยสิ” ณิชาส่งมือถือให้ไรเฟิลเป็นคนถือกล้อง จากนั้นเธอก็เอียงตัวไปหาเขา แก้มนิ่มและแก้มสากแนบชิดกัน ก่อนที่ทั้งคู่จะยิ้มหวานให้กล้องและกดชัตเตอร์ถ่ายรูปรัวๆ ด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข
“เฟิล”
“ครับ”
เพียะ!
“โอ๊ยย...ตีฉันทำไมเนี่ย” ไรเฟิลเอ่ยถามด้วยใบหน้าบึ้งตึง เมื่อจู่ๆ ณิชาก็ยกมือตีแขนแกร่งของเขา
“เห็นพูดครับ ก็เลยนึกว่านายผีเข้า”
“กวนตีน”
“อะๆ ไรเฟิลคนเดิมกลับมาละ...” ณิชาหัวเราะคิกคัก เมื่อแกล้งเพื่อนชายคนสนิทได้สำเร็จ
“ตกลงมีอะไรคะคุณชาย” ณิชาเอ่ยถามด้วยสีหน้าล้อเลียน
“เอาไวน์ปะ” ไรเฟิลเอ่ยถามไปเรื่องอื่น ก็ยัยตัวแสบกวนเขา จนเขาหมดความโรแมนติกจะพูดความในใจบางอย่างกับเธอไปแล้ว
“เอาก็ได้” และจากนั้นทั้งคู่ก็จิบไวน์ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศที่โรแมนติกบนดาดฟ้าราวกับคู่รัก
“ขอบคุณสำหรับวันนี้มากๆ นะคะไรเฟิล เพื่อนสุดที่รักของเขา” ณิชาเข้าไปกอดแขนแกร่งอย่างออดอ้อนเอาใจ เมื่อไรเฟิลขับรถมาส่งเธอที่คอนโดหลังจากดื่มด่ำบรรยากาศที่ร้านอาหารสุดหรูอย่างอิ่มอกอิ่มใจ
“ฉันไม่อยากเป็นแค่เพื่อนของเธออีกแล้วณิชา” ไรเฟิลหันไปมองณิชาด้วยสายตาเป็นประกาย เขาดึงมือเล็กมาจับกุมไว้ แล้วใช้นิ้วโป้งลูบไล้บนหลังมือของณิชาเบาๆ
