04 หลบหนี
04
หลบหนี
“ถอดเสื้อผ้าแล้วขึ้นไปรอเสี่ยบนเตียงเลยจ้ะ หนูคนสวย!”
“!!!” มิลล่ายืนตัวแข็ง ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ สิ่งที่ได้ยินนั้นไม่ได้ผิดเพี้ยนไปเลยสักนิด
ผู้ชายคนนี้บอกให้เธอแก้ผ้าแล้วขึ้นไปรอบนเตียง!
“เอ้า! ไปสิหนู จะยืนอยู่ทำไม มันเสียเวลา!” ชายวัยกลางคนรูปร่างอ้วนท้วมเอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ระดับความดังเข้มขึ้นไปจากเดิม เฉกเช่นกับใบหน้าที่เริ่มแสดงถึงความไม่พอใจเมื่อเห็นว่าหญิงสาวยังคงยืนนิ่งอยู่ยังจุดเดิม
“หนูไม่ได้ขายตัวนะคะ คุณคงเข้าใจผิด” มิลล่าพยายามกดน้ำเสียงไม่ให้สั่น พยายามควบคุมสติไม่ให้ปล่อยน้ำตาออกมา
ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าตัวเองถูกหลอก เธอเข้ามาอยู่ในห้องแห่งนี้ในฐานะคนขายตัว ไม่ใช่เด็กดริ๊งก์บริการลูกค้าอย่างที่เข้าใจ!
“อย่าเล่นตัวน่า มาได้แล้ว ฉันจ่ายเงินไปเยอะนะ เห็นผู้จัดการร้านบอกว่าหนูเพิ่งมาทำงานใหม่ด้วย ฮึ...มาหาเสี่ยเถอะ เสี่ยทิปหนัก แค่หนูดูแลเสี่ยดี ๆ ทำให้เสี่ยพอใจ เสี่ยรับรองว่าเสี่ยจ่ายหนูไม่อั้นแน่!” นอกจากคำพูดและสายตาโลมเลียน่ารังเกียจแล้ว ขาสองข้างก็ยังขยับก้าวเข้ามาหาร่างแน่งน้อยที่กำลังสั่นเทิ้มด้วยความหวาดหวั่นอีกด้วย
“ยะ...อย่าเข้ามานะ!”
หมับ!
“กรี๊ด!!!” มิลล่ากรีดร้องออกมาสุดเสียงเมื่อถูกมือหยาบกร้านคว้าหมับจับเอาไว้ จากนั้นวงแขนก็โอบรัดร่างกาย พร้อมกับใบหน้าที่ก้มกดจูบสูดดมตามผิวกายของเธอ
“หนูสวยมากเลย หืม หนูสวยมาก ตัวก็หอม” เสียงเครือหื่นกระหายดังขึ้นใกล้ ๆ กับใบหน้าของมิลล่า ชายคนนั้นกดจูบและกอดรั้งให้เนื้อกายแนบชิด ในขณะที่หญิงสาวพยายามผลักไสด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี
“ออกไปนะ ปล่อยนะ ออกไป!” มือเล็กสองข้างออกแรงทุบตี พยายามพาตัวเองออกจากการเกาะกุมและห่างจากสัมผัสสกปรกให้ได้มากที่สุด แต่เธอกลับไม่สามารถต่อต้านเรี่ยวแรงมหาศาลของผู้ชายคนตรงหน้าได้
“มึงเล่นตัวนักใช่ไหม!”
พรึ่บ!
ตุ้บ!
“อ๊ะ!” มิลล่าร้องขึ้นเมื่อถูกเหวี่ยงจนร่างกายล้มกับโซฟาตัวยาว เธอเจ็บจุกจนไร้เรี่ยวแรงจะขยับเขยื้อน หยาดน้ำตาไหลหลั่งพรั่งพรูอย่างคนหมดหนทาง
กระทั่งร่างหนาทาบทับตามมา คร่อมกักกันก่อนจะกดใบหน้าก้มสูดดมความหอมหวานอย่างคนหื่นกระหาย ผิดกันกับมิลล่าที่ทำได้เพียงร้องไห้กับโชคชะตาของตัวเอง
แควก!
มือหยาบกร้านกระชากรั้งและฉีกทึ้งเสื้อผ้าตัวบางออกจากร่างกายเล็ก มันกลายเป็นเศษผ้าขาดวิ่นอย่างน่าสงสาร ในขณะที่คนใต้ร่างได้แต่ร่ำร้องพรั่งพรูน้ำตาออกมาเมื่อไม่สามารถหลุดพ้นจากพันธนาการนี้ได้
“สวย...สวยมาก!” คนตัวใหญ่บอกเสียงพร่า ดวงตาปรากฏความพึงพอใจอย่างชัดเจน ก่อนจะผละตัวออกเล็กน้อยเพื่อถอดเสื้อเชิ้ตสีขาวบนตัวและโยนทิ้งออกไปอย่างไม่คิดสนใจ
“ฮึก...อย่า ฮึก...ปล่อยนะ ฮึกฮือ” มิลล่าร้องสะอื้น มือก็พยายามทุบตีผลักไสคนตัวโตให้ออกห่าง เธอหลบเบี่ยงสัมผัสสกปรก ยามที่เนื้อตัวถูกแตะต้องก็ยิ่งรังเกียจตัวเองจนอยากหายไปให้รู้แล้วรู้รอด
แต่ทว่าวูบหนึ่งก่อนที่เธอจะยอมแพ้ สายตากวาดมองหาหนทางรอดพร้อมกับการมองหาสิ่งของที่พอจะทำให้คนตรงหน้าผละตัวออกได้
ขวดแก้วข้างกายที่วางอยู่บนโต๊ะคือสิ่งเดียวที่หญิงสาวนึกออก มือเล็กข้างหนึ่งพยายามผลักไสคนตรงหน้าออก หากแต่อีกข้างก็พยายามตะเกียกตะกายควานหยิบมันมาถือไว้ ก่อนจะง้างขึ้นและฟาดลงที่ศีรษะของชายคนนั้นอย่างแรง
ปึก!
เพล้ง!
“โอ๊ย! นี่มึง!” เสียงโอดครวญคำรามลั่น ก่อนที่เลือดสีแดงสดจะไหลหลั่งออกมาตามแรงฟาดของขวดอาบศีรษะลามมาจนถึงใบหน้า
ร่างอ้วนท้วมผละออกพลางยกมือจับที่บาดแผล ความเดือดดาลปรากฏขึ้นหากแต่ว่ามันกลับดับวูบด้วยสติอันเลือนราง ก่อนที่จะทิ้งตัวลงนอนสลบไสลในที่สุด
“อึก...” มิลล่าตกใจจนทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าคนตรงหน้าเป็นอะไร คิดไปต่าง ๆ นานาว่าอาจจะสิ้นชีวิตจากการกระทำของตัวเอง ครั้นจะให้วิ่งเข้าไปดูก็กลัวว่าจะเป็นการเล่นละครหลอก
สิ่งเดียวที่ควรสนใจมากที่สุดในตอนนี้ก็คือการพาตัวเองให้ออกไปจากที่นี่โดยเร็ว!
หญิงสาวเดินไปหยิบเสื้อเชิ้ตที่ร่วงหล่นที่พื้นขึ้นมาสวมใส่ หวังใช้มันปกปิดเรือนกายเปลือยเปล่าของตัวเองในระหว่างที่กำลังหาทางหนี จากนั้นจึงรีบวิ่งออกจากห้องให้เร็วที่สุด ไม่สนใจว่าหนทางข้างหน้าจะพบเจอกับอะไร เพราะเธอคิดว่าคงไม่มีอะไรที่ย่ำแย่ไปกว่าสถานการณ์เมื่อครู่นี้อีกแล้ว
“เฮ้ย! นั่นจะไปไหนน่ะ หยุดนะเว้ย!” เสียงเข้มตวาดกร้าวจากทางด้านหลังพลันทำให้ขาเรียวหยุดกึก
ใบหน้าหวานหันไปมองด้วยความตกใจ ครั้นเห็นถึงเจ้าของเสียงที่เรียกรั้งนั้นเป็นพนักงานที่พาเธอมาส่งถึงห้องลูกค้า ก็เป็นต้องทำให้เธอรีบสับเท้าหนีอย่างไม่คิดชีวิต
“ฮึก...อย่าเข้ามานะ!” หญิงสาวร้องไห้สะอื้นทั้งยังพยายามวิ่งหนีสุดชีวิต เธอลงมาจากชั้นบนแล้ววิ่งผ่านไปยังด้านหลังร้านซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นโซนครัว พลันเมื่อเธอปรากฏตัวก็ทำให้ทุกสายตาที่อยู่ในห้องนี้ต่างก็จดจ้องมองเธอด้วยความตกใจเป็นจุดเดียว
“เฮ้ย! จับมันไว้ อีนี่มันคิดหนี!”
“กรี๊ด อย่าเข้ามานะ!” ขาเล็กเร่งจังหวะการวิ่งด้วยความลนลาน จุดหมายปลายทางที่เห็นอยู่รำไรคือประตูด้านหลังร้านที่จะสามารถทำให้เธอหลุดพ้นจากขุมนรกแห่งนี้ได้
พลันเมื่อวิ่งพ้นออกจากกรอบประตูก็พบว่ามันเป็นตรอกซอยเล็ก ๆ ที่สามารถเชื่อมกับถนนที่มองเห็นได้ไกล ๆ ราวกับว่ามิลล่าเห็นหนทางรอด อย่างน้อย ๆ เธอก็สามารถออกมาจากขุมนรกแห่งนั้นได้แม้ว่าตอนนี้เธอกำลังถูกไล่ล่าก็ตาม
“เฮ้ย! หยุดนะเว้ย!” เสียงทุ้มห้าวยังคงตะโกนไล่หลังมาไม่หยุด บางจังหวะไม่สามารถวิ่งตามได้ทันท่วงทีเพราะพื้นที่ส่วนนั้นคับแคบและมีกองขยะที่ตั้งวางเรียงราย
มิลล่าใช้โอกาสนั้นวิ่งหนี พยายามวิ่งหลบเข้าตรอกซอยทางซ้าย แต่ทว่าก้าวเดินไปได้เพียงไม่นานก็ถึงได้พบว่ามันเป็นทางตันที่ไม่มีทางออก คราวนี้ความหวังดำมืดริบหรี่ ขณะที่เสียงฝีเท้าหนักก็ยังคงดังคือใกล้เข้ามาทุกที
“ฮึก...ทำยังไงดี” แม้ว่าจะหลบเข้ามาในซอย แต่ทางตรงนี้มีแค่ซอยแบ่งซอยเดียวเท่านั้น หากคนที่วิ่งตามไม่เห็นเธอในเส้นทางหลัก แน่นอนว่าทางซอยแบ่งส่วนนี้ก็จะต้องถูกเข้ามาค้นหาเป็นแน่
หญิงสาวตัดสินใจย่อตัวนั่งลงเพื่อหวังพรางร่างกายกับความมืดมิดให้ได้มากที่สุด ภายในใจก็ได้แต่พร่ำภาวนาขอพรต่อโชคชะตา ขอให้เธอรอดพ้นจากเงื้อมมือคนเลวร้าย ขอให้ค่ำคืนนี้เธอปลอดภัยจากวงจรเลว ๆ
ตึกตึก...ตึกตึก...
“ข้างหน้ามีซอยอยู่พี่ มันหลบอยู่ในนั้นแน่ เพราะถ้าตรงไปก็เป็นทางเชื่อมถนน คนของเราวิ่งไปดักตรงนั้นแล้ว”
เสียงฝีเท้าและเสียงตะโกนดังขึ้นพานทำให้มิลล่าตัวสั่นเทิ้มทั้งหยาดน้ำตา หญิงสาวนั่งขดตัว พยายามยกมือปิดปากและทำให้เสียงเบาบางมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ตึกตึก...ตึกตึก...
“มึงเข้าไปดูในซอย”
“อึก!” มิลล่าสะอึกแต่ก็ต้องรีบเก็บกลั้นเสียงเมื่อได้ยินคำตะโกนกร้าวใกล้ ๆ ที่คาดว่าน่าจะอยู่ต้นซอยที่เธอหลบหลีกเข้ามา
ฝีเท้าหนักดังเข้ามาเรื่อย ๆ เฉกเช่นเดียวกับเสียงหัวใจที่เต้นกระหน่ำไม่เป็นจังหวะ ชีวิตของเธอกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย หากถูกจับได้ก็เท่ากับว่าทั้งชีวิตของเธอได้จบสิ้นลงภายใต้เงื้อมมือของคนเลว
“พ่อช่วยหนูด้วย...”
คำพูดนี้มิลล่าร้องขออ้อนวอนภายในใจ สิ่งเดียวที่เธอนึกออกในตอนนี้ก็คือการพร่ำพูดกับตัวเองให้ตัวเองรอดพ้น
เธอไม่มีใครให้ขอความช่วยเหลือ คนจนตรอกไร้หนทางอย่างเธอไม่มีที่พึ่งพาอีกต่อไปแล้ว
แต่ทว่า...
“พวกมึงทำอะไร!” เสียงทุ้มแข็งกร้าวดังตวาดขึ้นพลันทำให้ชายร่างใหญ่สองคนหยุดฝีเท้ากึกพร้อมกับการหันไปมอง เช่นเดียวกับมิลล่าที่หลบซ่อนตัวอยู่ด้านในตรอกซอยก็ถึงชะงักไปพลางจับใจความถึงต้นตอของเสียงว่ามันน่าจะดังมาจากบริเวณปากทาง
“เฮียเวย์!”
“กูถามว่าพวกมึงทำอะไร” คำถามเดิมดังออกมาอีกครั้ง สร้างความหวาดหวั่นให้กับบุคคลตรงหน้าที่ถึงกับรีบหลุบสายตาให้ต่ำลงอย่างนึกเกรงกลัว
“เด็กมันหนีแขกมา ผมเลยรีบมาตามมันกลับไปครับ!”
“เด็กมันหนีแขกเพราะมึงหลอกให้เด็กไปขายตัวน่ะสิ ฮึ!” เสียงเข้มแค่นหัวเราะอย่างรู้ทัน พานทำให้คนตรงหน้ามีสีหน้าจืดเจื่อนไปในทันที
“ผะ...ผมไม่รู้เรื่องนะครับ ผมทำตามคำสั่งของพี่อู๋”
“เรื่องเด็กเดี๋ยวกูจัดการเอง พวกมึงรีบไปดูแขกซะ ถ้าแขกจะเอาเรื่องก็ให้ไปเบิกเงินมาชดใช้!”
“แต่...”
“กูบอกให้ไปไงวะ!”
“คะ...ครับเฮีย!”
ฝีเท้าดังออกไปตามคำสั่งตวาดกร้าว จนความเงียบงันครอบคลุมทั่วอาณาบริเวณถึงทำให้มิลล่าคิดวางใจที่จะพาตัวเองออกไป
สายตาหวานกวาดมองโดยรอบ พยายามชะเง้อหน้ามองหาบุคคลอันตราย ครั้นพบกับความว่างเปล่าถึงได้เห็นถึงหนทางปลอดภัยจึงตัดสินใจเดินออกมา และหวังที่จะวิ่งออกไปทางถนนด้านนอกให้เร็วที่สุด
จนกระทั่ง...
“ทำร้ายลูกค้าเจ็บปางตายขนาดนั้นแล้วคิดว่าจะหนีพ้นหรือไง!”
กึก!
ขาเล็กหยุดกึกกะทันหันเมื่อเสียงเข้มอันคุ้นหูดังขึ้นจากทางด้านหลัง หญิงสาวตัวสั่นแต่ก็หันกลับไปมองด้วยความหวาดหวั่นกระทั่งสายตาจับจดมองถึงได้แน่นิ่งชะงักไปกับสิ่งที่เห็น
“คะ...คุณ!” มิลล่าเบิกตากว้าง ไม่ได้ตกใจกับคำข่มขู่ที่ได้ยิน หากแต่มันกลับเกิดขึ้นเพราะบุคคลตรงหน้าเสียมากกว่า
เขาคือคนที่สัมภาษณ์เธอเมื่อช่วงบ่าย!
เขาคือคนที่เสนอให้เธอเป็นโฮสต์แต่เธอเลือกที่จะปฏิเสธ!
“ให้ทำโฮสต์ไม่ทำ แต่เลือกมาขายตัว แถมยังเกือบฆ่าลูกค้าในร้านตาย แบบนี้ฉันควรจัดการกับเธอยังไงดีนะ คุณหนูมิลล่า!”
