ตอนที่ 13 หน้าที่
ทุกเช้าของวันคุณชายไมล์จะออกไปรดน้ำต้นไม้ตามจุดต่างๆ ของบริเวณบ้านรวมถึงต้องตัดแต่งพุ่มไม้ให้เกิดความสวยงามและทุกๆ 4 วันเขาต้องทำการตกแต่งสวนหย่อมที่มีมากกว่า 10 จุดรอบบ้านแต่คุณชายไมล์ก็ไม่ได้เกิดความย่อท้อแต่อย่างใด เขายังคงปฏิบัติหน้าที่ของตนด้วยความสมัครใจและเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขที่แสดงออกผ่านรอยยิ้มทุกครั้ง
โดยมีท่านชายปริ้นซ์คอยกำกับดูแลความเรียบร้อยอยู่ห่างๆ อย่างไม่ละสายตา งานทุกอย่างภายในบ้านหลังใหญ่ได้ตกอยู่ที่คุณชายไมล์แต่เพียงผู้เดียวด้วยความปรารถนาของเขาที่ต้องการเป็นข้ารับใช้ให้กับท่านชายปริ้นซ์คนรักไปตลอดชีวิต
เวลาผ่านไปพฤติกรรมของชายหนุ่มทั้งสองได้อยู่ในสายตาของใครคนหนึ่งที่คอยจับจ้องและแอบซุ่มมองตามจุดต่างๆ ที่ชายหนุ่มทั้งสองปฏิบัติภารกิจในหน้าที่ที่รับผิดชอบทุกฝีก้าว สายตาแห่งความโกรธแค้น ขุ่นเคืองแสดงออกทางสีหน้าพุ่งตรงไปยังท่านชายปริ้นซ์อย่างไม่ลดละ นับวันรังสีอำมหิตจากคนคนนี้ยิ่งแผ่กระจายมากขึ้นทุกทีเพื่อรอจังหวะที่เขาจะต้องทำอะไรบางอย่างแก่ท่านชายโดยแน่แท้
"นี่เธอมาแอบซุ่มอะไรตรงนี้ กำลังแอบมองท่านชายปริ้นซ์อยู่ใช่ไหม"
เสียงอันคุ้นเคยของแม่นมที่ทำให้เขาตกใจและรีบหันหน้าไปมองคนต้นเสียงโดยไม่ได้อำพรางใบหน้าเช่นที่ผ่านมาส่งผลให้แม่นมเกิดความตกใจขึ้นด้วยเช่นกัน
"แม่นม!"
"ท่านรององครักษ์ ท่านมาได้อย่างไร ท่านถูกควบคุมตัวอยู่ไม่ใช่หรือแล้วเหตุใดท่านจึงมาถึงที่นี่ได้หรือว่าท่าน?..."
ไม่ทันที่แม่นมจะได้กล่าวอะไรต่อก็ถูกมือใหญ่ของรององครักษ์คว้าที่ลำคอของนางก่อนจะดึงเข้ามาประชิดตัวแล้วพูดบางสิ่งข่มขู่นาง
"หากแม่นมไม่อยากตายจงปิดเรื่องที่เราแอบลักลอบมากับกลุ่มข้ารับใช้ท่านชายไว้ซะ มิอย่างนั้นแม่นมเองจะเดือดร้อน"
ด้วยความรักและภักดีต่อท่านชายปริ้นซ์ แม่นมผู้สูงวัยจากที่เคยเป็นองครักษ์หญิงคอยปกป้องคุ้มภัยท่านหญิงซึ่งเป็นแม่ของท่านชายปริ้นซ์มาก่อน ครั้นตอนยังเป็นสาวใหญ่จึงเกิดหัวใจฮึกเหิมคิดต่อสู้รององครักษ์อย่างไม่คิดเสียดายชีวิต ด้วยความที่นางเป็นคนใจเย็นมีสติปัญญาเฉียบแหลมบวกทั้งนางมีปฏิภาณไหวพริบที่ดีเยี่ยมเหนือกว่าองครักษ์หญิงทั้งปวงแห่งวังพงศ์เจริญ นางจึงใช้เวลาและโอกาสที่เหมาะสมคิดตลบหลังรององครักษ์ที่มีฝีมือไม่อาจเทียบเท่ากับนางได้
พอนางเห็นว่าได้จังหวะที่ท่านรององครักษ์เผลอจากการจับกุมและบังคับขู่เข็ญตัวนาง แม่นมสูงวัยใช้โอกาสบิดข้อมือของรององครักษ์นั้นไปด้านหลังลำตัวอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้รององครักษ์ร้องขึ้นด้วยความเจ็บปวดทรมานและด้วยความรวดเร็วนั้นรององครักษ์เกิดพลาดท่าหนักกว่าเดิม เมื่อแม่นมใช้จังหวะนี้รวบสองแขนและทำการใส่กุญแจมือที่พกติดตัวอยู่ตลอดเวลาโดยที่คนอื่นไม่รู้ว่าที่ตัวของนางมีกุญแจมือ
จากนั้นจึงรีบใช้เชือกเส้นใหญ่มัดที่ข้อเท้าของรององครักษ์อย่างแน่นหนา ขณะที่ท่านชายปริ้นซ์และคุณชายไมล์ได้ยินเสียงร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดของท่านรองฯ จึงพากันวิ่งเข้ามาแล้วช่วยจับกุมตัวท่านรองฯ อย่างทันท่วงที
“นีน!?... นายมาได้ยังไงน่ะ”
“ผมก็มาทวงความยุติธรรมของผมคืนไงครับ แต่ถ้าไม่โดนจับได้เสียก่อน” รององครักษ์พ่นความเคียดแค้นใจให้อีกฝ่ายฟังอย่างน่าเวทนา
“เราขอโทษนะนีน หากสิ่งที่เกิดขึ้นกับนายมันทำให้นายโกรธแค้นเราขนาดนี้”น้ำเสียงท่านชายฟังดูหดหู่ลงทันที
"ท่านชายจะมาขอโทษตอนนี้มันจะไม่สายเกินไปหรือครับ ท่านชายรู้ตัวมั๊ยว่าท่านมีจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตมาก ท่านทำร้ายผมยังไม่พอ ท่านยังมาพรากหัวใจของผมไปจากผมอีก ซ้ำยังมาตัดเยื่อใยกับหัวใจดวงน้อยที่มันจงรักภักดีต่อท่านด้วยการตีตัวออกห่าง ท่านรู้ไหมว่าผมรู้สึกยังไง ว่าผมเสียใจแค่ไหนกับสิ่งที่ท่านชายทำกับผม ไม่ว่าจะนานแค่ไหนและไม่ว่าจะยังไง ผมจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ท่านชายมาเป็นของผมดังเดิมเช่นแต่ก่อนให้ได้!"
จากคำพูดของรององครักษ์หนุ่ม มันส่งให้เขารู้สึกเสียใจกับการกระทำของตนเองในอดีต เพียงเพราะความเหน็บหนาวและความว้าเหว่จึงทำให้เกิดเป็นความผูกพันแน่นแฟ้นเกินกว่าฐานะท่านชายและข้ารับใช้ผู้ภักดีจะสุขสมหวังได้
"นีนหากสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตมันทำให้นายรู้สึกเสียใจต่อการกระทำของเรา เราเองต้องขอโทษนายอีกครั้งแต่เรายังยืนยันความรู้สึกของตัวเองอย่างเดิมว่า เราไม่ได้รู้สึกหรือคิดอะไรกับนายเกินเลยจากสถานะท่านชายและองครักษ์" ท่านชายปริ้นซ์กล่าวทั้งน้ำตาด้วยความรู้สึกเสียใจที่มีต่อองครักษ์หนุ่ม
"สิ่งที่ท่านพูดมาทั้งหมดมันก็คือการปันใจนั่นแหละ ทั้งที่ผมเคยบอกกับท่านถึงความรู้สึกที่มีต่อท่านแต่ท่านกลับลืมเลือนในคำสัญญาที่ท่านมีต่อผม เมื่อทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ ผมรององครักษ์แห่งวังพงศ์เจริญคงไม่รู้จะมีชีวิตต่อไปเพื่อใครและเพื่ออะไรต่อไปแล้ว ขอให้ท่านชายรู้ไว้ผมยังจะรักท่านชายอยู่เสมอและจะมีท่านชายอยู่ในหัวใจของผมตลอดไป"
รององครักษ์นีนตัดพ้อด้วยความรู้สึกเสียใจขณะที่สายตาของเขาได้เพ่งเล็งไปยังตอไม้ขนาดสามนิ้วและมีความยาวเกือบสองไม้บรรทัดตรงเฉียงมาทางเขาที่ผ่านการตัดแต่งกิ่งอยู่ข้างลำตัว ทันทีที่รององครักษ์กล่าวจบ ได้ยันตัวเองให้ลุกขึ้นแล้วล้มลงใส่ตอไม้เล็กนั้นทันทีโดยไม่มีใครคาดคิด ส่งผลให้ตอไม้นั้นแทงเข้าบริเวณอกของรององครักษ์อย่างจังก่อนจะทะลุผ่านด้านหลัง ซึ่งเป็นภาพที่น่ากลัวและสยดสยองเป็นอย่างมาก
เมื่อท่านชายปริ้นซ์ได้เห็นภาพดังกล่าวจึงรีบเข้าไปประคองรององครักษ์ที่คิดจะปลิดชีวิตตนเอง บัดนี้รององครักษ์ได้หมดสติลงไปแล้วก่อนที่ทั้งสามคนจะช่วยกันตัดตอไม้เล็กให้ยังคงเสียบคาที่ลำตัวของท่านรองก่อนจะช่วยกันนำร่างที่หมดสติไปโรงพยาบาลใกล้เคียงเพื่อทำการรักษาทันที ด้วยความโชคดีของท่านรองฯ ทำให้หมอที่ทำการรักษาสามารถยื้อชีวิตของเขาให้รอดพ้นจากเงื้อมมือมัจจุราชได้ทัน
ท่านชายที่ยังรู้สึกเสียใจและเป็นห่วงถึงความรู้สึกของท่านรองฯ ที่มีความจงรักภักดีต่อตนเองจึงออกคำสั่งให้องครักษ์ที่ประจำวังพงศ์เจริญส่งหมอซีซ่าให้มาเป็นผู้ดูรักษาท่านรองฯ หลังจากออกจากโรงพยาบาล
คำสั่งของท่านชายปริ้นซ์ส่งผลให้หมอซีซ่าได้รับหน้าที่เป็นหมอประจำตัวรององครักษ์อย่างนีนตลอด 24 ชั่วโมงเป็นเวลาเกือบ 2 อาทิตย์เต็มๆ จากหน้าที่กลายเป็นความผูกพันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความรู้สึกที่ขาดหายจากหัวใจของท่านรององครักษ์เริ่มกลับมาเติมเต็มและอบอุ่นขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนด้วยการเอาใจใส่ดูแลเปรียบเสมือนบุคคลสำคัญที่ช่วยต่อลมหายใจให้แก่เขา
ความสัมพันธ์ระหว่างรององครักษ์หนุ่มและหมอหนุ่มเริ่มก่อตัวกลายเป็นความรักที่อบอุ่นในที่สุดโดยที่หมอหนุ่มเองก็ไม่ได้มีการปฏิเสธต่อความรู้สึกของหัวใจที่กำลังเบ่งบานอย่างช้าๆ กับความรักที่เพิ่งก่อตัวในรูปแบบใหม่ที่เขาเพิ่งได้รับถึงความรู้สึกแบบนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต
