03 เด็กดริ๊งก์
03
เด็กดริ๊งก์
มิลล่าเดินตามชายร่างสูงใหญ่เข้ามาด้านใน พลันขาสองข้างก้าวเข้ามาความมืดสลัวก็เข้าปกคลุมซึ่งแตกต่างจากพื้นที่ด้านนอกโดยสิ้นเชิง
ขาสองข้างชะงักไปเล็กน้อย ขณะที่สายตาก็กวาดมองสิ่งรอบข้างไปมา ดูภายนอกแล้วร้านแห่งนี้เป็นสถานบันเทิงธรรมดา หากแต่เมื่อได้ลองเยื้องย่างเข้ามาแล้วถึงได้รู้ว่ามันเป็นมากกว่าร้านสังสรรค์ที่เคยเห็น
จุดแรกที่ระดับสายตามองเห็นก็คือเวทีที่เธอคิดว่าจะเป็นพื้นที่สำหรับจัดการแสดง ถัดไปด้านในนั้นก็เป็นบันไดขึ้นไปยังชั้นสอง แต่สิ่งที่ทำให้หญิงสาวตกตะลึงได้มากที่สุดก็เห็นจะเป็นภาพเบื้องหน้าที่ลูกค้าของร้านเกือบทั้งหมดเป็นผู้ชายและกำลังกกกอดแนบชิดกับผู้หญิงอย่างสนิทสนม
ความคิดเดียวที่มิลล่าประมวลได้นั้นก็คือที่แห่งนี้มีผู้หญิงบริการด้วย...
“ตามมาสิน้อง”
“อะ...เอ่อ...” หญิงสาวกะพริบตาปริบ อึกอักจนพูดอะไรไม่ออก กำลังตกใจกับสิ่งที่ได้เห็น พยายามกวาดสายตามองหาพี่ชายตัวเองก็ไม่พบ ครั้นจะหาพนักงานที่เป็นผู้หญิงภายในร้านก็ไม่เจอ
“มาเร็ว อย่าชักช้า!” คนอีกฝ่ายเร่งระดับน้ำเสียงให้ดังขึ้นก่อนจะเดินนำไปยังห้องห้องหนึ่ง
มิลล่าเกิดความลังเล แต่ในใจก็อยากลองเสี่ยงจึงเดินตามคนตัวใหญ่เข้าไปด้านใน สิ่งแรกที่ปรากฏแก่สายตาก็คือผู้ชายร่างสูงใหญ่ที่กำลังสูบบุหรี่จนกลิ่นและควันสีขาวของนิโคตินคละคลุ้งไปทั่วทั้งห้องสี่เหลี่ยม
“อึก...แค็ก ๆ” มิลล่าไอสำลักจนใบหน้าแดงก่ำ ชีวิตทั้งชีวิตไม่คุ้นชินกับของพวกนี้
เสียงนั้นทำให้คนที่กำลังล่องลอยกับสารคลายทุกข์หันขวับ ดวงตาวาวโรจน์ส่งผ่านมาแต่ทว่าไม่นานมันก็อ่อนกำลังลงกลายเป็นความแพรวพราววาววับที่คนมองสามารถสัมผัสได้
“พี่อู๋ ผมพาน้องเขามาสมัครงานอะ พี่ยังรับคนอยู่ใช่ป้ะ” คนเดินนำเข้ามาเอ่ยขึ้นกับคนด้านใน พลางหันกลับมามองยังหญิงสาวข้างกายที่ตอนนี้กำลังยืนตัวสั่นไม่ต่างจากลูกแมวหนาวเหน็บ
“สมัครงาน?” คำพูดตรงมายังผู้ถาม หากสายตากลับจดจ้องมองแต่หญิงสาวตัวน้อยอย่างไม่ปิดบังถึงความรู้สึก
รอยยิ้มร้ายส่งกลับมา พานทำให้มิลล่ารีบก้มหน้าลงและพยายามเดินไปหลบอยู่ด้านหลังของคนตัวใหญ่ เพราะรู้สึกไม่ไว้วางใจกับสายตาที่ถูกมองราวกับจะกลืนกินเธอเข้าไปทั้งตัว
ความหวาดกลัว ประหม่า สะอิดสะเอียน และอีกหลายต่อหลายอย่างย่อมถาโถมเข้ามาในหัวจนเธอแทบอยากหายไปให้รู้แล้วรู้รอด!
“ใช่ครับพี่อู๋ เอ้า! เดินเข้าไปหาพี่เขาสิน้อง พี่เขาจะได้ดูหน้าใกล้ ๆ ไม่อยากได้หรือไงงานน่ะ!” มือหยาบกร้านจับเข้าที่ต้นแขนของมิลล่าพลางออกแรงกระชากเพื่อให้เธอขยับออกมาประจันหน้ากับผู้จัดการร้าน
“หนู หนู...”
“ชื่ออะไรล่ะเรา”
“ชะ...ชื่อมิล มิลล่าค่ะ”
“อืม...ชื่อน่ารักดี ร้อนเงินเหรอหืม” เสียงเข้มเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม เฉกเช่นเดียวกับดวงตาคมขลับที่ปราดมองยังดวงหน้าสวยหวาน ก่อนที่มือใหญ่จะยกขึ้นสัมผัสเบาบาง แต่ทว่าเจ้าหล่อนขยับเบี่ยงหน้าหลบ
“หนูอยากสมัครงานค่ะ เป็นเด็กเสิร์ฟหรือทำความสะอาดก็ได้ค่ะ”
“ตำแหน่งพวกนั้นที่ร้านนี้เขาไม่รับผู้หญิงหรอกนะ” คนตัวโตหยัดยิ้มและยกมือขึ้นกอดอก เห็นท่าทางตื่น ๆ ของหญิงสาวตรงหน้าก็ยิ่งชอบใจขึ้นมา
“แล้วมีตำแหน่งอะไรบ้างล่ะคะ หนูทำได้หมดนะ ไม่เกี่ยงงานเลย”
“ทำได้หมดเลยจริงเหรอหนูน้อย” เสียงแค่นหัวเราะดังขึ้นเบา ๆ ไม่ต่างจากการเยาะหยัน คนที่ฟังอย่างมิลล่านึกกรุ่นอยู่ในใจแต่ก็ทำได้เพียงเก็บกลั้นความคิดเหล่านั้นเอาไว้ในส่วนลึก
“ถ้าไม่มีว่างก็ไม่เป็นไรค่ะ ขอโทษที่ทำให้เสียเวลานะคะ” เธอไม่อาจทนกับสายตาหยาบโลนและคำพูดแทะโลมเหล่านั้นได้อีก ในเมื่อไม่มีตำแหน่งที่กล่าวออกไปก็ไม่ควรอยู่ต่อให้เสียเวลา
“เดี๋ยวสิ ใจร้อนจังนะ ถ้าอยากทำงานพี่ก็จะให้ทำ เริ่มงานวันนี้เลยเป็นไง”
“คะ?” มิลล่าเบิกตากว้างพร้อมกับขาสองข้างที่ถอยหลังอัตโนมัติ
“มึงพาน้องเขาไปที่ห้อง คืนนี้น้องคนสวยได้เงินกลับบ้านแน่นอน”
“ดะ...เดี๋ยว งานอะไรคะ ทำไมถึงให้เริ่มวันนี้เลยล่ะ” ถึงจะตกใจแต่ก็ยังประคองสติได้ดีเยี่ยม
เธอไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายจะให้ทำงานในตำแหน่งอะไร แถมยังรวบรัดตัดตอนอย่างง่ายดาย เอกสารและชีวประวัติก็ไม่ได้ถามไถ่กันเลยสักนิด
“เดี๋ยวก็รู้เอง ตามมา!” มือหนาของคนตัวใหญ่คว้าหมับที่ต้นแขนเล็กของมิลล่าพร้อมกับออกแรงดึงรั้ง ส่งผลให้คนตัวเล็กจำต้องสับเท้าเดินเพราะหากไม่ทำตามก็เป็นตัวเธอเองนี่แหละที่จะเจ็บตัวกับแรงบีบเปล่า ๆ
ร่างสูงใหญ่ของชายฉกรรจ์พามิลล่าเดินมาตามทางที่ไม่มีผู้คนเดินผ่าน สายตาหวาน ๆ กวาดมองโดยรอบด้วยความหวาดหวั่น กระทั่งเดินมาถึงที่หน้าห้องห้องหนึ่งก่อนที่ประตูจะถูกเปิดออกกว้าง เผยให้เห็นพื้นที่ด้านในที่พอคาดการณ์ได้ว่ามันน่าจะเป็นห้องแต่งตัว
เธอเห็นราวเหล็กที่มีเสื้อผ้านับร้อยนับพันแขวนเรียงราย อีกทั้งด้านในก็ยังมีผู้หญิงหน้าตาสะสวยที่กำลังนั่งแต่งหน้าทำผมอยู่หน้ากระจกบานใหญ่
“นี่หวาน ช่วยดูแลเด็กใหม่หน่อย พาไปแต่งหน้าแต่งตัว น้องเขาเพิ่งมาทำงานวันแรก” พูดจบก็ผลักคนตัวเล็กให้เข้ามาด้านในห้องก่อนจะรีบปิดประตูกระแทกหน้าไม่ทันที่จะได้เอ่ยคำใด
ครั้นหันกลับมายังบุคคลที่ถูกฝากฝังก็เป็นต้องชะงักตกใจเพราะเจ้าหล่อนเดินเข้ามาประชิด ทั้งยังกดสายตามองตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ราวกับว่ากำลังพิจารณาหรือประเมินราคากับร่างกายของเธอก็ไม่ปาน
“เด็กใหม่งั้นเหรอ ชื่ออะไรล่ะ” ร่างเพรียวบางเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะเอ่ยปากถาม สีหน้าไม่ได้ยินดียินร้าย ซ้ำยังแสดงออกว่ากำลังเบื่อหน่ายกับหน้าที่ของตัวเองอย่างชัดเจน
“ชื่อมิลล่าค่ะ”
“มิลล่า...งั้นเปลี่ยนเป็นชื่อมินนี่แทนแล้วกัน ลูกค้าเขาจะได้เอ็นดู อะ เข้าไปเปลี่ยนชุดซะ แล้วรีบออกมาด้วย อย่าชักช้า!” ไม่ว่าเปล่า มือเรียวสวยของคนตรงหน้าก็คว้าหมับจับที่แขนเล็กก่อนจะออกแรงดึงรั้งให้มิลล่าเดินเข้าไปยังห้องแต่งตัวเล็ก ๆ ที่อยู่มุมห้อง จากนั้นก็แขวนชุดเดรสสั้นไว้ที่ราวด้านใน ก่อนจะปิดประตูเสียงดังโดยไม่คิดสนใจกับคำพูดที่กำลังขบคิดประมวลจากหญิงสาวเลยแม้แต่น้อย
มิลล่ากะพริบตาปริบ รู้สึกอยากทุบตีตัวเองที่ทำอะไรเชื่องช้ากว่าสมอง ไม่ว่าจะพูดหรือจะแสดงอิริยาบถใด ๆ ก็ไม่ท่วงทีกับคนอีกฝ่าย รู้ตัวอีกทีก็ถูกลากถูกจูงไปทางโน้นทางนี้เสียแล้ว
ปัง! ปัง!
“นี่! อย่าช้านะ ให้เวลาแค่ห้านาที แค่เปลี่ยนชุดมันไม่ได้ยาก!”
มิลล่าสะดุ้งโหยงตัวโยนกับแรงทุบประตูและเสียงตะโกนที่ดังตามมา หญิงสาวรีบจัดการเปลี่ยนชุดเสร็จสรรพ ก่อนจะเดินออกมาพลางกอดเสื้อผ้าตัวเดิมของตัวเองเอาไว้แนบอก เพราะชุดที่สวมใส่ตอนนี้ทั้งแหวกทั้งเว้า แถมความยาวก็ห่างจากกลางกายมาเพียงไม่กี่เซนติเมตร
มิลล่าเดินออกมาด้วยร่างกายที่สั่นเทา แต่ไม่นานข้อมือก็ถูกฉุดรั้งให้ก้าวไปนั่งที่เก้าอี้หน้ากระจกบานใหญ่ ซึ่งตอนนี้มีเครื่องสำอางมากมายที่วางอยู่
“นั่งเฉย ๆ ฉันจะแต่งหน้าให้” คนอีกฝ่ายนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม จากนั้นก็จับคางมนให้หันซ้ายขวาเพื่อสำรวจมองได้อย่างชัดเจน
“หนูต้องทำอะไรบ้างเหรอคะพี่ งานที่หนูต้องทำคืออะไร” มิลล่าเอ่ยถามทั้งที่ในใจยังนึกหวั่น
“เอ๊ะ! นี่ยังไม่รู้อีกหรือไงว่าตัวเองต้องทำงานอะไร มาสมัครงานประสาอะไรของหล่อนยะ!”
“หนู...คือหนูมาสมัครเป็นเด็กเสิร์ฟค่ะ แต่พี่ผู้ชายเมื่อกี้นี้เขาไม่ได้พูดอะไร เขาพาหนูมาที่ห้องนี้แล้วก็ออกไปเลย”
“งั้นเหรอ” คนตรงหน้าหัวเราะและยิ้มร้ายออกมา ในใจนึกสมเพชเวทนากับความคิดของสาวน้อยแต่ก็ไม่คิดจะขยายความเพราะไม่อยากให้เกิดปัญหาให้แก้ภายหลัง
“สรุปว่างานที่หนูต้องทำมันคืออะไรเหรอคะ”
“ก็ฟีลเด็กนั่งดริ๊งก์อะ ชงเหล้าให้ลูกค้า นั่งเป็นเพื่อนเขา เสร็จงานก็แยกย้าย รับเงินรับทิปเป็นอันจบ” ปากพูด ขณะที่มือก็บรรจงแต่งแต้มเครื่องสำอางบนใบหน้าสะสวยของหญิงสาว
ใจความที่เอ่ยออกไปมีเพียงกึ่งเดียวของความจริงทั้งหมด แต่คำถามแบบนี้กลับไม่ใช่ครั้งแรกที่เคยได้ยิน เด็กใหม่ที่เข้ามาทำงานที่ร้านต่างก็ยืนยันกับตำแหน่งที่อยากสมัคร พอถูกส่งไปทำงานจริง ๆ ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ จนกลายเป็นว่าพร้อมพรักเต็มใจที่จะทำงานต่อเพราะได้เงินกลับมาเต็มกระเป๋า
“แต่หนูสมัครเป็นเด็กเสิร์ฟนะคะ” มิลล่าโล่งใจอยู่บ้างที่คำตอบไม่ใช่การนอนกับลูกค้าอย่างที่คิด แต่เธอก็ไม่ยินยอมอยู่ดีที่จะเป็นเด็กดริ๊งก์แนบชิดให้เปลืองตัว
“โอ๊ย อย่าเรื่องมากได้ไหม! ลองไปทำก่อน ถ้าไม่ชอบก็ไปลาออก เงินน่ะไม่อยากได้หรือไง แค่คืนเดียวก็ได้เงินมาเป็นหมื่นแล้ว!”
“เป็นหมื่นเลยเหรอคะ” จำนวนเงินที่ได้ยินทำเอาคนตกอับตาโต ตอนนี้มีเงินติดกระเป๋าไม่กี่พัน หากแต่มันต้องใช้จ่ายตลอดทั้งชีวิตถ้าไม่หาเพิ่ม
หากเธอได้เงินในส่วนนี้ก็สามารถช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายกับพี่ชายได้ร่วมเดือน
ความคิดเริ่มสับสนและลังเลขึ้นมา พยายามมองบวกว่ายอมเปลืองตัวนิด ๆ หน่อย ๆ เพื่อแลกกับเงินห้าหลักภายในไม่กี่ชั่วโมงเธอก็คิดว่ามันคุ้มค่าไม่น้อย
“เสร็จแล้ว ออกไปทำงานได้แล้ว เดี๋ยวจะให้คนไปส่งที่ห้องลูกค้า”
ทว่าความคิดเพ้อฝันถึงจำนวนเงินหายลับไปชั่วพริบตาเมื่อเสียงของคนตรงหน้าดังแทรกขึ้น มิลล่าอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าการเริ่มงานของตัวเองจะรวดเร็วด้วยเวลาไม่กี่นาทีแบบนี้
“เดินตามมันไป มันจะพาเธอไปที่ห้องของลูกค้า” เอ่ยย้ำกำชับอีกครั้งพร้อมกับการดึงแขนเล็กให้ลุกขึ้น
ตอนนี้เด็กเสิร์ฟชายที่อยู่ในชุดของร้านมายืนรอหน้าห้องแล้ว เหลือเพียงแค่ทำหน้าที่ส่งตัวเด็กใหม่ประเคนให้กับลูกค้าก็ถือว่าเป็นอันจบสิ้นกับภาระงานที่ได้รับมอบหมาย
ก่อนจะเดินไปก็ไม่วายหันกลับมามองยังคนที่รู้จักเพียงคนเดียวในสถานที่แห่งนี้ แต่ไม่นานก็ต้องรีบหันขวับเพราะถูกสายตาดุดันพร้อมกับนิ้วที่ชี้ดาหน้าส่งมา จนต้องรีบเดินตามเด็กเสิร์ฟหนุ่มไปยังจุดหมายอย่างรวดเร็ว
“ห้องนี้แหละ เข้าไป” เสียงเข้มเอ่ยก่อนจะยกมือขึ้นเคาะประตูตรงหน้า เมื่อเดินมาห้องส่วนตัวที่มีป้ายติดเด่นหราว่าเป็นห้องวีไอพี
“ถ้าทำงานเสร็จแล้วพี่จะมารับหนูใช่ไหมคะ”
แกร๊ก!
คำตอบที่ได้รับกลับเป็นการที่มือใหญ่เอื้อมไปเปิดประตูเมื่อได้ยินเสียงตอบรับจากคนด้านใน จากนั้นแรงผลักเบา ๆ ของผู้ชายคนนั้นก็เกิดขึ้น ส่งผลให้ร่างเล็กจำต้องก้าวเข้าไปเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว
มิลล่ารีบหันขวับไปที่ประตู หากแต่มันก็ถูกปิดดังปังต่อหน้าต่อตา ก่อนที่เสียงหัวเราะในลำคอของคนในห้องจะดังขึ้น ตามมาด้วยประโยคที่สะท้อนตอกหน้าเฉลยความจริงถึงสถานะของตัวเองในตอนนี้ว่ามันไม่ใช่เด็กนั่งดริ๊งก์อย่างที่รับรู้!
“ถอดเสื้อผ้าแล้วขึ้นไปรอเสี่ยบนเตียงเลยจ้ะ หนูคนสวย!”
