บทที่7
“มึงโอเคป่ะวะ” ผมหันไปมองช้าๆ ตามเสียงเรียก ไอ้เปาขมวดคิ้วมองผมอย่างสงสัย มันเป็นคนเดียวที่รู้ว่าผมชอบใช้ยาระงับประสาทเวลาที่มีอาการเจ็บปวด มันจะรอให้ผมสงบลงแบบนี้แล้วค่อยเข้ามาหา
“….” ผมพยักหน้ารับ เพราะตอนนี้ยาเริ่มออกฤทธิ์ เหลือแค่อาการปวดศีรษะนิดหน่อยเท่านั้น
ไอ้เปามองผมจนแน่ใจว่าเป็นปกติ มันเลยทำสัญญาณมือส่งซิกให้ผมออกไปด้านนอก ผมหันไปมองหงส์เห็นว่าเธอกำลังหลับอยู่ จึงลุกขึ้นช้าๆ แล้วเดินตามเพื่อนสนิทออกไปที่หน้าห้อง
“กูถามได้มั้ย” มันเอ่ยเสียงอย่างแผ่วเบาเพราะกลัวเจ้าของห้องจะได้ยิน
“ว่า?” ผมถามกลับพลางหยิบบุหรี่จากกระเป๋าหลังขึ้นมาจุด รสเผื่อนขมของยาสูบช่วยทำให้สมองโล่งขึ้น ผมหลับตาลงพ่นควันสีเทาลอยฟุ้งในอากาศ
“มึงจะเอาไงต่อ หมายถึงหลังจากที่มึงตุ๋นเธอจนหมดตัว” ผมเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย ปกติแล้วไอ้เปามันจะไม่ก้าวก่ายวิธีการทำงานของผม เหยื่อก็คือเหยื่อ พวกเราไม่เคยสนใจชีวิตในอนาคตของเป้าหมาย คำถามนี้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ...มีความเห็นใจเหยื่อ
อีกนัยน์นึงก็คือ ไอ้เปาเพื่อนของผมมันกำลังสงสารคุณหนูหงส์ผู้โชคร้าย
“ถามเพื่อ?” สีหน้ากะอักกะอ่วมใจของมันทำให้ผมยิ่งแน่ใจว่า ไอ้เปามันมีแผนการบางอย่าง ถ้าเดาไม่ผิดคงไม่พ้นเรื่องอย่างว่า
“แหมมึงก็ ไม่เห็นต้องทำหน้าดุใส่กูเลย” ไอ้เปาเหลียวเข้าไปมองในห้องแล้วลดเสียงพูดลง “คุณหนูนั่นทั้งสวย ทั้งขาว ถ้าเสร็จเรื่องจากมึงกูขอได้มั้ยวะ” ดวงตาของเพื่อนผมทอประกายความหื่นออกมาอย่างไม่คิดปิดบัง
เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ ไอ้เปามันคิดจะเคลมเธอต่อจากผม ปกติแล้วเราสองคนใช้ผู้หญิงร่วมกันบ่อยๆ ส่วนใหญ่เป็นพวกสาวๆ ในซ่องของอาหนิง ด้วยอาชีพที่ทำอยู่ทำให้ผมกับมันไม่คิดจะมีใครเป็นตัวเป็นตน แค่หาผู้หญิงสักคนมาระบายความใคร่ก็เพียงพอแล้ว
“ไว้ค่อยว่ากัน” ผมบอกพร้อมอัดบุหรี่เข้าปอดเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะหันหน้ามาเผชิญหน้ากับไอ้เปาที่ยืนติดกำแพงอยู่ ผมเป่าควันสีเทาพวยพุ่งออกมาช้าๆ ในขณะที่บี้มวนยาสูบอัดเข้ากับกำแพงข้างๆ ติ่งหูของเพื่อนผม จนสีขาวสะอาดของกระเบื้องเป็นรอยไหม้จางๆ “แต่ระหว่างนี้ มึงห้ามยุ่งกับเหยื่อของกู”
“เออ กูรู้น่า”ไอ้เปาบอกพยักหน้าอย่างเข้าใจ ผมเลยตบบ่ามันหนึ่งทีแล้วพาดแขนกอดคอมองหน้าอย่างรู้กัน
“แก้เบื่อหน่อยมั้ย” พูดแค่นี้เพื่อนผมมันก็รีบพยักหน้าเห็นด้วยเป็นที่สุด
“รออะไรล่ะมึง กูคิดถึงน้องหลิงใจจะขาดอยู่แล้ว” พูดจบไอ้เปาก็ลากมือข้างที่ผมเกาะคอมันไว้ รีบออกเดินจนผมขาแทบพันกัน
ก่อนไปผมชะโงกมองเข้าไปในห้องนอนของหงส์อีกครั้ง เธอกำลังหลับและผมคิดว่าเธอคงไม่ตื่นในเร็วๆ นี้แน่ ยานอนหลับที่หมอให้มาคงทำให้หลับใหลจนถึงเช้า แต่หากเธอตื่นขึ้นมาก่อนคงไม่มีปัญญาออกไปไหน หงส์ยังจมอยู่กับความโศกเศร้าและสิ้นหวัง ความคิดบางอย่างของผมผุดขึ้นมา หากว่าเธอพยายามฆ่าตัวตายอีก...แต่แล้วความคิดของผมก็สิ้นสุดลงเมื่อเดินออกมาถึงประตูบานใหญ่ที่หน้าบ้าน
ผมตัดสินใจล็อคประตูไว้อย่างแน่นหนา เพราะหงส์อยู่คนเดียว ผมกลัวจะมีพวกมิจฉาชีพปีนเข้ามาระหว่างที่ไม่อยู่ ที่กำลังคิดเนี่ยไม่ได้ห่วงผู้หญิงคนนั้นหรอก แต่ผมไม่อยากให้ใครมาชุบมือเปิบพาตัวเธอไปต่างหาก
“ให้ลูกน้องกูมาอยู่เฝ้ามั้ย อย่างน้อยตอนมึงไม่อยู่ ไอ้พวกนี้จะได้เป็นหูเป็นตาให้” ถือว่าเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจมาก นอกจากไอ้เปามันจะเป็นนักต้มตุ๋นตัวฉกาจ มันยังเป็นมือขวาของเสี่ยหวังเจ้าของคาสิโนชื่อดังในไทเปด้วย ดังนั้นมันเลยมีลูกน้องไว้คอยใช้สอย
“งั้นฝากจัดการด้วย” ถ้าเป็นอย่างนั้นผมจะได้วางใจในระดับนึง ไม่ต้องคอยกังวลว่าเธอจะคิดสั้น ผมยังไม่ได้ทรมานคุณหนูหงส์อย่างที่ควรจะเป็น เพราะฉะนั้นเธอจะตายตอนนี้ไม่ได้
ผมยืนมองไปยังเบื้องหน้าระหว่างที่รออาเปาคุยโทรศัพท์ เรื่องบริหารจัดการคนเพื่อนผมคนนี้ค่อนข้างไว้ใจได้ และผมกับมันก็สนิทกันมาก ฉะนั้นมันคงเรียกใช้ลูกน้องฝีมือดีมาเฝ้าที่นี่แน่ๆ คนของอาเปาส่วนใหญ่จะไร้มนุษยธรรม เพราะงานในบ่อนล้วนเป็นเรื่องเลวทรามทั้งนั้น ผมเคยเข้าไปเล่นพนันในบ่อนเสี่ยหวัง ได้เห็นภาพการทารุณลูกหนี้แบบระยะเผาขนในห้องลับ ถ้าพวกลูกค้ามาเห็นคงขวัญหนีดีฟ่อ แต่สำหรับผม...มันเป็นเรื่องที่ชินชาซะแล้ว
“กูสั่งไปเรียบร้อยละ ไปเว้ยไม่เช้าไม่กลับ” ไอ้เปาพูดจบก็โยนกุญแจรถมาให้
ผมคว้าไว้เดินไปขึ้นรถสปอร์ตของมันแล้วสตาร์ทรถเพื่อออกเดินทาง จุดหมายที่เราจะไปก็มีอยู่ทีเดียว นั่นคือซ่องของอาหนิง เหตุผลเพราะเพื่อนผมมันชอบที่นี่ แต่สำหรับผมที่นี่เหมือนนรก ผมไม่สามารถทำใจเรียกใครมาใช้บริการได้ จะมีก็แค่คนคนเดียวเท่านั้นที่เติบโตมาพร้อมกับผมในวัยเยาว์
ใช้เวลาเดินทางประมาณหนึ่งชั่วโมงเราก็ถึงที่หมาย ซ่องใหม่ของอาหนิงอยู่ข้างๆ ที่เดิมแต่เป็นตึกที่ทันสมัยกว่า และมีพื้นที่ใหญ่กว่าเดิมเกือบสี่เท่า ที่นี่เกือบจะเป็นสถานเริงรมย์แบบครบวงจร อาหนิงชอบความเก่าคลาสสิค เลยตกแต่งภายในให้เหมือนกับหอนางโลมในสมัยก่อนผสมผสานกับกลิ่นอายยุโรปนิดๆ เพื่อให้ดูเป็นปัจจุบันมากขึ้น
