แผนใหม่ 2/3
บทที่ 4 แผนใหม่
“เป็นน้องที่อยู่บ้านติดกันน่ะค่ะ เขาเป็นเพื่อนสนิทของนุ่นด้วย แต่ย้ายกลับมาอยู่ที่เกาหลีได้ห้าปีแล้ว ข่าวคราวเงียบหายไป นุ่นเพิ่งจะไปเจอมาเมื่อวานนี่เอง… ที่รักคะ พี่พอจะเคยได้ยินชื่อทนายคิมมินโฮไหมคะ”
“ไม่นะ”
“พี่นิ่ม ไม่ใช่” พรชนิตย์ขอขัดจังหวะของพี่เขยกับพี่สาว “มินโฮมันเปลี่ยนชื่อแล้ว ชื่อคิมอินซา”
“ทนายคิม!” พี่เขยของเธอทำหน้าเหมือนอาจุมม่าคนเมื่อกลางวันนี้ไม่ผิดเลย “เคยได้ยินสิ เขามีชื่อเสียงมากด้านการฟ้องร้องเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์และมรดก เพื่อนๆ ของพี่หลายคนที่มีปัญหาเรื่องมรดกก็จะไปให้เขาช่วย”
“โอ้โฮ! มินโฮมันดังขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย”
“ว่าแต่ทนายคิมเขาเป็นเพื่อนกับนุ่นเหรอ” ซอจุนหันมาหาเธอด้วยคน “อื้ม! ดีเลย ถ้าอย่างนั้นก็ชวนมาที่บ้านได้บ่อยๆ ได้เลยนะ เพื่อนของนิ่มกับนุ่นก็เหมือนเพื่อนของพี่”
“แต่ถ้ามา นิ่มอยากจะขอร้องนิดหนึ่งนะคะ”
“เรื่องอะไร”
“ขออย่าได้มองเขาแปลกแยกไปได้ไหมคะ มินโฮก็ไม่ได้ผิดอะไร แต่นิ่มอยากให้พี่กับคุณแม่ทราบไว้ก่อนว่ามินโฮเป็น LBGT”
เรื่องราวของมินโฮถูกเธอและพี่สาวบอกเล่าระหว่างที่กินข้าวเย็น
ไม่เชิงว่านินทาแต่ก็เล่าพอให้รู้พื้นเพว่าเป็นมาอย่างไร หากเมื่อไรที่มินโฮมากินข้าวที่บ้านจริงๆ จะได้ไม่มีใครไปแตะปมอ่อนไหวให้ต้องสะเทือนใจหรือเสียบรรยากาศ
นอกจากนั้น พรชนิตย์ยังถือโอกาสประกาศข่าวดีที่ว่าเธอได้เป็นหนึ่งในหกผู้เข้าแข่งขันของรายการเรียลลิตี้ซึ่งมีเชฟยูเป็นเจ้าของสูตรขนมที่จะใช้แข่งขัน คุณนายพัคชอบใจใหญ่ก็เพราะเป็นแฟนคลับ แถมยังเล่าเรื่องของเชฟเหมือนที่พี่บัวเล่าให้เธอฟังอย่างกับคัดลอกบทกันมา สงสัยว่าเชฟจะเป็นที่รักของหลายคนในประเทศนี้เข้าแล้ว
หลังจากกินข้าวอิ่ม คุณนายพัคก็เสิร์ฟขนมทาชิกให้กินอย่างที่ทำเป็นประจำ เป็นขนมที่ทำจากแป้งข้าวเหนียวนวดผสมกับธัญพืชและน้ำผึ้งแล้วกดใส่พิมพ์ มีหลายสีสันให้เลือก พี่สาวของเธอบอกว่าถ้าฝรั่งกินคุกกี้กับน้ำชา ทาชิกนี่ก็เป็นของแกล้มชาของเกาหลีดีๆ นี่เอง
“แล้วนี่นุ่นได้โทร. หามินโฮหรือเปล่า เขาขับรถกลับถึงโซลอย่างปลอดภัยแล้วใช่ไหม”
พี่สาวถามขึ้นมาหลังจากที่มองดูแม่สามีอุ้มหลานเข้าห้องนอนจนลับสายตา แต่คนหนุ่มคนสาวยังนั่งเอกเขนกอยู่หน้าโทรทัศน์กันอยู่เลย
“ว่าจะโทร. ตอนกลางคืนนะคะ นุ่นกลัวว่าจะโทร. ไปกวนตอนที่มินโฮคุยกับลูกความอยู่”
“ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมาเป็นทนายได้” พี่สาวบ่นเปรยๆ แต่ก็คิดเหมือนกันกับเธอ “พี่ว่าว่างๆ ก็อยากเข้าไปเยี่ยมเหมือนกันนะ แต่กลัวจะกลายเป็นรบกวน นี่ยังไม่รู้เลยว่ามีเรื่องอะไรทำให้มินโฮหายเงียบไปจากพวกเราแบบนั้น”
“พี่นิ่มจำได้ไหม ครั้งสุดท้ายที่เฟซไทม์กันแล้วมินโฮโดนพ่อด่าว่าห้ามติดต่อกับเราอีกน่ะ”
“จำได้สิ พ่อของมินโฮมาด่าซะขนาดนั้น”
“นั่นแหละ” เธอย้ำ “นุ่นว่าครั้งนั้นมันคงโดนหนัก นี่มันเปลี่ยนไปมาก ต้องเปลี่ยนชื่อ ต้องแอ๊บแมนตลอดเวลา นุ่นสงสารมันมากเลย เอาตรงๆ เลยนะ บุคลิกตอนนี้มันสุขุมแถมเงียบขรึมขึ้นเป็นกอง ผิดจากคนร่าเริงที่เคยอยู่กับเราลิบลับ”
“แอ๊บแบบไม่หลุดเลยเหรอ” จู่ๆ พี่เขยของเธอก็แทรกเข้ามาในวงสนทนาแล้วยังคิ้วขมวดเป็นปม “แน่ใจนะว่าเขาไม่ได้กลับมาเป็นผู้ชายแล้ว”
“ที่รักคะ ข้ามเพศนะคะ จะมาเป็นๆ หายๆ ได้ยังไง”
“แต่รสนิยมทางเพศก็หลากหลายนี่น่า เราจะระบุเด็ดขาดได้ยังไง”
นักธุรกิจที่ติดต่อกับชาวต่างชาติอย่างกว้างขวางบอกแล้วยังทำหน้าครุ่นคิดใส่
“ทนายคิมก็อาจจะเป็นอีกคนที่หลากหลายก็ได้”
“นุ่นว่ามินโฮก็นิยมอย่างเดิมนั่นแหละค่ะพี่ซอจุน นุ่นอยู่กับมันมาตั้งเจ็ดปีเลยนะ ถ้ามีอะไรให้เป็นอย่างที่พี่ว่า นุ่นคงสังเกตเห็นบ้าง แต่ที่เป็นอย่างนี้คงโดนพ่อบังคับหนักมาก… น่าสงสารมินโฮจัง”
พรชนิตย์บ่นส่งท้ายอย่างหนักใจ เธอก็ไม่รู้ว่าพี่เขยคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้อีก แต่รู้แน่ว่าพี่สาวคิดอย่างเดียวกับเธอคือเป็นห่วงมินโฮจับใจ
ภาพวันนั้นที่ได้เห็นผ่านวิดีโอคอลล์ก่อนที่มินโฮจะขาดการติดต่อกับพวกเธอไป ยังจำฝังตรึงอยู่ในหัวใจของพรชนิตย์ น้ำตาของเพื่อนเอ่อไหลเมื่อถูกพ่อดุด่า แต่เธอไม่อาจเอื้อมมือไปเช็ดให้ได้
ไม่มีปัญญาบินลัดฟ้ามาหามินโฮแล้วอยู่ปลอบโยนอย่างที่อยากทำ
