Seoul Say... หัวใจเสียหลักเพราะรักเธอ

76.0K · จบแล้ว
กรกานท์ ชื่นสราญ
55
บท
1.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

“นุ่นมาที่นี่ไม่ได้จะมาค้นหาทูนหัวเหมือนพี่หรอกนะ นุ่นจะหาทางเป็นเชฟ!”ประกาศกับพี่สาวไปแน่วแน่ พรชนิตย์เป็นได้สะบัดบ๊อบใส่เรื่องหาคู่ใจมาครองเคียงเส้นทางแห่งเชฟขนมหวานต่างหากที่เธอสนใจ จะก้าวไปรอบโลกให้ได้ก็เพื่อกินแต่กลับต้องว่อกแว่กไปเพราะการตายปริศนาของเพื่อนสนิทแล้วหัวใจยังเสียหลักเพราะคนแปลกหน้าที่รู้จักกันดีอย่างคิมอินซา

นิยายรักนิยายปัจจุบันทนายความอาหารรักแรกพบ

ตื่นมาก็กิมจิ 1/2

บทที่ 1 ตื่นมาก็กิมจิ

ลืมตาขึ้นมาก็เหมือนได้อ่านบรรทัดแรกในนิยาย ด้วยคำถามที่ว่า ‘เรามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง’ ห้องนอนของใคร เตียงของผู้ชายที่ไหนวะ!

ผู้ชายแน่ๆ กลิ่นทุกอย่างในห้องนี้ยืนยัน เชื่อจมูก (ว่าที่) เชฟระดับมิชลินสตาร์เถอะ

ผู้ชายที่เจอกันข้างถนนเมื่อคืนนั่นแหละ แล้วนี่ใจคอจะไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เลยหรือไง ปล่อยให้นอนหมักหมมอยู่ได้ ใจดำชะมัด

คิดไป หญิงสาวก็บีบขมับของตัวเองเอาไว้แน่น รู้สึกว่าเหล้าโซจูนี่มันหลอกลวงเป็นบ้า ซดเข้าไปจอกแรกก็ไม่สะทกสะท้าน พอเพิ่งได้รู้ว่าเหล้าไม่แรง เธอก็ซดเข้าไปหมดขวดเพื่อฉลองให้ตัวเอง กว่าจะรู้ว่าเหล้านี่ไม่ใช่เล่นๆ ก็ตอนที่ไปยืนอ้วกอยู่นอกร้านไส้ย่าง

ที่ว่าเมาก็เมาแต่ไม่ได้ขาดสติไปโดยสิ้นเชิง เธอจำได้ดีทีเดียวว่าเกิดอะไรขึ้นและมานอนอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ที่สำคัญคือรู้ว่ามากับใคร

เมื่อตื่นขึ้นมาในสถานที่ไม่คุ้น ทั้งที่รู้ว่าอยู่บนเตียงของผู้ชายสักคน หญิงสาวกลับไม่ตื่นตระหนก แต่ตื่นเต้นมากกว่า

เธอกระชากตัวลุกขึ้นมา สลัดอาการปวดหัวเพราะเมาค้างทิ้งออกไป แล้วมองรอบๆ เตียงที่ตัวเองนอนอยู่ก็ชักแปลกใจ นี่เจ้าของบ้านตกแต่งแบบไหนถึงได้เอาเตียงมาตั้งไว้กลางบ้าน

ทั้งชั้นนี้ของตึกคือห้องนอน ตกแต่งภายในด้วยสไตล์คอนเทมโพรารี เธอจำชื่อได้เพราะเคยเห็นเพื่อนที่เรียนมัฑณศิลป์เอามาให้ดู มองไปรอบๆ ก็รู้สึกว่าเจ้าของบ้านมีฐานะ

ใช่ล่ะ ก็รู้อยู่ว่าเจ้าหมอนี่มันรวย ถึงไม่รวยล้นฟ้า แต่เรียกได้ว่ามีอันจะกิน

ในห้องนอนอบอุ่นสายตาไปด้วยสีครีมขลิบคราม เฟอร์นิเจอร์ดูเรียบง่ายแต่รสนิยมดี ผนังประดับประดาไปด้วยกรอบรูปเล็กใหญ่ช่วยลดความราบเรียบ แอบสแตรกต์อาร์ตบ้าง คิวบิสม์บ้าง อิมเพรสชันนิสม์บ้าง สลับกันไป

แต่มีรูปถ่ายใบหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะข้างหน้าต่างสะดุดตาเธอ หญิงสาวลุกจากเตียงไปคว้ามันมาไว้ในมือ

เธอก้าวขาเดินมาถึงบันได เริ่มเดาจากลักษณะของแปลนบ้านว่าคงเป็นทาวน์เฮาส์ ไม่แคบไม่กว้างเกินไป แล้วก็เพิ่งรู้ว่าตัวเองน่าจะอยู่ชั้นสอง เพราะเห็นบันไดเชื่อมต่อกันจากชั้นล่างและมีทางให้ขึ้นไปข้างบนอีก

ควรจะขึ้นบันไดหรือลงไปด้านล่างดี ถึงจะได้พบคนในรูปถ่ายที่ถืออยู่ในมือนี้

หญิงสาวชักลังเล พ่วงมากับอาการปวดหัวเพราะยังเมาค้างอยู่ เธอต้องเกาะราวบันไดเอาไว้ระหว่างคิด แต่ไม่นานจมูกก็ช่วยให้สมองตัดสินใจได้

ซุปกิมจิกลิ่นหอมโชยมาจากชั้นล่าง ต้องมีคนอยู่ที่นั่นแน่ๆ หญิงสาวรีบก้าวลงไปหาด้วยความหวังเปี่ยมล้นหัวใจ รอยยิ้มคลี่หวานมาตลอดทางก็ด้วยความหวังว่าเธอจะได้พบคนที่พบกันเมื่อคืน

คนที่เธออยากกอดมาตลอดห้าปี...

เธอพบเขาแล้ว กำลังง่วนอยู่กับการปรุงซุป ทำอาหารเช้าอย่างเอาใจใส่ ไม่ทันได้สังเกตเลยว่ามีคนมายืนมองเขาด้วยหัวใจสุขสมมากแค่ไหน

คนทำให้เธอยิ้มกว้างเมื่อได้เจอหน้า เขาอยู่ที่ชั้นล่างของบ้านซึ่งสว่างไสวไปด้วยแสงแดดเจิดจ้า แสงกระทบผิวขาวผ่องให้ยิ่งเปล่งประกาย มองเท่าไร หัวใจของหญิงสาวยิ่งพองโต

เขาดูโตขึ้น ใบหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยก็คงเพราะอายุ แต่เธอจำเขาได้ หัวใจย้ำซ้ำๆ ว่าคนที่ตามหามายืนอยู่ต่อหน้าเธอแล้ว

ไม่เจอกันหลายปี ใบหน้าหล่อเหลายังครบเครื่อง จมูกโด่งสวย ริมฝีปากรูปกระจับอวบอิ่มแดงระเรื่อ นัยน์ตาโศกกลมโตทอประกายสีนิล เรือนผมดำสนิทตัดรองทรงแต่มีหน้าม้าปรกลงมาบังหน้าผากไว้ รูปร่างสูงใหญ่กำยำขึ้นจนน่าแปลกใจและน่าหลงใหลไปพร้อมกัน

แต่เดี๋ยวนะ! เก้งเป็นสัตว์สงวน กินไม่ได้!

ต่อให้ภาพลักษณ์ที่เขามีจะชวนหลงใหลแค่ไหน แต่เธอรู้ดีว่ามันแค่เปลือกนอก เนื้อแท้ของเขาต่างหากที่เธอได้เห็นมาตลอด และเธอคิดถึงเหลือเกินแล้ว

“มินโฮ!”

ตัดสินใจเรียกด้วยความคิดถึงสุดหัวใจ หญิงสาวเร่งก้าวเข้าไปหา กอดคนตัวใหญ่ไว้ในทันทีที่เขาหันมา น้ำตาแห่งความปลื้มเปรมใจไหลริน

“แกหายไปไหนมาตั้งห้าปี ฉันคิดถึงแก”

เธอยังกอดไว้แน่น คนตัวใหญ่แม้จะนิ่งไปแต่ก็ยอมให้กอด ปล่อยให้เธอซบแอบอิงอยู่แบนแผงอกแล้วปล่อยโฮออกมาด้วยความตื้นตันใจ

“สบายดีใช่ไหม” เมื่อเขายังไม่ตอบ คนร้องไห้ก็ถามอย่างเป็นห่วง “ฉันกับพี่นิ่มเป็นห่วงแทบแย่ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า ทำไมไม่ติดต่อเราเลย”

“คุณจำคนผิดแล้ว ผมไม่ใช่มินโฮ”

คำนั้นทำให้หญิงสาวนิ่งชะงัก ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะได้ยินคำนี้จากปากเขา

เธอผละอ้อมกอดออกจากคนตัวใหญ่ด้วยความผิดหวัง แต่ไม่ได้ถอยห่างไปจากเขา เงยหน้ามองคนที่เคยกอดกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันเมื่อครั้งยังเรียนมัธยม มองหน้าเขาอย่างไม่เชื่อสายตา

จากคิดถึงแทบขาดใจ ห่วงใยด้วยความรักมาเสมอ หญิงสาวก็อารมณ์พลิกผันเพราะคำปฏิเสธที่ไม่คาดฝันว่าจะได้ยินจากปากเขา

“นังสตรอว์เบอร์รี!”