EP 5 | เขาชื่อบอส
“แคร์! เป็นอะไร หายไปไหนมาเนี้ย”
คนตัวเล็กวิ่งออกมาจากข้างหลังตึกคณะฯบังเอิญเจอเพื่อนทั้งสองคนที่กำลังเดินตามหาเธออยู่เหมือนกัน
“แค่กๆๆ”
แครอททั้งไอจากอาการแพ้ควันบุหรี่แถมยังหอบจากการวิ่งหนีคนใจร้ายมาอีกด้วย ลูกฟูกและข้าวตูจึงลงความเห็นว่าควรพาเธอไปที่ห้องพยาบาลประจำคณะฯก่อน
“ขอโทษนะ ทำให้พวกแกขาดเรียนไปด้วยเลย”
หลังจากทานยาแก้แพ้และนอนพักไม่นานอาการของแครอทจึงเริ่มดีขึ้น เพื่อนสนิททั้งสองคนรีบสวมวิญญาณนักสืบดึงความลับจากผู้ป่วยทันที
“โอ๊ย! เรื่องจิ๊บๆ เล่าเรื่องของแกมาดีกว่า สรุปอะไร ยังไง?”
ข้าวตูเริ่มเปิดประเด็นขึ้นมาก่อนเพราะเขาจำได้ว่านอกจากจะไอหนักและหอบแล้ว เพื่อนสาวของเขาเหมือนจะร้องไห้มาด้วย
แครอทมองหน้าข้าวตูสลับกับลูกฟูกด้วยความลังเล ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะเล่าเรื่องที่เจอให้เพื่อนฟังดีหรือเปล่า
“เล่ามาค่ะ อย่าลีลา!”
“เอ่อ...แกจำเรื่องที่เราเล่าให้ฟังว่าเจอคนโรคจิตตรงลานจอดรถใต้ตึกคณะวันรับน้องได้ป่ะ”
แครอทเอ่ยถามพลางมองซ้ายมองขวาเพื่อความมั่นใจว่าในห้องพยาบาลตอนนี้ไม่มีใครอยู่นอกจากพวกเธอ แม้จะมั่นใจแล้วแต่เธอก็ยังใช้น้ำเสียงเบาเสียจนเพื่อนอีกสองคนต้องโน้มศีรษะเข้าไปหา
“อย่าบอกนะว่าแกเจอมันอีกอ่ะ”
ลูกฟูกรีบกวาดสายตาเพื่อสำรวจเสื้อผ้าหน้าผมของเพื่อนอีกครั้ง เผื่อว่าแครอทเจอโรคจิตคนนั้นเข้ามาทำอะไรมิดีมิร้าย
“ก็เจอ แถมเค้ายังจำเราได้ด้วย”
“จำได้!” ข้าวตูอุทานเสียงดัง
“เบาๆ สิ” แครอทพูดพร้อมยกนิ้วชี้ขึ้นแตะที่ริมฝีปากรูปกระจับของตัวเอง สายตายังคงสอดส่องไปทางประตูห้องพยาบาลอยู่ตลอดเวลา
“เค้าจำแกได้ยังไงวะ สภาพวันนั้นฉันยังจำตัวเองไม่ได้เลย”
ลูกฟูกพูดออกไปตามความจริง วันนั้นพวกเธอทั้งสามคนเละเทะชนิดที่ไม่รู้จะหาคำไหนมาบรรยายได้เลย
“เค้าบอกว่าจำกิ๊บแครอทได้”
แครอทตอบกลับพลางทำเสียงหงอย ใบหน้าจิ้มลิ้มเต็มไปด้วยความกังวลเมื่อนึกไปถึงหน้าของคนใจร้าย
“แล้วยังไงต่อ เค้าทำอะไรแกป่ะ”
ลูกฟูกถามต่อพลางเบนสายตาไปมองข้าวตูที่กำลังกดโทรศัพท์ยุกยิกด้วยใบหน้านิ่วคิ้วขมวด
“เค้าบอกให้เรารับผิดชอบ...” น้องชายของเขา
ประโยคหลังแครอทไม่กล้าพูดออกไปตามตรงและคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่น่าจดจำมากที่สุดในชีวิตของเธอ
“รับผิดชอบ? แกทำอะไรผิดวะ”
ลูกฟูกเริ่มมีน้ำโหแม้จะไม่เคยเห็นหน้าผู้ชายคนนี้มาก่อนแต่เธอคิดว่าเขาคงจะเป็นคนขี้เหร่ส่วนนิสัยก็ต้องโรคจิตอย่างที่แครอทเล่าให้ฟังจริงๆ
“ก็เค้าบอกว่าเราเป็นคนยื่นหน้าเข้าไปส่องรถเขาเอง เขาไม่ได้ออกมาโชว์ข้างนอกซะหน่อย”
คนตัวเล็กตอบกลับพลางถอนหายใจเพราะเหตุผลของเขาก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันคือเรื่องจริง แต่จะให้เธอมารับผิดชอบน้องชายเขาเธอทำไม่ได้เด็ดขาด
“ก็จริงวะ แกยื่นหน้า...”
“กรี๊ดด! เค้าคือพี่คนนี้ใช่มั้ย”
เสียงของข้าวตูดังแทรกขึ้นมาก่อนที่ลูกฟูกจะพูดจบ เขายื่นหน้าจอโทรศัพท์ที่ปรากฎหน้าแอปพลิเคชันอินสตาร์แกรมของบอสให้เพื่อนสาวทั้งสองคนดู
“ใช่! คนนี้แหละ แกหาเค้าเจอได้ไงอ่ะ”
แครอทถึงกับอ้าปากค้าง ทั้งๆ ที่เธอไม่รู้ชื่อเขา คณะฯหรือแม้กระทั่งสาขาที่เรียนเธอด้วยซ้ำแต่ข้าวตูกลับสามารถค้นหาอินสตาร์แกรมของเขาจนเจอ
“ก็แกบอกว่าผู้หญิงที่อยู่ในรถวันนั้นคือพี่ลดาใช่มั้ยล่ะ ฉันก็สืบๆ จากรุ่นพี่ที่รู้จักแล้วเขาก็บอกว่าช่วงนี้มีคนเดียวที่คอยรับคอยส่งพี่ลดาคือพี่บอส”
‘ชื่อบอสเหรอเนี้ย’
“หล่อมาก หล่อเหมือนลอยมา หล่อเหมือนไม่มีอยู่จริงเลยวะ”
ลูกฟูกดึงโทรศัพท์ออกจากมือของข้าวตูก่อนจะเลื่อนดูรูปที่บอสลงไว้ในอินสตาร์แกรมและหน้าไบโอของเขาก็ทำให้รู้ว่าตอนนี้เขาเรียนอยู่คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาอิเล็กทรอนิกส์ชั้นปีที่สี่
“รับผิดชอบเลยแก ถ้าแกรับไม่ไหวฉันจะรับผิดชอบเค้าเอง”
ข้าวตูมีอาการกระดี๊กระด๊าออกนอกหน้าทั้งที่วันก่อนยังช่วยแครอทสาบบอสในฐานะคนโรคจิตวิตถารอยู่เลย
“ข้าวตู! แกควรจะอยู่ข้างเราสิ”
แครอทเริ่มโอดครวญเมื่อเห็นข้าวตูพูดด้วยสีหน้าจริงจังแถมยังย้ายฝั่งไปอยู่กับฝ่ายตรงข้ามด้วยความรวดเร็วเพียงเพราะเขาหล่อ
ถ้าถามเธอว่าเขาหล่อไหม เธอก็คงต้องยอมรับความจริงว่าเขาหล่อและดูมีเสน่ห์ดึงดูดมาก แต่ความใจร้ายของเขาน่ะเธอจัดให้เป็นบุคคลที่ไม่ควรอยู่ใกล้หรือรู้จักมากที่สุด
“แต่หล่อๆ แบบนี้เป็นเสือชัวร์”
ลูกฟูกพูดพลางยื่นโทรศัพท์คืนให้ข้าวตูเหมือนเดิม เธอกำลังกลัวว่าที่บอสเข้ามาหาเพื่อนสาวของเธอเพราะต้องการจะหลอกเพื่อนเธอหรือเปล่า แครอทยิ่งดูเป็นคนซื่อๆ ไม่ค่อยทันคนอยู่ด้วย
“โอ๊ย! ต่างหูรูปไม้กางเขนโคตรเท่อ่ะ อยากเป็นเหยื่อ อยากโดนขย้ำ”
“ข้าวตู TT”
แครอททำหน้าเหมือนจะร้องไห้เมื่อเพื่อนสนิทของเธอออกอาการคลั่งไคล้ผู้ชายเสียจนไม่สนใจเรื่องของเธอเลย
“มึงหยุดบ้าผู้ชายสักแปปซิ!”
ลูกฟูกยื่นมือไปตรงหน้าข้าวตูเพื่อหวังจะบีบจมูกแท่งละสามหมื่นที่คุณหมอให้มาประหนึ่งว่าเธอกำลังดึงนอของแรดออก แต่เจ้าตัวก็รีบหันหน้าหนีทันที
“กรี๊ด! อย่ามายุ่งกับจมูกฉันนะคะ อ่ะไหน! มันมีอะไรให้เครียดพูดซิ!”
เมื่อเห็นสีหน้ากังวลของเพื่อนสาวทั้งสองคน ข้าวตูจึงเลิกเล่นแล้วกลับเข้าสู่โหมดจริงจัง ตอนนี้เขาไม่เข้าใจว่าเพื่อนสาวสองคนกำลังคิดมากเรื่องอะไร
“แกไม่กลัวพี่เค้ามาหลอกไอ้แคร์เหรอ?”
“ไม่ใช่นะลูกฟูก! เราไม่ได้กังวลเรื่องนั้น แกดูหน้าเราดิเค้าหล่อขนาดนั้นสาวๆ เข้าหาเต็มไปหมดจะมาหลอกเราทำไม”
“ยัยแครอทน้อยหอยสังข์คะ! ถึงแกจะไม่ได้สวยเวอร์วังแต่จริงๆ แล้วแกน่ารักมากนะฉันจะบอกให้ หน้าตาแกจิ้มลิ้มอย่างกับตุ๊กตาบาร์บี้เพียงแค่แกไม่ได้แต่งหน้ามันก็เลยดูซีดเหมือนผีจูออนแถมยังมีแว่นตาหนาเตอะมาบดบังเอาไว้อีก”
ประโยคยาวยืดของข้าวตูฟังๆ ดูแล้วแครอทก็ไม่เข้าใจว่าเพื่อนกำลังชมหรือด่าเธออยู่กันแน่
“ก็หลอกฟันไง” ลูกฟูกแทรกขึ้นบ้าง
“เรื่องนั้นยิ่งต้องเลิกคิดไปเลยค่ะ พี่เค้าหล่อขนาดที่สาวๆ รอคิวปลายแถวอยู่สุไหงโกลกนู้นนนน~ ถ้าหิวก็กินได้เลยป่ะ? จะเสียเวลามาหลอกยัยแครอทต้มจืดของเราเพื่อ!”
ข้าวตูพูดพร้อมกับเปิดคอมเม้นในอินสตาร์แกรมของบอสให้ดูเพื่อยืนยันว่าสาวๆ ทั้งนอกและในมหาวิทยาลัยต่างก็ให้ความสนใจเขาเยอะมากจริงๆ
“หยุดทั้งคู่! เราไม่ได้คิดเรื่องรักเรื่องชอบอะไรเลยแต่ที่พี่เค้ามาหาเราน่าจะเป็นเพราะว่าโกรธที่เราไปขัดจังหวะของเค้าก็เลยหาเรื่องแกล้งเราเพื่อเอาคืนอ่ะดิ”
แครอทรีบยกมือขึ้นห้ามเพื่อนทั้งสองคนที่นั่งจ้องหน้ากันอย่างจริงจัง ก่อนจะรีบพูดความคิดของตัวเองออกไปบ้าง
“อันนี้ได้” ข้าวตูเอ่ย
“น่าคิดว่ะ” ลูกฟูกเห็นด้วย
เมื่อเพื่อนทั้งสองคนมีความคิดเห็นไปทางเดียวกันกับเธอก็ยิ่งทำให้คนตัวเล็กกังวลมากกว่าเดิม ขนาดเธอบอกเขาว่าแพ้ควันบุหรี่เขายังแกล้งพ่นมันใส่หน้าเธอเลย
เธอแค่อยากเป็นเด็กนักศึกษาธรรมดาที่เรียนจบอย่างสงบสุขแต่ดูเหมือนว่าชีวิตของเธอหลังจากนี้มันจะห่างจากคำว่าสงบสุขไปไกลเลยน่ะสิ
“ฮืออออ~ ไม่น่าไปอยากรู้อยากเห็นเรื่องคนอื่นเลย”
คนตัวเล็กโอดครวญพลางทิ้งตัวลงนอนพร้อมกับหยิบหมอนใบใหญ่ขึ้นมาปิดหน้าตัวเอง
ข้าวตูและลูกฟูกมองคนบนเตียงที่ดิ้นดุกดิกไปมาก่อนจะหันมามองหน้ากันอย่างอ่อนใจเพราะไม่รู้จะช่วยเพื่อนของเธอยังไงเหมือนกัน
