EP 8 | อาการน่าเป็นห่วง
วันนี้คงจะเป็นวันที่บอสอยากมาเรียนมากที่สุดในรอบสี่ปีตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยมาเพราะเป็นวันที่เขาจะต้องมาเรียนวิชารวมในตึกคณะศิลปศาสตร์
แม้ความจริงเขาอยากจะมาตามหาเธอตั้งแต่วันนั้นแต่เพราะชั้นปีที่สี่ของสาขาอิเล็กทรอนิกส์เรียนเยอะและไหนจะงานโปรเจคที่ต้องรีบทำส่งอีกด้วย ทำให้เขาแทบจะไม่มีเวลาว่างปลีกตัวออกมาเลย
เขาจะจัดการคิดบัญชีกับยัยผีแครอทที่กล้าบล็อกเบอร์บล็อกไลน์ทำให้เขาอับอายต่อหน้าเพื่อนได้ถึงสองครั้ง
“แคร์ๆๆ ตื่นได้แล้วไปกินข้าวกัน”
เสียงที่ดังขึ้นมาจากชั้นหนึ่งทำให้ขาแกร่งที่กำลังก้าวลงบันไดชะงักเล็กน้อยก่อนใบหน้าหล่อเหลาจะชะโงกลงไปดูว่าใช่คนที่เขากำลังหาอยู่หรือเปล่า
“คนนั้นคือน้องแครอทใช่มั้ยคะ”
น้ำหอมที่เดินตามลงมาชะโงกหน้าลงไปดูด้วยอีกคนจึงเห็นสาวน้อยปีหนึ่งที่กำลังเงยหน้าขึ้นมาจากแขนของตัวเองด้วยสีหน้างัวเงีย ตอนนี้ใบหน้าจิ้มลิ้มไม่ได้สวมแว่นตาอยู่เพราะเพิ่งตื่นนอน
แครอทยังคงหลับตาพลางบิดร่างกายไปทางซ้ายทีขวาทีก่อนจะขยี้ตาเบาๆ ให้หายงัวเงียและล้วงกระเป๋าสะพายข้างของตัวเองเพื่อหยิบกล่องแว่นตาออกมา
แน่นอนว่าการกระทำของเธอตกอยู่ในสายตาของกลุ่มคนที่กำลังเดินลงบันไดมาทั้งนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์และคณะบริหารธุรกิจ
“เช็ดน้ำลายหน่อยมั้ยไอ้เสือ”
เสียงทักของกายเล่นเอาเสือร้ายถึงกับสะดุ้ง เมื่อกี้เขาเผลอคิดว่าการกระทำของเธอมันโคตรน่ารักได้ยังไงวะ สงสัยว่าตัวเองคงจะต้องไปเช็คสายตาบ้างแล้ว
“อะไรของมึง”
บอสแกล้งตีหน้ามึนก่อนจะก้าวขาเดินลงบันไดต่อเพราะต้องการเข้าไปคุยกับคนตัวเล็กให้รู้เรื่อง
“อิ่มเห็นพี่บอสมองหน้าน้องตาค้างเลยนะคะ”
“ฮ่าๆๆ”
ประโยคของอิ่มเล่นเอาคนในกลุ่มหลุดขำออกมาไม่เว้นแม้แต่บอสเองก็ตาม แม่ชีที่ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยแซวพูดออกมาแต่ละครั้งก็เล่นเอาคนฟังเงิบไปเสียทุกครั้ง
“ฮ่าๆ เดี๋ยวนี้น้องอิ่มแซวพี่แล้วเหรอ”
“อิ่มพูดความจริงค่ะ ไม่มุสาหรอกมันบาป”
“น้องแว่นคนนั้นน่ารักจังวะ”
“เฉิ่มๆ นั่นอ่านะ”
ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อเสียงของผู้ชายสองคนที่ดังมาจากข้างหลังทำให้บอสหยุดเดินอีกครั้งก่อนจะหันกลับไปมองและเห็นว่าทั้งคู่คือเพื่อนในสาขาของเขาเอง
“มึงไม่รู้อะไร แว่นๆ เฉิ่มๆ แบบนี้ลองได้อยู่บนเตียงโคตรเอ็กซ์...”
บอสเดินกลับขึ้นไปเผชิญหน้ากับเพื่อนในสาขาของตัวเองทำให้เขาหยุดพูดลงกลางคันและมองกลับมาด้วยความไม่เข้าใจ
“มีไรวะ”
“อย่ายุ่งกับเธอ”
น้ำเสียงจริงจังและสายตาดุดันที่หาดูได้ยากจากคาสโนว่าอย่างเขาทำให้เพื่อนในสาขาทั้งสองคนหันมองหน้ากันเล็กน้อย
“อะไรวะ เฉิ่มๆ แบบนั้นมึงก็ไม่เว้นเหรอเพื่อน”
“เรื่องของกู”
“เออๆๆ กูก็แค่แซวเปล่าวะมึงทำเป็นจริงจังไปได้ ฮ่าๆ”
เมื่อเห็นว่าบอสไม่มีท่าทางล้อเล่นเหมือนทุกครั้งชายหนุ่มทั้งสองคนจึงเลือกที่จะหัวเราะกลบเกลื่อนแล้วเดินเลี่ยงลงบันไดไปทันที
แทนและกายหันมองหน้ากันด้วยความสงสัย สัญชาตญาณของทั้งคู่กำลังบอกว่าบอสอยู่ในอาการไม่ปกติ เขาไม่เคยมีปัญหากับใครเรื่องผู้หญิง ยิ่งเดินเข้าไปพูดแบบนี้ยิ่งผิดปกติ
อย่าว่าแต่กายและแทนเลยตอนนี้บอสก็ไม่เข้าใจการกระทำของตัวเองเหมือนกัน หรือว่าเขาจะหวงของเล่นชิ้นใหม่ อาจจะใช่เพราะเขายังแกล้งไม่สนุกเลยคนอื่นจะมายุ่งกับของเล่นของเขาได้ยังไง
ขาแกร่งรีบเดินลงบันไดไปยังชั้นหนึ่งทันทีเมื่อเห็นว่ากลุ่มของแครอทลุกขึ้นออกจากโต๊ะไปแล้วก่อนจะชะงักอีกครั้งเมื่อเห็นเธอกำลังยืนคุยกับหนุ่มหน้าตี๋ที่เขาคุ้นหน้าคุ้นตาแต่นึกชื่อไม่ออก
“พี่เปาขาาาา~”
ข้าวตูเอ่ยเรียกเดือนคณะฯตรงหน้าก่อนจะรีบเดินเข้าไปควงแขนและซบลงบนไหล่กว้างด้วยท่าทางออเซาะจนลูกฟูกแบนปากใส่
“กำลังจะไปกินข้าวกันเหรอครับ”
เปาหันไปยิ้มขำกับท่าทางของข้าวตูก่อนจะหันกลับมามองคนตัวเล็กตรงหน้าด้วยสายตาเอ็นดู
“ใช่ค่ะ พี่เปากินไรยังอ่ะ”
คำพูดของเธอทำให้ร่างสูงที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักรับรู้ได้ทันทีว่าเธอคงจะสนิทสนมกับผู้ชายตรงหน้าพอสมควร
“ยังเลย ถามแบบนี้จะเลี้ยงพี่เหรอ”
“โหห~ พี่เปาสิต้องเลี้ยงน้องงง”
‘น้ำเสียงออดอ้อนแบบนั้นคือไรวะ!’
กายรีบสะกิดแขนแทนให้ก้มลงมองมือของเพื่อนสนิทตรงหน้าที่ตอนนี้กำหมัดแน่นราวกับกำลังเตรียมตัวขึ้นชกเวทีเท็น ไฟท์ เท็น
“ฮ่าๆๆ เลี้ยงเราทีไรพี่จนไปเป็นเดือนทุกที”
เปาพูดพลางยื่นมือหนาขึ้นขยี้ผมคนตรงหน้าด้วยความมันเขี้ยวก่อนทั้งสี่คนจะพากันเดินออกไปโดยมีขาแกร่งของใครบางคนกำลังจะเดินตามแต่โดนเพื่อนเบรกเอาไว้ก่อน
“ไอ้เสือ”
แทนยกมือขึ้นวางบนไหล่กว้างพร้อมออกแรงบีบเล็กน้อยเพื่อให้เพื่อนสนิทหยุดเดินแล้วหันกลับมามองหน้าเขา
ไม่มีคำพูดอะไรหลุดออกมาจากปากของทั้งคู่ บอสมองหน้าแทนด้วยสายตาจริงจังที่นานๆ ครั้งจะได้เห็น ส่วนแทนก็จ้องหน้าเพื่อนด้วยสายตานิ่งเรียบไม่ต่างกันราวกับทั้งคู่กำลังสื่อสารกันทางสายตาโดยมีกายยืนเกาศีรษะด้วยความไม่เข้าใจอยู่ข้างหลัง
“เออ! กูกลับล่ะ”
บอสพยักหน้าขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปทางลานจอดรถ ทิ้งให้กายและสามสาวยืนงงเป็นไก่ตาแตกเพราะตอนแรกตกลงกันว่าจะไปกินมื้อเที่ยงที่โรงอาหารคณะศิลปศาสตร์ด้วยกัน
“กูว่าอาการพี่บอสแมร่งแปลกๆ นะ”
แพทหันไปคุยกับน้ำหอมในขณะที่สายตายังคงมองตามร่างสูงออกไป แน่นอนว่าทุกคนไม่ชินกับบอสในเวอร์ชั่นนี้สักเท่าไหร่เพราะปกติเขาแทบจะไม่แสดงอารมณ์หงุดหงิดออกมาเลย
“กูก็ว่าแปลก” น้ำหอมพยักหน้าเห็นด้วย
“อาการเหมือนพี่แทนตอนหวงหอมแรกๆ เลยเนาะ”
ขวับ!
ประโยคของอิ่มทำให้ทุกคนหันไปมองหน้าแทนโดยไม่ได้นัดหมายไม่เว้นแม้แต่เจ้าตัวที่พูดออกมาตามความรู้สึกจริงๆ แบบไม่ทันยั้งคิด
“จริงด้วย! แต่น้องแครอทนี่ตรงข้ามกับสเป็กพี่บอสเลยนะคะ”
น้ำหอมพูดพลางเดินเข้าไปหยุดยืนหน้าแฟนหนุ่มของตัวเอง ก่อนที่แทนจะขอเธอเป็นแฟนเขาก็มีอาการตามหวงเธอแบบนี้
“พี่จะไปรู้ได้ไง”
“ก็หนูเห็นพี่มองหน้ากับพี่บอสนี่”
“แค่มองเฉยๆ”
“พี่แทน!”
น้ำหอมยกมือขึ้นเท้าสะเอวอย่างลืมตัวเพราะคิดว่าแฟนหนุ่มจะต้องมีความลับปิดบังเธออยู่แน่ๆ โดยไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้อิ่ม แพทและกายต่างเดินตรงไปยังโรงอาหารแล้ว
“เดี๋ยวนี้เสียงดังกับพี่แล้วเหรอ”
ร่างสูงเดินเข้าไปประชิดตัวแฟนสาวตรงหน้าก่อนจะยกแขนขึ้นตวัดเอวบางเอาไว้อย่างรู้ทันว่าเธอจะถอยหลังหนี
“อ่ะ! แพท อ้าว หายไปไหนกันหมดง่า~”
น้ำหอมรีบหันหาตัวช่วยก่อนจะทำหน้าหงอยเมื่อหันกลับมาแล้วไม่เจอใครยืนอยู่เลยสักคน
‘ทิ้งกันได้ลง ไอ้เพื่อนบ้า!’
“เก็บเสียงไว้ร้องในห้องดีกว่านะ”
ร่างสูงโน้มตัวลงกระซิบข้างใบหูของแฟนสาวก่อนจะแกล้งเป่าลมร้อนใส่หูของเธอเบาๆ
“พี่แทนอ่ะ! -////-”
คนตัวเล็กเขินจนหน้าขึ้นสีก่อนจะรีบดันหน้าออกคนพี่ออกแล้วเดินนำไปยังโรงอาหารของคณะศิลปศาสตร์
