05 หนี้สิน
05
หนี้สิน
“ว่าไง ฉันควรจะจัดการคุณหนูมิลล่ายังไงดีนะ” เวย์คินเอ่ยเสียงเข้ม มุมปากหยัดยิ้มร้าย ขณะที่สายตาคมขลับก็จดจ้องมองยังใบหน้าหวานที่ตอนนี้กำลังฉายชัดถึงความหวาดหวั่น
“ฉะ...ฉัน อึก...ฉันขอโทษ” กว่าจะหาเสียงตัวเองเจอก็ร่วมนาที และคำคำแรกที่เอ่ยออกมาได้นั้นก็คือคำขอโทษ
เธอใช้ขวดแก้วฟาดที่ศีรษะของลูกค้าจนไม่ได้สติ เธอรู้สึกผิดและเสียใจที่ต้องทำแบบนั้น หากแต่ความอยู่รอดปลอดภัยของตัวเองกลับสำคัญกว่าสิ่งใดจึงทำให้เธอรีบวิ่งหนี
“ขอโทษ? ฮึ...ง่ายไปหน่อยมั้งครับคุณหนู!”
“คุณเป็นเจ้าของร้านนี้เหรอคะ” ถึงแม้ว่าจะรู้สึกโลกกลมที่ได้พบเจอเขาอีกครั้ง แต่คำพูดที่เขาพูดกับผู้ชายสองคนนั้นกลับทำให้เธอคิดเป็นอื่นไม่ได้เลยว่าเขามีส่วนความรับผิดชอบในร้านแห่งนี้
“เป็นหุ้นส่วน” เขาเป็นหุ้นส่วนของร้านนี้ ไม่ได้มีอำนาจเทียบเท่ากับเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นใหญ่ แต่ก็มีส่วนในการตัดสินใจอยู่ไม่น้อย
“ฉันขอโทษค่ะ แต่ที่ฉันทำไปเพราะป้องกันตัว ลูกค้าคนนั้นเขาจะข่มขืนฉัน” มิลล่าพยายามอธิบายเหตุผลหวังให้อีกฝ่ายเข้าใจ แม้ว่าลึก ๆ จะรู้ดีว่ามันแทบไม่มีประโยชน์เลยสักนิด
“แล้วจะรับผิดชอบยังไง” เวย์คินเลิกคิ้วถาม หากแต่เขากลับไม่ได้คิดสนใจกับความรับผิดชอบจากเธอเลยสักนิด
แผ่นหลังแกร่งเอนพิงกับกำแพงด้วยท่าสบาย ก่อนที่มือใหญ่จะล้วงหยิบบุหรี่และไฟแช็กออกมาจุด อัดสูบและปล่อยสารนิโคตินให้ล่องลอยเหนือศีรษะ จากนั้นก็เป่าพ่นใส่หน้าของหญิงสาว เนื่องจากพื้นที่ตรงนี้ค่อนข้างคับแคบ การเดินสวนผ่านของสองคนก็เรียกได้ว่าลำบากเลยทีเดียว
“แค็ก ๆ!” มิลล่าไอสำลัก เธอไม่ถูกกับกลิ่นแบบนี้ ยิ่งโดนควันอัดหน้าก็ไอน้ำหูน้ำตาไหลจนหน้าแดงก่ำ
“ลืมไปว่าคุณหนูมิลล่าคงแพ้กับของต่ำ ๆ แบบนี้ โทษทีนะครับคุณหนู”
“คุณหยุดเรียกฉันแบบนั้นสักทีได้ไหม! คุณต้องการจะให้ฉันรับผิดชอบยังไงก็พูดมาเลย แต่ฉันขอยืนยันว่าฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะทำร้ายลูกค้าของคุณ ฉันมาสมัครงานที่นี่ในฐานะเด็กเสิร์ฟ แต่พอรู้ว่าได้เป็นเด็กดริ๊งก์ฉันก็คิดว่าจำใจทำไป แต่จริง ๆ แล้วมันคือการขายตัว ซึ่งแน่นอนว่าฉันไม่ยินยอม!”
ความหวาดกลัวหายไปแล้ว และมันถูกแทนที่ด้วยความโกรธที่ถูกหลอกลวงอย่างซึ่งหน้า เธอมั่นใจว่าเธอยืนยันกับการทำงานของตัวเอง ไม่คิดจะดูถูกอาชีพไหน ๆ เพียงแต่เธอเองก็มีจุดยืนของตัวเองเช่นกัน
“พี่ผู้หญิงคนที่แต่งหน้าให้ฉันเขาบอกว่าทำเป็นเด็กดริ๊งก์ เขาไม่ได้บอกว่าต้องนอนกับลูกค้า ถ้าฉันรู้ฉันไม่มีทางเข้าไปในห้องนั้นแน่!” มิลล่าเอ่ยต่อ นัยน์ตาหวานกดมองคนตรงหน้าด้วยความหนักแน่นและเด็ดเดี่ยวพานทำให้คนที่มองอย่างเวย์คินนึกชื่นชมอยู่ในใจ
เขาสบประมาทเธอไว้มาก ในฐานะที่รู้จักผู้หญิงคนนี้ว่าเป็นลูกคุณหนูไฮโซหยิบจับอะไรไม่เป็น เคยเห็นหน้าค่าตามาตั้งแต่เธอยังเด็ก แน่นอนว่าเขานิยามตัวตนของเธอผู้นี้ไปแล้วว่า ‘เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ’
ครั้นได้เห็นความหนักแน่นที่ส่งผ่านมาก็ทำให้แปลกใจได้เหมือนกัน ยอมรับเลยว่าเธอมีความมุ่งมั่นและทางเดินของตัวเองอย่างชัดเจน
มันชัดเจนจนเขา ‘สนใจ’ เธอขึ้นมา...
“นี่คุณหนู เรื่องนั้นมันไม่สำคัญเท่ากับเรื่องที่เธอเอาขวดฟาดหัวลูกค้าเกือบตายหรอกนะ ฆ่าคนตายน่ะ ได้ยินหรือเปล่าว่าเธอเกือบฆ่าคนตาย”
“งั้นคุณก็เรียกตำรวจมาจับฉันเลย ฉันเองก็จะแจ้งตำรวจเหมือนกันว่าที่นี่มีการค้าประเวณี!” หญิงสาวเชิดหน้าอย่างไม่เกรงกลัว มั่นใจว่าเรื่องคดีแบบนี้จะต้องเป็นข่าวใหญ่โตแน่ ผิดกันกับคนตรงหน้าที่พอได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา กลายเป็นมิลล่าเองที่เกิดความจืดเจื่อนไม่มั่นใจเสียอย่างนั้น
“ขำอะไรของคุณ!”
“ขำเธอนั่นแหละ จะแจ้งตำรวจ? โตมาจนอายุเท่านี้แล้วไม่รู้บ้างเหรอว่าโลกนี้มันขับเคลื่อนด้วยเงินตราและอำนาจ ไอ้ความถูกต้องน่ะก็แค่เศษขี้เล็บทั้งนั้นแหละ!” เวย์คินแค่นหัวเราะก่อนจะกลับเป็นใบหน้าเป็นความเรียบนิ่ง
เขาตั้งใจพูดย้ำชัดให้เธอรู้ว่าเรื่องแบบนี้มีผู้หนุนหลัง ทั้งยังสั่งสอนเธอให้รู้จักว่าโลกใบนี้มีอะไรอีกมากมายให้คุณหนูอย่างเธอเรียนรู้
“แล้วสรุปคุณจะเอายังไง พูดมาเลยค่ะ” พูดไปก็เสียเวลา สู้เข้าประเด็นสำคัญเลยดีกว่าเธอจะได้รีบออกไปจากที่ตรงนี้
“เธอต้องชดใช้กับความเสียหายทั้งหมด” เวย์คินยิ้มหยัน รู้สึกว่าทุกอย่างเข้าทางตามที่เขาวางไว้
“ทะ...เท่าไหร่” มิลล่าเริ่มหวั่น เห็นท่าทางของเขาว่าไม่ได้ล้อเล่นหรือหยอกเย้ากันเลยสักนิด
จริงอยู่ที่เธอทำไปเพื่อป้องกันตัว แต่เธอเองก็ทำเกินกว่าเหตุ ไม่รู้ว่าตอนนี้ลูกค้ารายนั้นบาดเจ็บถึงขั้นไหน ดีไม่ดีอาจจะนอนพะงาบ ๆ ในโรงพยาบาลแล้วก็เป็นได้ แล้วไหนจะค่าความเสียหายภายในร้านอีก ครั้นลองตีตัวเลขคร่าว ๆ ก็ถึงกับขนหัวลุกขึ้นมาพัลวัน
“มีเงินจ่าย?”
มิลล่าตอบเสียงหนักแน่นในใจว่า ‘ไม่มี!’ หากแต่คนอย่างเธอย่อมไม่คิดเปิดเผยมุมจนตรอกออกไปให้เขารับรู้เด็ดขาด
“ถ้าเงินก้อนฉันไม่มีหรอกค่ะ แต่ถ้าคุณจะปรานีฉันก็อยากจะขอผ่อนผันเป็นรายเดือน”
ไม่รู้ว่าเรื่องมันมาถึงจุดนี้ได้ยังไง ตั้งใจมาหางานหาเงิน แต่ไหนสรุปเธอกลับได้หนี้สินกลับบ้านเสียอย่างนั้น!?
“อืม...ถ้าลองคำนวณค่าเสียหายดูคร่าว ๆ แล้ว ค่ารักษาพยาบาล ค่าทำขวัญ ค่าอุปกรณ์ที่พังเสียหาย ก็ไม่มากเท่าไหร่นะ น่าจะประมาณห้าแสน”
“ห้าแสน!” มิลล่าเบิกตากว้าง ร่างกายแทบทรุด สติแทบดับ
เธอจะไปหาเงินครึ่งล้านมาชดใช้เขาได้จากที่ไหน ลำพังแค่ค่ากินค่าอยู่ก็ยังไม่พอ งานที่ตะเวนหาก็ยากเย็นจนร้องไห้กับตัวเองไปหลายรอบ ภาพความเจ็บปวดจากการถูกฟ้องล้มละลาย บ้านถูกยึด พ่อฆ่าตัวตาย ทุกสิ่งทุกอย่างถาโถมหวนกลับเข้ามา พลันทำให้เธอรู้สึกพ่ายแพ้กับโชคชะตาอีกครั้ง
“ร้องไห้ทำไม” เวย์คินขมวดคิ้วมุ่น เขาตกใจที่อยู่ ๆ หญิงสาวตรงหน้าร้องไห้ออกมา จากเดิมที่เหยียดยิ้มพอใจคราวนี้ก็ถึงกับเหลอหลาหน้าถอดสี
“เปล่าค่ะ ฉันยืนยันว่าฉันจะขอผ่อนผันนะคะ ฉันไม่มีเงินมากขนาดนั้น อาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อยแต่ฉันจะหามาคืนคุณทุกบาททุกสตางค์แน่นอน” หญิงสาวปาดน้ำตาออกจากใบหน้า ก่อนจะสูดลมหายใจและพยายามปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติ
“หางานอยู่ไม่ใช่เหรอ งั้นก็ไปทำงานร้านฉัน ฉันจะได้มั่นใจด้วยว่าเธอจะไม่คิดหนี พอเงินออกฉันก็จะหักลบส่วนนั้นกับสิ่งที่เธอต้องชดใช้”
“ตำแหน่งโฮสต์เหรอคะ” เธอถามและกดสายตามอง นึกสนใจกับข้อเสนอของเขาไม่น้อย ทั้งยังไม่คิดเกี่ยงงานแล้วเพราะตอนนี้เธอทำทุกอย่างที่ได้เงิน
“งานเสิร์ฟ”
“ไหนบอกเต็มแล้วไง ฉันทำโฮสต์ก็ได้ค่ะ ฉันว่าน่าจะทำเงินได้เยอะ จะได้มีเงินไปคืนคุณเร็ว ๆ ไง” ตำแหน่งอะไรก็ทำได้ทั้งนั้น แค่ไม่ต้องนอนกับลูกค้าอย่างที่ถูกหลอกวันนี้ก็ถือว่าบุญหัวมากแล้ว
“บอกให้ทำอะไรก็ทำเถอะน่า! เริ่มงานพรุ่งนี้เลย เวลาเข้างานห้าโมงเย็นถึงตีหนึ่ง ที่ร้านมียูนิฟอร์มให้ ข้าวฟรีสองมื้อ ทิปแยกสามารถเก็บเข้ากระเป๋าได้เลย” ชายหนุ่มอธิบายเนื้อหางานราวกับกำลังปฐมนิเทศพนักงานใหม่ไม่มีผิด หากแต่สถานที่ตรงนี้ดันเป็นตรอกซอยเล็ก ๆ ที่เรียงรายด้วยกองขยะมากมาย
“ทำไมรีบร้อนจังล่ะคะ”
“หรือคิดจะหนี?”
“ฉันไม่ใช่คนแบบนั้น! ฉันมีความรับผิดชอบพอ ถึงแม้ว่าเรื่องนี้ฉันจะไม่ได้ผิดทั้งหมดก็เถอะ!” พูดจบก็ยกมือขึ้นกอดอกและสะบัดหน้าหนี
คราวนี้เวย์คินหลุดยิ้มออกมาอีกครั้ง ท่าทางแบบนี้ อาการแบบนี้ คอนเฟิร์มเลยว่าเจ้าหล่อนเป็นคุณหนูเอาแต่ใจมาตั้งแต่ทุนเดิมชัด ๆ!
“พรุ่งนี้มาให้ตรงเวลาด้วย แล้วก็อย่าคิดหนี ถ้าฉันตามตัวเธอได้เมื่อไหร่เธอกับพี่ชายเดือดร้อนแน่!”
“คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันมีพี่ชาย!”
ไมล์คือพี่ชายต่างมารดาที่ไม่ค่อยได้ออกงานสังคม เวลาที่พ่อของเธอออกสื่อก็มักจะพาลูกสาวอย่างเธอไปด้วยอยู่บ่อย ๆ นั่นจึงทำให้หลายต่อหลายคนไม่รู้ว่ามีลูกชายอีกหนึ่งคนที่เป็นลูกกับภรรยาเก่า อีกทั้งยังเป็นความตั้งใจของไมล์ที่ไม่คิดเปิดเผยตัวตน
“ฉันรู้มากกว่าที่คุณหนูคิดแล้วกัน นี่ไม่ได้ขู่นะ...แต่ถ้าอยากเจอดีก็ลองดู!”
มิลล่ากลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคออย่างยากลำบาก เธอเชื่อว่าเขาไม่ธรรมดา และเชื่อว่าเขาไม่ได้ขู่แต่กล้าทำอย่างที่พูดจริง ๆ!
