ตอนที่ 11 เข้าใจ
คุณชายไมล์
การรักษาพยาบาลของหมอซีซ่าที่กำลังตรวจวินิจฉัยโรคของคุณชายไมล์ยังคงดำเนินต่อไป แม้เวลาจะล่วงเลยเข้าไปสู่ชั่วโมงที่ 2 ของการรักษา จากการตรวจร่างกายอย่างละเอียดทำให้หมอซีซ่าได้ทราบสาเหตุถึงโรคต่างๆ ที่กำลังรุมเร้าคุณชายไมล์อย่างไม่เคยเจอมาก่อน หมอซีซ่ามีสีหน้าเคร่งเครียดและรู้สึกเป็นกังวลจนมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นตามหน้าผากทำให้แม่นมที่คอยเป็นลูกมืออยู่ด้านข้างต้องเอ่ยถามด้วยความสงสัย
"มีอะไรหรอคะท่านหมอ ทำไมมีสีหน้าแปลกๆ แบบนั้นคุณชายเป็นอะไรหรอคะ"
"คุณชายท่านเป็นโรคหัวใจระยะแรกครับ กำลังจะเข้าสู่ระยะกลางซึ่งจะมีความซับซ้อน อาจจะมีอาการเกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ และรุนแรงขึ้นด้วยครับ ผมขอถามนิดหนึ่งได้ไหมครับ ทุกครั้งที่คุณชายมีอาการแบบนี้คุณชายท่านเผชิญกับปัญหาหรือเรื่องร้ายอะไรหรือเปล่าครับ"
คำวินิจฉัยโรคของหมอซีซ่าส่งผลให้แม่นมมีความตกใจเป็นอย่างมากกับสิ่งที่ได้รับฟังก่อนที่จะตอบคำถามดังกล่าว
"หากจะพูดถึงอาการที่กำเริบจะเกิดขึ้นเฉพาะตอนที่ท่านถูกขัดใจมากๆค่ะ ส่วนครั้งนี้ที่มีอาการกำเริบอีกครั้งคงจะเป็นเรื่องที่คุณชายรับไม่ได้กับเรื่องท่านชายปริ้นซ์มีความสัมพันธ์กับรององครักษ์ค่ะ ท่านเลยสลบไปอย่างที่เห็นค่ะ"
"มีเพียงเท่านี้ใช่ไหมครับที่คุณชายจะมีอาการแบบนี้" หมอหนุ่มถามอีกครั้งเพื่อความชัดเจน
"ค่ะท่านหมอ มีอะไรอีกหรือเปล่าที่ฉันต้องคอยระวังและดูแลคุณชายน่ะค่ะ"
"จากที่ผมได้ฟังเรื่องราวจากแม่นมและหัวหน้าองครักษ์ถึงท่านชายปริ้นซ์ถึงความสัมพันธ์ที่มีต่อคุณชายไมล์คร่าวๆ เพียงคนเดียวเท่านั้นครับที่จะสามารถรักษาโรคนี้ให้กับคุณชายไมล์ได้นั่นคือท่านชายปริ้นซ์ครับ หากเป็นไปได้นับจากนี้ขอให้ท่านชายมาช่วยดูแลคุณชายของแม่นมเป็นกรณีพิเศษได้หรือไม่ครับ เพราะกำลังใจ ความเข้าใจ ความเชื่อใจและความรัก สิ่งเหล่านี้จะช่วยเยียวยาโรคหัวใจของคุณชายให้มีอาการดีขึ้น ไม่แน่นะครับ อาจจะหายเป็นปกติในเร็ววันนี้ก็เป็นได้ อยู่ที่ว่าท่านชาย ปริ้นซ์จะรู้และเข้าใจในสิ่งที่ผมพูดหรือเปล่าเท่านั้นครับ แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น หากไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ"
หลังสิ้นคำกล่าวของหมอหนุ่ม แม่นมได้เผยรอยยิ้มอย่างมีความหวังและไม่รอช้าที่จะกล่าวขอบคุณหมอซีซ่า แล้วลุกเดินออกจากห้องไปพร้อมๆ กับหมอหนุ่มเพื่อที่จะไปบอกกับท่านชายปริ้นซ์โดยเร็วที่สุด
ทันทีที่ประตูห้องนอนของท่านชายปริ้นซ์ถูกเปิดออกคนทั้งสามที่เฝ้ารออยู่หน้าประตูก็รีบวิ่งมายังบุคคลทั้งสองเพื่อถามถึงอาการและผลการรักษา
"ท่านหมอคุณชายเป็นอย่างไรบ้าง หายดีแล้วใช่ไหม" ท่านชายปริ้นซ์ถามถึงอาการของคุณชายไมล์กับหมอหนุ่มด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลนอย่างคนตื่นเต้น
"ด้วยความเคารพครับท่านชายขณะนี้คุณชายอยู่ในสถานการณ์ที่ปลอดภัยแล้วครับ แต่เรื่องอาการของโรคสามารถที่จะกำเริบได้ตลอดเวลาหากขาดคนที่รู้ใจและเข้าใจ คอยดูแลอาการเหล่านั้นอาจจะกำเริบได้อีกครับ วิธีการดูแลรักษาสามารถสอบถามกับแม่นมได้เลยครับ เพราะผมได้บอกวิธีการรักษาแกนางไปแล้วถ้ายังไงผมขอตัวก่อนนะครับท่านชาย"
เมื่อท่านชายปริ้นซ์ได้ยินว่าคุณชายไมล์มีอาการปลอดภัยดีแล้วทำให้เขารู้สึกดีใจอย่างมากจนเผลอสวมกอดหมอหนุ่มอย่างคนดีใจจนทำให้หัวหน้าองครักษ์และแม่นมทั้งสองยืนมองด้วยความแปลกใจเล็กน้อยกับอาการที่ท่านชายกระทำ
"เอ่อ...เราขอโทษนะ เราดีใจน่ะที่ท่านช่วยให้คุณชายปลอดภัย เราขอบใจท่านมากนะท่านหมอ"
หมอหนุ่มที่ถูกท่านชายหน้าหวานสวมกอดทำให้เขาเองก็รู้สึกเขินอายจนมีอาการหน้าแดงอย่างเห็นได้ชัด
"มะ...ไม่เป็นอะไรครับท่านชาย ผมเข้าใจความรู้สึกครับแต่ท่านชายช่วยคลายวงแขนจากตัวผมก่อนได้ไหมครับ...แหะๆ"
ท่านชายเหมือนจะเพิ่งรู้ตัวว่าตนกำลังกอดคนร่างใหญ่อยู่ในวงแขนเรียวของตนก่อนจะค่อยๆ คลายวงแขนออกจากตัวหมอหนุ่มอย่างอายๆ ไม่แพ้กัน ปล่อยให้หมอซีซ่าเดินลูบศีรษะด้วยอาการเขินอายเดินจากไป
เมื่อท่านชายมีสติกลับมาครบถ้วนจึงรีบวิ่งเข้าไปยังห้องนอนของตนเพื่อดูอาการของคุณชายไมล์ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่คุณชายได้ลืมตาขึ้นและถามหาตนพอดี
"ปาร์วีน... ปาร์วีนนายอยู่ไหน ปาร์วีน..!"
"คุณชายผมอยู่นี่ครับ ผมอยู่ข้างๆ คุณชายครับ"
ท่านชายปริ้นซ์จับมือของคุณชายไมล์ขึ้นมาประคองแล้วพร่ำบอกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงร้อนรนและรู้สึกดีใจ
ในขณะเดียวกัน ดวงตาคู่สวยจับจ้องไปยังดวงตาคมของอีกฝ่ายอย่างไม่ละสายตาจนทำให้ดวงตาคมของคุณชายไมล์ได้สบตาเข้ากับดวงตาคู่สวยของปาร์วีนทั้งสองได้เผยรอยยิ้มให้แก่กัน ก่อนที่คุณชายไมล์จะลุกขึ้นมาสวมกอดท่านชายปริ้นซ์อย่างแนบแน่นด้วยความห่วงหาอาทรและความคิดถึงสุดหัวใจ
"นายจะแต่งงานจริงๆ น่ะหรอ แต่เราไม่ยอมนะ เราไม่ยอมให้นายแต่งงานกับใครทั้งนั้นคนที่นายจะแต่งงานด้วยนั้นต้องเป็นเรา ต้องเป็นเราคนเดียวเท่านั้นเข้าใจไหม เข้าใจไหมปาร์วีนบอกเราสิ บอกเรา..."
ไม่ทันที่คุณชายจะได้พร่ำพรรณนาถึงความรู้สึกต่ออีกฝ่ายจบทางท่านชายปริ้นซ์ได้พูดแทรกขึ้นอย่างสุภาพต่ออีกฝ่าย
"คุณชายผมเข้าใจในความรู้สึกของคุณชายนะครับ จะไม่มีการแต่งงานเกิดขึ้นระหว่างผมกับใครทั้งนั้น แต่สำหรับคุณชายผมขอเวลาหน่อยได้ไหมครับ ขอให้ผมได้กลับไปทำหน้าที่ของแจ๋วที่ดีจนกว่าคุณชายจะพอใจในการทำงานของผมอีกสักครั้งได้ไหมครับ ที่สำคัญขอให้ผมได้อยู่ปรนนิบัติและดูแลรับใช้คุณชายจนกว่าคุณชายจะเบื่อ แล้วไล่ผมออกเองนะครับ"
"ทำไมนายต้องพูดแบบนี้ นายก็รู้ว่าตอนนี้นายเป็นถึงท่านชายนะ นายจะกลับไปทำงานรับใช้ให้กับเราอีกได้ยังไง ยิ่งกว่านั้นนายมีศักดิ์สูงกว่าเราควรที่จะเป็นเรามากกว่าที่จะทำหน้าที่รับใช้ปรนนิบัติต่อนาย
“ไม่ได้หรอก... นายเป็นคุณชายจะมาปฏิบัติงานในหน้าที่แบบนั้นไม่ได้ผมไม่ให้ทำ" ท่านชายปริ้นซ์คัดค้านความต้องการของคุณชายไมล์ คนทั้งสองโต้เถียงกันไปมาอยู่นานพอสมควรอย่างไม่ยอมกัน
จนกระทั่งคุณชายไมล์เริ่มมีสีหน้าแปลกๆ คล้ายกับคนที่จะมีอาการกำเริบขึ้นอีกครั้ง แม่นมของคุณชายไมล์จึงขออนุญาตและเชิญท่านชายปริ้นซ์ออกไปคุยกับนางที่ด้านนอกห้องนอนโดยมีแม่นมของท่านชายปริ้นซ์คอยพูดจาประคับประคองให้สัญญาว่าจะคุยกับท่านชายและให้คุณชายได้ทำหน้าที่ตามที่ชายหนุ่มต้องการเพื่อไม่ให้อาการกำเริบ
คนทั้งสองออกมาคุยกันที่หน้าห้องนอน
"มีอะไรหรือเปล่าครับแม่นมถึงเรียกผมมาคุยด้านนอกล่ะครับ" ท่านชายปริ้นซ์เอ่ยถามอย่างแปลกใจ
"ท่านชายคะท่านหมอบอกกับแม่นมว่า คุณชายเป็นโรคหัวใจระยะแรกค่ะ"
แม่นมบอกอาการในสิ่งที่คุณชายเป็นสร้างความตกใจให้กับท่านชายปริ้นซ์เป็นอย่างมากจนมีสีหน้าซีดเซียวขึ้นมาในทันที
"โรคหัวใจ! คุณชายเป็นโรคหัวใจหรอครับ ไม่น่าจะเป็นไปได้ตั้งแต่เมื่อไหร่หรือว่าอาการที่คุณชายเป็นทุกครั้งนั้นก็คือสาเหตุหนึ่งของโรคหัวใจหรอครับ"
ท่านชายปริ้นซ์กล่าวคล้ายคนกำลังจะมีอาการช็อคตามมาแม่นมเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเข้าประคองร่างบางขณะที่ท่านชายกำลังจะล้มลงตรงโซฟาด้านหน้าห้องนอน
"ท่านชาย! ท่านชายอย่าเป็นอะไรนะคะ คุณชายไม่เป็นอะไรมากค่ะ เพียงแต่นมอยากให้คุณชายอยู่ดูแลพยาบาลคุณชายไมล์จะได้ไหมคะ ให้ท่านมีอาการดีขึ้นและหายเป็นปกติค่ะ เพราะด้วยความรัก ความเข้าใจและความเชื่อใจของท่านชายที่มีต่อคุณชายจะช่วยให้คุณชายของนมมีอาการดีขึ้นได้ค่ะ"
หลังจากที่แม่นมประจำตัวคุณชายไมล์ได้พูดถึงวิธีการรักษาโรคใจของอีกฝ่ายจบลง ท่านชายปริ้นซ์ก็ยิ้มอย่างมีความหวังอีกครั้ง
"ได้ครับแม่นมผมยินดีที่จะดูแลและพยาบาลคุณชายเต็มที่จนสุดความสามารถหรือจะให้ผมดูแลไปตลอดชีวิตของผมเลยก็ได้ครับ ผมยอมทำทุกอย่างเพื่อคุณชายครับ"
"นมขอบคุณท่านชายมากนะคะ ที่จะช่วยดูแลรักษาให้คุณชายของนมให้กลับมามีชีวิตที่ปกติอีกครั้ง นมต้องขอบคุณจริงๆ ค่ะท่านชาย"
แม่นมสูงวัยกล่าวขอบคุณท่านชายปริ้นซ์ด้วยความดีใจแล้วลุกขึ้นสวมกอดท่านชายด้วยความรัก คนทั้งคู่ต่างกอดกันด้วยความยินดีและดีใจที่คนรักของเขาทั้งสองกำลังจะกลับมามีชีวิตที่ปกติอีกครั้ง
