บท
ตั้งค่า

EP 6 | หงุดหงิด

@สมจิต แมนชั่น

Rrrr Rrrr~

สายเรียกเข้า ‘คุณพ่อ’

“คุณพ่อขาาาา~”

เสียงหวานเอ่ยดังไปตามสายทันทีเมื่อเห็นชื่อที่ปรากฎอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ เล่นเอาคนปลายสายถึงกับหัวเราะออกมาเบาๆ กับความขี้อ้อนของลูกสาว

“เสียงอ้อนแบบนี้อยากได้อะไรหรือเปล่า หื้ม?”

ปัญจพลเอ่ยถามลูกสาวอย่างหยอกล้อตามประสาคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว เขาเลี้ยงแครอทมาคนเดียวเพราะผู้เป็นภรรยาเสียตั้งแต่ลูกสาวอายุเพียงหนึ่งขวบเท่านั้น

จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะฟูมฟักเลี้ยงดูเธอราวกับไข่ในหิน ปัญจพลคิดมาตลอดว่าตัวเขาโชคดีเหลือเกินที่แครอทเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย ไม่เคยดื้อหรือมีปัญหามาให้เขาหนักใจเลยสักครั้ง

การย้ายเข้าไปเรียนในกรุงเทพฯของแครอทครั้งนี้ยอมรับเลยว่าเป็นเรื่องที่ปัญจพลหนักใจไม่น้อยเพราะเขาและลูกสาวไม่เคยอยู่ไกลกันมาก่อน แต่ก็ทำได้แค่ปลอบใจตัวเองว่าลูกของเขาจะต้องเติบโตและเรียนรู้การใช้ชีวิตด้วยตัวเองให้ได้

“ไม่อยากได้อะไรเลยค่ะ อยากกอดคุณพ่อให้หายคิดถึง”

ร่างบางในชุดนอนคิตตี้สีชมพูพูดพลางทิ้งตัวลงนอนบนเตียงขนาดห้าฟุต เธอรีบจัดการธุระส่วนตัวของตัวเองให้เรียบร้อยเพราะรู้ว่าพ่อของเธอจะโทรหาในเวลานี้เสมอ

“แบบนี้พ่อคงต้องลางานสักเดือนไปกรุงเทพแล้วล่ะ”

“ฮ่าๆๆ ถ้าหนึ่งเดือนมีหวังคุณลุงเมธต้องไล่ออกแน่ๆ เลยค่ะ”

ลุงเมธหรือจิรเมธเป็นเจ้าของโรงแรม The one Hotel โรงแรมระดับห้าดาวที่มีสาขาอยู่ตามเมืองท่องเที่ยวหลักๆ ในประเทศไทย ซึ่งปัญจพลดำรงตำแหน่งผู้จัดการใหญ่ของสาขาพัทยา จังหวัดชลบุรี

ติ๊ด ติ๊ด~

“แปปนะคะคุณพ่อ”

แครอทพูดกับผู้เป็นพ่อพลางยกโทรศัพท์ออกจากหูเมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือนเหมือนจะเป็นสายที่โทรซ้อนเข้ามา

สายเรียกเข้า ‘พี่บอสคนเท่’

“เฮือก!”

มือเรียวยกขึ้นปิดปากด้วยความตกใจ เธอลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเขาเมมทั้งเบอร์และไลน์ของตัวเองเอาไว้เพราะมัวแต่โกรธเรื่องที่เขาพ่นควันบุหรี่ใส่เธอ

“มีอะไรหรือเปล่าลูก”

“อ่อ! เปล่าค่ะ เพื่อนทักไลน์มาแล้วเสียงแจ้งเตือนมันดังค่ะ”

คนตัวเล็กรีบกดตัดสายแล้วคุยกับผู้เป็นพ่อต่อ แม้ในใจจะมีความกังวลและสมองเริ่มจินตนาการไปต่างๆ นาๆ

เสียงแจ้งเตือนสายซ้อนดังขึ้นอีกสองสามครั้งและเธอเลือกที่จะกดตัดสายทุกครั้งจนวางสายโทรศัพท์จากผู้เป็นพ่อก็มีข้อความจากแอปพลิเคชันไลน์เด้งขึ้นมาแทน

Line | Boss

Boss: เธอกล้ามากนะ

Boss: ที่ตัดสายฉัน

Boss: เธอเจอดีแน่ยัยโบ๊ะ

อึก!

แครอทกลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อได้อ่านข้อความข่มขู่จากอีกฝ่าย ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าสิ่งที่เธอทำมันเป็นความผิดใหญ่หลวงถึงขนาดที่เขาจะต้องตามจองเวรจองกรรมเธอเลยเหรอ

(ไรท์: อิพี่คงภูมิใจที่หนูเห็นมันเป็นเจ้ากรรมนายเวร 555+)

“หรือเค้าจะส่งผิดคน เราไม่ได้ชื่อโบ๊ะซะหน่อย”

คนตัวเล็กบ่นพึมพำก่อนจะตัดสินใจกดบล็อกเบอร์และบล็อกไลน์ของอีกฝ่าย เขาเรียนคนละคณะกับเธอเพราะฉะนั้นเราคงไม่บังเอิญเจอกันบ่อยๆ อีกอย่างเขาเรียนอยู่ปีสี่แล้วถ้าเธออดทนหลบหน้าเขาแค่ปีเดียวก็ไม่ต้องเจอกันแล้ว

@The TOY

“เป็นไรวะ กูเห็นมึงหงุดหงิดตั้งแต่เดินเข้าร้านมาล่ะ”

เฟิร์นเอ่ยถามบอสด้วยความแปลกใจเพราะปกติเวลามาเที่ยวกันคนที่มีความสุขและออกอาการกระดี๊กระด๊ามากที่สุดก็คือบอส

“ไม่ใช่ตั้งแต่เข้าร้านค่ะพี่เฟิร์น หงุดหงิดมาตั้งแต่เที่ยงแล้ว”

น้ำหอมแฟนสาวของแทนโน้มตัวเข้าไปกระซิบเฟิร์นที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอ เฟิร์นเป็นรุ่นพี่ที่เรียนสาขาเดียวกับเธอและบังเอิญเป็นแฟนกับกายซึ่งก็คือเพื่อนในกลุ่มของแทนอีกด้วย

“ทำไมอ่ะ”

“ก็วันนี้เรากินข้าวที่โรงอาหารของศิลปศาสตร์ค่ะ แล้วพี่บอสก็บังเอิญเจอน้องแครอทน่ะสิ”

“แครอท? ห๊ะ! ผีแครอทที่ส่องกระจกรถมันจนไข่หดอ่านะ”

ขวับ!

เฟิร์นอุทานออกมาเสียงดังด้วยความตกใจแต่ประโยคของเธอก็เล่นเอาเพื่อนในโต๊ะหันมามองเป็นตาเดียว แม้ตอนนี้จะมีกันอยู่แค่ห้าคนคือเธอ กาย น้ำหอม แทนและบอสก็ตาม

“ไอ้เหี้ยกาย!”

บอสยกนิ้วขึ้นชี้หน้าคาดโทษเพื่อนสนิทของตัวเองทันที เขาสั่งมันไว้แล้วเชียวว่าอย่าเล่าให้เฟิร์นฟัง สุดท้ายเมียมันก็รู้เรื่องจนได้และดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แค่เฟิร์นเท่านั้นเพราะน้ำหอมก็ดูจะรู้เรื่องเช่นกัน

‘นี่มันเอาเรื่องกูไปเล่าทั้งคณะแล้วมั่ง!’

“ที่รัก~ เค้าบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าไปพูดให้มันได้ยิน”

กายหันมากระซิบแฟนสาวพลางมองไปทางบอสด้วยสายตาหวาดระแวง ถึงแม้ภายนอกบอสจะดูเฟรนลี่ ขี้เล่นแต่ก็เป็นแค่กับสาวๆ เท่านั้น ถ้ามันเกิดบ้าขึ้นมาก็ปีศาจจากนรกขุมเดียวกับแทนนั่นแหละ

“มึงจะซีเรียสไปทำไมวะ น้องน้อยมันก็มีตื่นมีหลับบ้างเป็นเรื่องธรรมดา”

เฟิร์นตอบราวกับต้องการปลอบใจแต่สายตาและสีหน้าที่พยายามกลั้นหัวเราะไม่ได้ช่วยให้ประโยคของเธอดูดีขึ้นเลย

“มึงนี่ผู้หญิงแบบไหนวะ พูดเรื่องแบบนี้ออกมาได้หน้าตาเฉย”

“แหม่~ กูเป็นคนตรงๆ ค่าแล้วก็พูดแค่กับเพื่อนไม่เหมือนผู้หญิงของมึงแต่ละคนหรอก แอ๊บใสๆ แต่ข้างในสิบล้อเลี้ยวเข้าไปกลับรถได้แล้ว”

บอสยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มพลางส่ายศีรษะเบาๆ รู้สึกเหนื่อยใจเกินกว่าที่จะพูดกับสาวมั่นอย่างเฟิร์น

ตอนนี้เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเป็นอะไร รู้สึกหงุดหงิดตั้งแต่เห็นสายตากลมโตที่มองเขาอย่างตัดพ้อแถมน้ำสีใสเริ่มเอ่อคลอขึ้นมายิ่งทำให้เขาคันยุบยิบตรงหน้าอกข้างซ้าย

อาจจะเป็นเพราะเขาไม่เคยถูกใครมองด้วยสายตาแบบนี้ สาวๆ ส่วนใหญ่มักจะส่งสายตาหวานเยิ้มเชิญชวนมาให้เขาเสียมากกว่า

“พี่บอส! พี่บอสจริงๆ ด้วย^^”

ทุกคนในโต๊ะเงยหน้าขึ้นไปตามเสียงเรียกของแขกคนใหม่ เหมยลี่นักศึกษาคณะศิลปศาสตร์สาขาภาษาจีนเพื่อการสื่อสารชั้นปีที่สองอยู่ในชุดมินิเดรสคล้องคอสีดำกำลังยืนส่งยิ้มหวานให้เจ้าของชื่อที่เธอเรียก

“เหมยลี่”

“ทำไมมาเที่ยวไม่ชวนหนูล่ะคะหนูจะได้มานั่งเป็นเพื่อน ดูสิพี่ๆ เค้ามีคู่กันหมดมานั่งคนเดียวเหงาแย่เลย”

หญิงสาวพูดพลางถือวิสาสะเดินเข้าไปนั่งลงข้างๆ บอสก่อนจะยกแขนเรียวเข้าไปกอดแขนของบอสเอาไว้

“yesแน่นอน คืนนี้yes..อุ๊บ!”

“นั่งเงียบๆ!”

เฟิร์นหันไปร้องเพลงแซวกับแฟนหนุ่มของตัวเองแต่กลับโดนกายจุ๊บปิดปากพลางเอ่ยปรามด้วยน้ำเสียงดุเพราะเธอยังมีความผิดติดตัวอยู่ยังจะหาคดีเพิ่มอีก

“พี่กลัวจะกวนเหมยลี่นี่คะ ช่วงนี้เหม่ยลี่ไม่ค่อยว่าง”

บอสตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้มหวานละลายใจแขนแกร่งค่อยๆ ดึงออกจากมือเรียวของเหมยลี่เปลี่ยนเป็นตวัดวงแขนไปกอดเอวบางไว้แทน

เหมยลี่ถือว่าเป็นสาวที่ตรงสเป็กอันดับต้นๆ ของบอสไม่ว่าจะรูปร่าง หน้าตาเรื่องแม้กระทั่งความเป็นงานในเรื่องบนเตียง

“โอ๋~ งอนเหม่ยลี่เหรอคะเนี้ย?”

หญิงสาวเอ่ยถามพลางยกมือขึ้นไปบีบแก้มของคนตรงหน้าเบาๆ ร่างบางที่เบียดชิดจนแทบจะสิงเป็นร่างเดียวกันทำให้บอสได้กลิ่นน้ำหอมของเธอชัดเจน มันเป็นกลิ่นน้ำหอมที่เขาเคยรู้สึกชอบแต่ตอนนี้กลับรู้สึกเหมือนได้กลิ่นยาลมของคนแก่

“เหมยลี่เปลี่ยนกลิ่นน้ำหอมเหรอคะ”

“อ่ะ! ก็กลิ่นเดิมที่พี่บอสชอบเลยนะคะ”

เหมยลี่ขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจเล็กน้อยเพราะเธอตั้งใจแต่งตัวแต่งหน้าและฉีดน้ำหอมกลิ่นที่เขาชอบมาที่นี่เมื่อเพื่อนสนิททักแชทไปบอกว่าเจอบอสกำลังนั่งอยู่ในร้าน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel