บท
ตั้งค่า

02 สมัครงาน

02

สมัครงาน

ตกดึกเป็นเวลาที่ผู้คนต่างก็แยกย้ายเข้านอน หากแต่มันไม่ใช่กับสองพี่น้องอย่างไมล์และมิลล่า...

ไมล์ออกมาทำงานที่ร้านสังสรรค์ ส่วนมิลล่าก็ออกมาทำรายงานที่หอพักของเพื่อน เนื่องจากตอนนี้เธอยังอยู่ในฐานะนักศึกษาชั้นปีที่สามที่ยังต้องประคับประคองการเรียนควบคู่กับสภาพชีวิตที่พลิกผัน

หญิงสาวออกมาจากห้องพักพร้อมกับพี่ชายก่อนจะแยกจากกันเมื่อถึงจุดหมาย มิลล่าเดินต่อเพื่อตรงไปยังหอพักของเพื่อนสนิทซึ่งอยู่ไม่ไกลจากร้านที่ไมล์ทำงาน ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีเธอก็มาถึงและเริ่มทำงานที่ได้รับมอบหมายทันที

“มิลล่า แกจะกินอะไรป้ะ ในตู้เย็นฉันมีขนมเยอะแยะเลย เอาไปนั่งกินตอนทำงานสิ” เสียงของ ‘กุ๊ก’ เอ่ยถามเพื่อนสนิทที่ตอนนี้กำลังจดจ่อกับหน้าจอโน้ตบุ๊กด้วยความเคร่งเครียด

“ไม่อ่า ฉันไม่หิว” มิลล่าส่ายหน้าและหันกลับมาสนใจสิ่งเดิม หากแต่ในใจกลับสวนทางกับคำตอบที่พูดออกไปอย่างสิ้นเชิง

เธอเกรงใจเพื่อนต่างหาก...

“ไม่หิวก็ต้องกิน ฉันบังคับ ช่วยกินหน่อย นี่ฉันซื้อมาตุนไว้เต็มตู้กลัวมันจะหมดอายุซะก่อน อะเอาไป” กุ๊กเดินมานั่งจุ้มปุ๊กที่พื้นพรมซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับมิลล่า ก่อนจะยัดขนมใส่มือและส่งสายตาดุ ๆ กลับไปให้

“ฉันกลัวอ้วนต่างหาก” มิลล่าตอบเสียงอ้อมแอ้ม ครั้นเห็นทีท่าจริงจังของคนตรงหน้าก็เป็นต้องรีบแกะซองขนมและยัดเข้าปากพัลวัน

“แกไม่ต้องเกรงใจฉันนะยัยมิล ถึงฉันจะช่วยแกเรื่องเงินไม่ได้ แต่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนี้ฉันไหวอยู่แล้วน่า” เธอหมายถึงเรื่องขนมของกิน และรวมถึงการที่เพื่อนมาอยู่ที่ห้อง แม้ว่าจะไม่ได้มีข้ออ้างสำหรับการทำรายงานก็ตามที

หลังจากที่โชคชะตาของมิลล่าพลิกผัน เธอก็ปลีกตัวและไม่พูดคุยกับใคร เพราะข่าวการฆ่าตัวตายของพ่อผู้เป็นนักธุรกิจใหญ่เป็นที่น่าสนใจของสังคมในวงกว้าง

ข่าวคราวของเธอเป็นที่พูดถึงภายในมหาวิทยาลัย ไม่ว่าใครต่อใครที่เห็นเธอก็มักจะพูดคุยถึงเรื่องพ่อให้ได้ยินอยู่เสมอ นั่นจึงทำให้มิลล่าเลือกที่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร พยายามตีตัวออกหากจากกลุ่มเพื่อน แต่เธอโชคดีที่ยังหลงเหลือเพื่อนอย่างกุ๊กที่อยู่เคียงข้างไม่ว่าจะพบเจอกับเรื่องเลวร้ายใด ๆ

“ขอบคุณแกมากนะ”

“เรื่องเล็กน้อยน่า แกจะมานอนค้างกับฉันก็ได้ ฉันเองก็เช่าหออยู่คนเดียว แฟนก็ไม่มี แกจะมาหาฉันเมื่อไหร่ก็ย่อมได้ ฉันอยู่ตรงนี้เสมอ” กุ๊กจับประสานที่มือของมิลล่า ความอาทรและความห่วงใยส่งผ่านจนหญิงสาวถึงกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่

“ฮึก...แกเป็นเพื่อนที่ดีของฉันมากเลยกุ๊ก ขอบคุณแกมากนะ ขอบคุณแกมากจริง ๆ”

“เฮ้ย! อย่าร้องไห้สิ แกจะร้องทำไมเนี่ย พอ ๆ เลิกดราม่าแล้วทำงานกันดีกว่า ไม่ส่งรายงานตามเดดไลน์เจ๊ยศแกแจกเอฟแน่!” กุ๊กพยายามเปลี่ยนเรื่องเพื่อไม่ให้เพื่อนสนิทคิดมาก ทั้งยังยกอ้างถึงเรื่องการทำงานที่เป็นประเด็นทำให้เกิดความสนใจได้เป็นอย่างดี

“นั่นสิ น่ากลัวพอ ๆ กับความจนก็คือเอฟที่อาจารย์แจกให้นี่แหละ ยิ่งกับเจ๊ยศแล้วฉันยิ่งสยอง!”

ถึงชีวิตจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ แต่การเรียนก็เป็นสิ่งสำคัญที่มิลล่าไม่คิดทอดทิ้ง เหลือเพียงอีกหนึ่งปีกว่า ๆ เท่านั้นที่เธอจะคว้าใบปริญญา ในเมื่อเธอไม่ใช่ลูกคุณหนูไฮโซเหมือนเมื่อก่อนก็ต้องใช้วุฒิการศึกษาเป็นใบเบิกทางเพื่อหาทางดิ้นรนกันต่อไป

เวลาล่วงเลยไปเกือบเที่ยงคืน คนที่นั่งจดจ่อกับหน้าจออิเล็กทรอนิกส์มาหลายชั่วโมงก็ตัดสินใจหยุดการทำงานลง เพราะเริ่มอ่อนล้าและได้เวลาที่จะต้องกลับแล้ว

“อ้าว ไม่ทำแล้วเหรอยัยมิล” กุ๊กเชยใบหน้าขึ้นจากโทรศัพท์ เธอสลับทำรายงานและเล่นโซเชียลไปด้วย พอรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เห็นเพื่อนสนิทกำลังเก็บโน้ตบุ๊กและข้าวของอื่น ๆ ใส่กระเป๋าเป็นที่เรียบร้อย

“อื้อ ดึกแล้วด้วยอะ ฉันว่าฉันกลับดีกว่า แกจะได้พักผ่อนด้วย”

“พักผ่อนอะไร ฉันน่ะสาวแวมไพร์ เวลากลางคืนคือเวลาออกล่าของฉันย่ะ!”

“ย่ะ! แต่ฉันต้องกลับแล้ว พี่ไมล์ก็น่าจะเลิกงานแล้วแหละ” มิลล่าเอ่ยพลางพิมพ์ข้อความหาคนเป็นพี่ชายที่ไม่ได้ตอบกลับมาตั้งแต่ช่วงค่ำ

ก่อนจะแยกย้ายกัน ไมล์กำชับเธอเป็นอย่างดีว่าให้รอกลับพร้อมกัน เขาเลิกงานประมาณเที่ยงคืนกว่า ๆ เห็นว่าดึกดื่นจึงไม่อยากให้น้องสาวกลับเพียงลำพัง สู้ให้อยู่ห้องเพื่อนแล้วรอเวลาจนกว่าเขาจะเลิกงานเสียยังดีกว่า หากแต่ข้อความที่มิลล่าส่งไปหาก่อนหน้าเพื่อรายงานว่าเธอได้เดินทางมาถึงหอพักของเพื่อนอย่างปลอดภัยแล้วนั้นกลับยังไม่ได้ถูกเปิดอ่าน

คนเป็นน้องทำได้เพียงนึกแปลกใจ แต่ก็ไม่คิดโทรศัพท์หาเพราะกลัวว่าจะเป็นการรบกวนพี่ชาย เนื่องจากวันนี้เริ่มทำงานวันแรกอาจจะติดพันเนื้อหางานที่ต้องสะสางก็เป็นได้

“พี่ไมล์ยังไม่เห็นโทรมาเลย แกก็รออยู่ที่ห้องฉันก่อนสิค่อยไป”

“ฉันไปรอพี่ไมล์ที่ร้านดีกว่า ไม่เสียเวลาด้วย” มองนาฬิกาบนหน้าจอโทรศัพท์ก็เห็นว่าดึกมากแล้ว เธอไม่อยากอยู่รบกวนเพื่อนสนิทมากเกินไป

“เอางั้นเหรอ งั้นเดี๋ยวขี่รถไปส่งแล้วกัน ห้ามปฏิเสธล่ะ!” กุ๊กลุกขึ้นและเดินไปหยิบกุญแจรถมอเตอร์ไซค์ ทั้งยังรีบพูดดักทางเพราะรู้ดีว่าเพื่อนคนนี้จะต้องเกรงใจปฏิเสธอยู่ทุกที

“ขอบคุณแกมากนะ”

“ขอบคุณอะไรนักหนา มาสิยัยมิล ฉันเพื่อนแกนะ จะเกรงใจอะไร ไปเร็ว!”

ตัวรถมอเตอร์ไซค์ขับมาจอดเทียบด้านหน้าตัวร้านสังสรรค์ที่มีเสียงเพลงบีทหนักดังเล็ดลอดออกมาจากด้านในให้ได้ยิน มิลล่าลงจากรถพลางกวาดสายตามองรอบ ๆ ก่อนจะกลับมาดูนาฬิกาซึ่งบ่งบอกว่าตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนกว่าแล้วแต่ผู้คนมากมายกลับยังสนุกสนานอยู่ในที่แห่งนี้

“เที่ยงคืนแล้วร้านยังไม่ปิดอีก เส้นใหญ่ชัวร์!”

“ฉันก็ว่างั้น แกกลับเถอะกุ๊ก ขอบคุณมากนะที่มาส่ง” มิลล่าคิดอย่างที่เพื่อนสนิทพูด เวลาแบบนี้ผู้คนสังสรรค์ยังอยู่เต็มร้าน พอมองออกไปฝั่งตรงข้ามก็เห็นว่าเหล่าลูกค้าที่เพิ่งแวะเวียนมา ทั้ง ๆ ที่ถึงเวลาปิดร้านตามกฎหมาย

“เดี๋ยวฉันอยู่รอพี่ไมล์เป็นเพื่อน”

“ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องเป็นห่วง คนเยอะขนาดนี้ไม่เป็นอันตรายแน่นอน”

“แน่ใจ” กุ๊กทวนถามอีกครั้งพลางส่งสายตาอย่างไม่คิดวางใจ

“แน่ใจสิ รีบไปได้แล้วน้า เดี๋ยวฉันจะโทรหาพี่ไมล์เดี๋ยวนี้แหละ บาย ๆ ถึงห้องแล้วทักมาบอกด้วยล่ะ” เพื่อเป็นการยืนยันในการตัดสินใจ มือเล็กรีบดันตัวเพื่อนสนิทให้เดินไปที่รถมอเตอร์ไซค์ จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทำท่าว่าจะกดโทรหาพี่ชาย กระทั่งเห็นว่าเพื่อนกำลังขับเคลื่อนออกไปถึงได้ลอบถอนหายใจออกมาพัลวัน

“จะโทรหรือจะรอดีนะ” เสียงเล็กบ่นกับตัวเองเบา ๆ อย่างนึกชั่งใจ

เห็นลูกค้าในร้านที่พี่ชายทำงานพิเศษก็คิดว่าภาระงานคงหนักอึ้งจนไม่มีเวลาว่างรับสาย ดีไม่ดีการที่เธอโทรไปก็อาจจะเป็นการรบกวนเสียเปล่า ๆ

มิลล่าตัดสินใจกับตัวเองอยู่ชั่วครู่จึงเลือกที่จะยืนรอพี่ชายอยู่ประตูหลังร้าน ก่อนหน้าที่เธอเดินออกมาจากห้องพักพร้อมกันนั้นเธอสังเกตเห็นว่าตอนไมล์เข้างานนั้นมักจะเลือกเข้าที่ประตูนี้แทนประตูหลักซึ่งอยู่ด้านหน้า

“อ้าวน้อง มาทำไรเนี่ย มายืนทำอะไร ทำไมไม่เข้าไปทำงาน”

ทว่าเสียงเข้มแข็งกร้าวที่ดังขึ้นจากทางด้านหลังทำให้หญิงสาวรีบหันขวับไปมองด้วยความตกใจ กระทั่งพบกับร่างสูงใหญ่ สองขาเล็กจึงค่อย ๆ ถอยหลังออกมาอย่างนึกหวาดหวั่น

“ถามทำไมไม่ตอบวะน้อง นี่อู้งานเหรอเนี่ย เข้าไปทำงานได้แล้ว วันนี้ลูกค้าเยอะ ทิปหนักด้วย”

มิลล่ามองอย่างไม่เข้าใจ เธอพยายามประมวลคำพูดของคนตรงหน้า ครั้นจับใจความได้ว่าอีกฝ่ายคงคิดว่าเธอทำงานอยู่ที่ร้านแห่งนี้เป็นแน่

ชุดที่เธอสวมใส่เป็นเสื้อยืดและกางเกงขายาวธรรมดา เธอทำหน้าเหลอหลาพลางขบคิดอยู่คนเดียวว่าดูยังไงสภาพของเธอก็ไม่เหมือนพนักงานที่นี่เลยสักนิด

“หนูไม่ใช่พนักงานที่นี่หรอกค่ะพี่ หนูมารอพี่ชายค่ะ พี่ชายหนูทำงานที่นี่” มิลล่าตอบไปตามความจริง แม้ว่าเธอจะนึกหวาดกลัวคนตรงหน้า แต่ดู ๆ ไปแล้วคนอีกฝ่ายก็ไม่ได้มีท่าทีคุกคามหรือจะทำไม่ดีไม่ร้ายกับเธอเลยสักนิด

“อ้าวเหรอ เห็นว่าหน้าตาสวยพี่ก็นึกว่าเป็นเด็กที่นี่ โทษที”

“ที่นี่รับผู้หญิงเข้าทำงานด้วยเหรอคะ แล้วยังรับอยู่หรือเปล่าคะ หนูอยากทำงาน” พอความกลัวเลือนหายมันก็ถูกแทนที่ด้วยความสงสัยอยู่ในที หญิงสาวถามตาเป็นประกาย เพราะก่อนหน้านั้นได้ลองถามพี่ชายถึงการรับสมัครงานจนได้รู้คำตอบว่าที่นี่ไม่รับผู้หญิง

“รับสิ รับตลอดนั่นแหละ” คนอีกฝ่ายหันกลับมามองอีกครั้ง คราวนี้รอยยิ้มหยันหยัดขึ้นจาง ๆ ที่มุมปาก หากแต่หญิงสาวตัวน้อยกลับไม่ทันได้สังเกตมัน

“หนูสนใจค่ะพี่ หนูขอสมัครได้ไหม หนูสนใจมาก ๆ เลยค่ะ!” ท่าทางเริงร่าดีใจจนออกนอกหน้า มิลล่ากอดกระเป๋าโน้ตบุ๊กไว้แนบอก ขณะที่ขาสองข้างก็กระโดดหย็อง ๆ พลางคิดไปถึงเหตุการณ์ข้างหน้าที่จะสามารถช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายในตอนนี้ได้

“ฮึ…ได้สิ เดี๋ยวพี่พาเข้าไปหาผู้จัดการเดี๋ยวนี้เลย พี่รับรองว่าน้องได้งานชัวร์!”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel