Sr1. EP4 เรียกชื่อผมได้ไหม
Broken รักนี้ฉันจะไม่ขอเอาคืน
ตอน เรียกชื่อผมได้ไหม
แย่จังได้ยินเขาพูดแบบนั้นทำไมฉันรู้สึกหึงไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ เราเดินออกจากหน้าผับหลังอาสึกะเลิกงาน ผู้คนกำลังสวนเสไปมาเพื่อหาที่ต่อโต้รุ่งเพราะพรุ่งนี้วันอาทิตย์และบางคนก็บอกลากันเพื่อแยกย้ายกลับบ้าน
“รุ่นพี่หิวไหมครับ ผมจะพาไปกินราเมง”
“เวลานี้มีราเมงด้วยเหรอ”
“มีสิครับ เดินห่างจากจุดจอดรถไปอีกหน่อยผมเลี้ยงเอง”
“อื้มไปสิ”
“ทางนี้ครับเร่งฝีเท้าหน่อย”
ใบหน้าของเขายังคงยิ้มแย้มดูไม่รู้สึกเหนื่อยล้าจากการทำงานดึกเลย
“นายดูร่าเริงเหมือนเดิมเลยนะ”
“ครับก็วันนี้ผมรู้สึกพิเศษน่ะ”
“ยังไงล่ะ”
“ผมดีใจที่ได้เจอรุ่นพี่น่ะครับ”
คำพูดประโยคนั้นทำฉันชะงักจนเขาหยุดตามและเปลี่ยนสีหน้าในทันทีเขาหันมามองหน้าฉันส่งสายตาละห้อย ฉันเองก็มองหน้าเขาด้วยสายตาที่ไม่ต่างกันแต่อาจคนละอารมณ์และความรู้สึกนึกคิด
“มีอะไรเหรอครับ รุ่นพี่ไม่พอใจเหรอ”
ดูเขาจะกังวลกับท่าทีของฉัน ฉันมองหน้าเขาอยู่นานจนเห็นแววตาของเขาเศร้าหมองลงเรื่อยๆ ก่อนที่จะตัดสินใจบางอย่างและพูดมันออกไป
“นายไม่เรียกฉันรุ่นพี่ได้ไหมอาสึกะ”
“ล่ะ..แล้วอยากให้ผมเรียกแบบไหนครับ ผมไม่อยากเรียกว่าคุณแล้วต่อด้วยนามสกุลสามีของรุ่นพี่หรอกนะ”
“เหรอ”
ฉันก้มหน้าลงแล้วเดินต่อโดยมีอาสึกะเดินตามคิดว่าการเรียกรุ่นพี่มันดูเหินห่างอยากให้เขากับฉันสนิทสนมกันมากขึ้นกว่านี้
“เรียกชื่อฉันสิ”
“ได้เหรอครับ” เขาร้องขึ้นอย่างดีใจจนฉันสะดุ้งจับแขนฉันรอคอยคำตอบอย่างระทึกเหมือนคนรอฟังข่าวดี ฉันถอนหายใจออกรู้สึกเหมือนถอนทุกข์ออกทีละน้อยก่อนพยักหน้าส่งยิ้มให้เขา
“เย้”
อาสึกะทำฉันสะดุ้งอีกครั้งกระโดดโลดเต้นเหมือนเด็กวิ่งไปรอบตัวฉันอย่างกับว่าบนถนนมีแค่เราสองคน เรากินราเมงไปคุยเรื่องเก่าที่เคยประสบมาลำลึกความหลังอย่างสนุกสนานจนถึงเวลากลับ
รถยนต์ของอาสึกะจอดเทียบข้างทางนาฬิกาหน้ารถบอกเป็นเวลาตีสามครึ่ง
“ขอบคุณนะอาสึกะวันนี้ฉันมีความสุขมากๆ เลย”
“จริงเหรอครับ”
“อืม จริงสิ”
เราสองคนนั่งนิ่งอยู่ในรถอยู่อึดใจใหญ่แล้วอาสึกะก็เอ่ยขึ้นทำลายบรรยากาศอันเงียบงันนั้น
“นี่พี่ริกะ”
“หืม!!”
“พี่เรียกชื่อผมได้ไหม” ฉันหันไปมองสบสายตาความเงียบเกิดขึ้นระหว่างเราอีกครั้ง
“ได้สิ เคียวยะ”
เขายิ้มให้ฉันอย่างคนดีใจจนพูดไม่ออก ฉันยิ้มตอบพลางกดปลดล็อกเข็มขัดนิรภัย
“งั้นฉันเข้าบ้านก่อนนะ”
“ครับ อ่อจริงสิพี่ริกะ นี่นามบัตรผม” ฉันยื่นมือรับกระดาษสี่เหลี่ยมผืนผ้าแผ่นเล็กจากเขามาดู
“ถ้าพี่อยากออกไปสูดอากาศหรือผ่อนคลายอารมณ์ช่วงกลางวันโทรหาผมได้นะ”
“จริงเหรอ”
“ครับ”
“นายตื่นกี่โมงล่ะ”
“ราวสิบโมงเช้าครับ”
“ตกลง เอาไว้วันไหนว่างพี่จะโทรหานะ ฝันดีนะเคียวยะ”
เขายิ้มหน้าบานจนตาปิดเมื่อฉันพูดแบบนั้นเราโบกมือลากันหลังฉันปิดประตูรั้วบ้านจากนั้นเขาจึงขับรถออกไป ตลอดระยะเวลาหลังจากแต่งงานผ่านมาปีครึ่งและอีกปีครึ่งที่เหลือคือวันนั้นตอนเริ่มมีปัญหากับสามีจนกระทั่งถึงวันนี้ วันที่ฉันเพิ่งรู้สึกว่าความสุขของฉันได้กลับมาเมื่อเจอเคียวยะ นี่ถ้าฉันยังไม่แต่งงานก็คงเผลอใจนั่งรถไปกับเขาและตอนนี้คงนอนกอดกันไปแล้ว ฉันยืนคิดหลายอย่างรีดนามบัตรในมือจนมันเสียรูป
“อาสึกะ เคียวยะ นายทำนามบัตรไว้ทำไมนะ”
ฉันก้มมองมันอยากจะเก็บไว้แต่ไม่อยากมีปัญหากับสามีหากเขาบังเอิญเจอมัน ใจหนึ่งก็ถามตัวเองว่าเขาจะรู้สึกหึงเหมือนเมื่อก่อนไหม เราจะทะเลาะกันเรื่องชายอื่นที่มาเกาะแกะฉันจนต้องง้อด้วยร่างกายอีกรึเปล่า ฉันยืนมองกระดาษการ์ดอยู่นานก่อนตัดสินใจฉีกมันจนเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วโยนทิ้งลงถังขยะไป
“จะเก็บไว้ทำไมกันแค่นี้ก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว ฉันไม่อยากให้สามีเข้าใจผิดหรอกนะ จริงสิพรุ่งนี้ก็ครบรอบวันแต่งงานสามปีของเราสองคนแล้วเขาจะยังจำมันได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ หวังว่าเขาจะไม่ลืมวันสำคัญเหมือนปีที่แล้ว”
