ตอนที่ 4 ครบรส
“ชุดนี้อยู่บนตัวฉันแล้วรู้สึกว่ามีออร่าขึ้นมาเลยว่ามั้ยคะ ไม่หวานแล้วก็โดดเด่น”
หลังสวมชุดสีแดงรัดรูปเปร่งประกายระยิบระยับ นาวียืนชื่นชมความงามอยู่ตนอยู่หน้ากระจกบานไหญ่ โดยมีชายร่างสูงยืนโอบร่างบางของเธอเอาไว้จากด้านหลัง ชายหนุ่มไม่อยู่นิ่งประกบปากจุ๊ปไปทั่วไปที่ ชุดที่อยู่บนตัวของเธอนั้นมันแหวกเสียจนเห็นได้ถึงแผ่นหลังอันขาวเนียนของหญิงสาว
“คุณอย่าทำรอยนะ”
“ชุดบ้าอะไรแหวกไปทั่วทุกส่วนขนาดนี้”
สายตาคมแหลมมองเข้าไปดูร่างกายอันน่าดึงดูดของหญิงสาวผ่านกระจกด้านหน้า เค้ามองไปทั่วทุกส่วนที่ไม่มีชิ้นส่วนปกปิด ทั้งขาเรียวขาวด้านซ้ายนั่น กับแผ่นหลังอันขาวเนียน แถมบริเวณไหล่สวยนั่นแล้วยังจะเผยไห้เห็นถึงร่องอกอันสวยงามนั่นอีก ไหนจะหุ่นอันมีหเสน่ห์ของเธอนั้น ที่เหมาะสมกับการเป็นนางแบบเอาอย่างมาก แค่นึกถึงเหตุการณ์ที่ผู้หญิงในอ้อมแขนของเค้าตอนนี้จะถูกมองโดยชายแปลกหน้าในงานก็ทำเอาเค้านึกอยากจะควักลูกตาของพวกนั้นออกมาเลยทีเดียว
หญิงสาวมองดูสายตาในกระจกเงาใสที่จับจ้องเธอขนาดนั้นก็พอจะดูออกถึงความคิดของเค้า
“คุณเป็นคนบอกเองนะคะ ว่าอยากไห้ฉันเด่น”
“เหอะ เพราะผมชอบเห็นผู้หญิงของผมเด่นกว่าใครๆหรอกนะ ไม่งั้นผมเผาร้านนี้ทิ้งแน่ ทำชุดบ้าไรไม่รู้”
“หึ ไม่ยักรู้ว่าเสือฟินิกซ์จะหึงแรงขนาดนี้”
“เพราะผู้หญิงตรงหน้ามันน่าหึงไงล่ะ”
พูดยังไม่ทันจบ ฟินิกซ์โน้มหน้าลงมาซุกไซร้กับต้นคอหอมดึงดูด
“ไว้ค่อยต่อคืนนี้นะคะ ป่านนี้เพื่อนฉันรอนานแล้ว คุณเองก็พาว่าที่คู่หมั้นมาลองชุดนิ ปล่อยเธอไว้แบบนั้นไม่ดีเลยนะคะ หึ”
“งั้นเจอกันคืนนี้นะครับ สาวน้อย~”
สิ้นสุดคำพูด ชายหนุ่มดันใบหน้าจิ้มลิ้มหันมาหาตนโดนนิ้วเรียวยาวนั้นก่อนที่จะโน้มลง จุ๊ปปากอวบอิ่มชมพูอมแดงธรรมชาติของสาวน้อยนาวีและเดินออกไปพล็อยกับจัดเนคไทไห้เรียบร้อย นาวีมองตามแผ่นหลังที่เดินออกไปจนประตูถูกปิดลง หญิงสาวยกยิ้มขึ้นอย่างพึงพอใจ
“ไม่งั้นฉันก็คงไม่ต้องทำแบบนี้หรอก…แต่ดันเป็นแกน่ะสิวารีนเพื่อนรัก…”
นาวีเริ่มจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าคืน ก่อนที่จะเปิดประตูออกไป
“พี่ไปไหนมาคะ วารีนตามหาพี่แทบแย่”
“พี่ออกไปคุยงานน่ะครับ วารีนเลือกชุดได้รึยังล่ะ”
ทันไดที่หญิงสาวก้าวเดินออกมา สายตาอันคมแหลมก็จับจ้องไปยันเสียงบทสนทนาที่ผ่านเข้ามาในหู เสือก็คือเสืออยู่วันยังค่ำ นํ้าเสียงที่ฟินิกซ์พูดคุยกับว่าที่คู่หมั้นสาวของเค้านั้นไพเราะดั่งกับในใจเค้าไม่ได้มีคําว่าไม่พึงพอใจกับการหมั้นที่มารดาจัดทำขึ้นมาไห้เลยด้วยซํ้า นาวีมองสองคนฝั่งตรงข้ามอยู่ไม่ไกลนักได้สักพัก เสียงอันคุ้นหูก็ดังขึ้นมาแต่ไกล
“ยัยนาวี นี่มึงไปลองชุดหรือไปทำชุดเองห้ะ กูรอมึงเกือบชั่วโมงแล้วนะย้ะ!”
เสียงของคิตตี้ที่ดังลั่นทะลุร้านทำเอาสองคนฝั่งตรงข้ามหันมองตาม
“พอดี…มีเรื่องไห้ทำนิดหน่อยน่ะสิ”
สิ้นสุดคำพูด หญิงสาวหันไปสบสายตาเข้ากับสายตาคู่หนึ่งที่ยังคงมองดูเธอจากฝั่งตรงข้าม เธอไม่ลืมที่จะเผยยิ้มไห้กับหญิงสาววารีนผู้ที่เธอตราหนักว่าเป็นเพื่อนรัก ก่อนที่จะหันกลับมาหาเพื่อนตัวเองตรงหน้าที่มองตามสายตาเธออยู่นาน
“ไปกันเถอะ กูได้ชุดละ”
“มึงน่าจะพูดคำนี้ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วค่ะ”
“ก็พูดแล้วนี่ไง”
“เออ ไปเช็คบิลก่อน”
“คุณลูกค้าเอาชุดนี้เลยมั้ยคะ”
“ชุดนี้แหละค่ะ”
“ไม่ทราบว่ารูดบัตรหรือจ่าย___
“นี่ค่ะ”
หญิงสาวไม่รีรอยื่นแบล็คการ์ดไห้กับพนักงานสาวที่ยังไม่ทันได้เอ่ยจบบทพูดตนเอง
“ได้ค่า กรุณารอสักครู่นะคะคุณลูกค้า”
พนักสาวเมื่อเห็นการ์ดในมือหญิงสาวจึงรีบยิ้มแย้มแจ่มใสรับบัตรอย่างสุภาพนอบน้อม แต่ก่อนที่เธอจะหันหลังเดินไปนั้นก็ต้องหยุดการกระทำไว้ก่อนเมื่อหญิงสาวพูดขึ้นโดยกระทันหัน
“อ้อ แล้วก็…ฉันไห้เงินติ๊บเธอห้าพันนะ รูดเอาในบัตรนั้นได้เลย”
“อุ้ย ขอบคุณมากนะคะคุณลูกค้า สวยรวยใจดีช่างเป็นผู้หญิงที่เพอร์เฟคที่สุดเลยค่ะ”
พนักได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มน้อยยิ้มไหญ่เอาเรื่อง แต่เพื่อนรักที่ยืนตรงข้างนั้นถึงกับอึ้งอ้าปากค้างเลยทีเดียว
“อีนาวี นี่มึงมีนํ้าใจเกินไปแล้วป่ะ ไห้ติ๊บตั้งห้าพันเนี่ยนะ มึงใช่เพื่อนกูคนเดิมมั้ยวะเนี่ย”
“หึ”
หญิงสาวยกยิ้มขึ้นโดยสายตาเหลือบไปมองสองคนชายหญิงคู่หมั้นที่เดินมาด้วยกันด้านข้าง ผู้เป็นเพื่อนก็ไม่รีรอรีบมองตามทันไดที่สายตาหญิงสาวเคลื่อนที่ ทันไดที่เห็นแบบนั้นเพื่อนรักแสนรู้ใจกันไม่ได้รับคำตอบจากหญิงสาวก็รับรู้ถึงเหตุการณ์ทันที
“เสร็จแล้วค่า นี่บัตรนะคะ ขอบคุณที่ไห้บริการทางร้านเราค่ะ รอบหน้าเชิญไหม่นะคะ”
พนักงานสาวรีบเดินเข้ามายื่นการ์ดไห้กับหญิงสาวคืนอย่างร่าเริงใบหน้ายิ้มกริ่ม มือเล็กรับสิ่งตรงหน้ามาก็หันหลังก้าวท้าวออกไป
“ไปคิตตี้เรายังมีเรื่องต้องใช้เงินอีกเยอะ”
“จัดไปเลยเพื่อนรักกก”
คิตตี้รีบเดินตามหลังเพื่อนตนออกไป โดยมีสายตาที่จ้องมองตามหลังพวกเธออยู่ตลอดเวลา
“ไม่คิดเลยนะคะ ว่าจะมาเจอนาวีที่นี่”
“วารีนรู้จักเธอด้วยหรอ”
“รู้จักดีเลยล่ะค่ะ เพื่อนรักสมัยมหาลัยน่ะค่ะ ตอนนั้นไม่เห็นเธอมีนํ้าใจขนาดนี้นะคะ ไห้ติ๊บพนักงานตั้งห้าพันแหน่ะ ใจกว้างขึ้นเยอะแน่เลย”
“เวลาเปลี่ยนเค้าก็อาจจะเปลี่ยนไปก็ได้ครับ รีนเอาชุดนี้ใช่มั้ย”
“ใช่ค่ะ”
ชายหนุ่มมองไปยันชุดที่วารีนเลือกกับชุดของนาวี ซึ่งมันแต่งต่างกันอย่างสิ้นเชิง อีกคนหวานแหวเสียจนเลี่ยน กับอีกคนที่ครบรสไปหมดทั้งเซ็กซี่ทั้งแซ่บแถมยัง…เด็ด เพื่อนรักที่ไม่มีอะไรเหมือนกันเลยก็ว่าได้
