บทที่6
ย้อนไปเมื่อตอนอายุประมาณเจ็ดขวบซ่องของอาหนิงยังเป็นตึกไม้เก่าๆ ซอมซ่อ ช่วงนั้นมีพายุเข้าฝนตกหนักตลอดทั้งวัน ห้องนอนของผมเป็นห้องเก็บของขนาดเล็ก ด้านหลังเป็นไม้ผุพังมีช่วงโหว่ขนาดใหญ่ น้ำฝนที่ท่วมอยู่ด้านนอกไหลทะลักเข้ามาจนไม่มีพื้นที่ให้นอน ผมนั่งขดตัวกอดเข่าอยู่ตรงมุมประตูร่างกายมีเพียงผ้าผืนบางๆ ที่ช่วยประทังความหนาวเหน็บ กลิ่นไม้พังเปียกน้ำยังหลอนติดจมูก ผมยังจำความทรมานความเจ็บปวดเหล่านั้นได้ดีแม้ว่าจะผ่านมานานแล้วก็ตาม
“เฟิง....” เสียงหงส์ดึงสติผมให้กลับมาอยู่กับปัจจุบัน ผมหันไปมองเธอด้วยสายตาที่ราบเรียบราวแผ่นกระดาษ เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับหงส์จึงเริ่มหันซ้ายหันขวาจับความเคลื่อนไหวทางเสียง
ผมลากโซฟาสุดหรูที่อยู่ขวามือติดกับชั้นหนังสือไม้โอ๊ตอย่างดี ดึงมาที่ข้างๆ เตียงแล้วนั่งลง ความนุ่มของมันทำผมแทบจะจมลงไปทั้งตัว เสียงการกระทำของผมทำให้หงส์หันหน้ามาตามเสียง
“นายรู้ไหม ว่ายาของฉันอยู่ที่ไหน” ผมเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่า หงส์จะต้องทานยาตามเวลาที่กำหนด มันมีทั้งยาก่อนอาหารหลังอาหาร แต่ช่างแม่งเหอะ ผมไม่ชอบอะไรที่ยุ่งยากเลยโยนถุงยาจากกระเป๋าหลังไปตรงหน้าเธอ
แหมะ..
หงส์ก้มลงมอง ทั้งๆ ที่ตัวเองมองไม่เห็น สองมือเล็กๆ ของเธอสอดเข้าไปในถุงไล่สัมผัสไปตามซองยาต่างๆ ไม่นานเธอก็หยิบมันออกมาแล้วแกะออกอย่างทุลักทุเล มีบางเม็ดที่เธอทำร่วงหล่น หงส์พยายามตามเก็บยาเม็ดนั้น แต่เธอมองไม่เห็นเลื่อนมือไปสะเปะสะปะ ผมเห็นแล้วรำคาญลูกกะตา เลยคว้าถุงยามาแล้วแกะให้อย่างลวกๆ ผมเห็นว่าข้างๆ หัวเตียงมีขวดน้ำดื่มอยู่เลยยื่นให้หงส์พร้อมกับยา
“ขอบคุณนะ” เธอส่งรอยยิ้มจางๆ มาให้
“กินซะ” ที่ทำไม่ใช่เพราะความหวังดี แต่มันเป็นเพราะความรำคาญหงุดหงิดใจ ความใจเย็นที่มีมาตลอดกำลังลดลดเรื่อยๆ เห็นเธอแล้วผมอยากจะทรมานให้สาใจ แต่มันยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม
“นายจะไม่ไปไหนใช่มั้ย” หงส์ถามเมื่อล้มตัวลงแล้วจัดท่านอนตะแคงข้างหันมาทางผม
“อืม นอนเถอะ ฉันจะอยู่ตรงนี้” ผมจะไปไหนได้ในเมื่อยังไม่ได้เริ่มทรมานเธอเลย มีอีกหลายเรื่องหลายอย่างที่ผมจะทำให้เธอจำไม่มีวันลืม ในความทรงจำของหงส์ผมคือคนดีที่สุด แต่ในความทรงจำของผมคือทรมานหงส์ได้สาแก่ใจที่สุด!
หงส์นอนเหม่อมองด้วยสายตาเลื่อนลอยอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหลับตาลง ผมนั่งจ้องผู้หญิงตรงหน้าด้วยความคิดบางอย่าง ใบหน้าที่สวยสดถูกปกคลุมด้วยผมสีดำสลวยกินพื้นที่ไปกว่าครึ่งหน้า แต่กระนั้นก็ยังไม่สามารถบดบังความงามของเธอได้ หงส์จัดว่าเป็นผู้หญิงที่มีรูปร่างหน้าตาดี ผิวพรรณของเธอขาวเหมือนไข่ปอก ทุกสัดส่วนบนร่างกายน่าจับน่าสัมผัสไปหมด เสียแต่ว่าเธอโชคร้ายเกินไปที่ต้องมารับชะตากรรมที่ผมสร้างขึ้น
นั่นก็เพราะพ่อแม่ของเธอ!
ผมเบือนหน้าไปอีกทาง สายตาเหลือบไปเห็นรูปครอบครัวของเธอที่ตั้งไว้บนหัวเตียงริมขวาสุดข้างๆ ผมนี่เอง หน้าตาของคนในภาพมีความสุขยิ้มแย้มเหมือนตลอดทั้งชีวิตไม่เคยมีความทุกข์มาเยี่ยมเยียน ความเกลียดชังพุ่งพล่านในใจ จนผมควบคุมมันไม่ได้ ภาพในกรอบลอยใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ พ่อแม่ของหงส์กับกำลังยิ้มเยาะใส่ผม เสียงหัวเราะดังก้องกังวาลในหัวสลับกับภาพในวัยเด็กที่ผมไม่อยากจำ ภาพแววตาเจ็บปวดของเด็กสาวที่ถูกขังในซ่อนสะท้อนอยู่ในเลนส์ตา
ผมทรุดตัวลงนั่งคู้งอกับพื้นด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทา สองมือชื้นเหงื่อยกขึ้นกำเส้นผมไว้แน่น ผมสลัดภาพเหล่านั้นออกไปจากหัวไม่ได้เลย พวกมันกำลังทำให้ผมเจ็บปวดถึงขีดสุด ผมเริ่มหอบหายใจเหมือนคนขาดออกซิเจน สายตากวาดมองไปทั่วเพื่อหายาแก้ปวด ผมเห็นมันแล้ว...ถุงยาของหงส์ แต่มันไกลเกินไป ผมไม่มีแรงจะขยับตัวความปวดมันแล่นเข้าขั้วหัวใจ ผมใช้ความพยายามอย่างสุดความสามารถเอื้อมมือไปคว้าถุงยาด้วยมือที่สั่นแบบควบคุมไม่ได้
หมับ!
ยาภายในถุงถูกรื้อค้นจนกระจัดกระจายไปทั่ว ผมควานหายาแก้ปวดที่ให้หมอสั่งเพิ่มมาเป็นพิเศษ แต่มันไม่มี คิดว่าคงไม่ได้อยู่ในถุงนี้แน่ๆ เลยแกะยาแก้ปวดแบบแคปซูลสามสี่เม็ดเข้าปาก ผมเงยหน้าพิงกำแพงเมื่อรู้สึกว่าเม็ดยาผ่านลูกกระเดือกลงไปที่ท้อง แต่ผมยังปวดอยู่เพราะมันไม่ได้ออกฤทธิ์ทันทีเหมือนยาฉีดที่ผมใช้....
ผมนั่งนิ่งเหม่อลอยจมลงไปความทรงจำบางอย่าง เป็นภาพของหญิงสาวคนนึงที่ถูกผมจับไว้เพราะเธอต่อต้านแข็งข้อกับอาหนิง ผมมัดข้อมือเธอด้วยเชือกแล้วยืนมองร่างสวยถูกแมงดาซ้อมจนหน้าตาที่เคยงดงามเริ่มบวม มีรอยฟกช้ำเลือดซิบที่มุมปาก ภาพเหล่านั้นบิดเบี้ยวถูกกลืนลงไปในคลื่นหลุมดำ ภาพใหม่ฉายขึ้นมาในเลนส์ตา เป็นภาพที่ตัวผมในวัยเด็กกำลังไปเที่ยวสวนสนุกกับพ่อแม่ที่ไม่มีหน้าตาเป็นแค่เงาลางๆ ผมมีความสุขเหมือนกับคนอื่นๆ ซึ่งมันเป็นแค่จินตนาการที่ผมสร้างขึ้นเพื่อลบล้างความเจ็บปวดในใจ
