EP 3 | เจอตัว
“5555555555555”
กายขำก๊ากจนหยุดไม่ได้เมื่อได้ฟังเรื่องเล่าจากเพื่อนสนิทอย่างบอส เขายกสองมือขึ้นกุมท้องหัวเราะลั่นจนตัวงอ
“ตลกมากมะ!”
แตกต่างจากเจ้าของเรื่องที่ยังคงอยู่ในอารมณ์โกรธมาตั้งแต่เมื่อคืน จะไม่ให้เขาหงุดหงิดค้างมาถึงตอนนี้ได้ยังไงในเมื่อเขาตามเต๊าะลดามาตั้งสองเดือน โอกาสทองลอยมาเขาก็รีบกระโดดคว้าเอาไว้
แต่มันเหมือนเขากระโดดขึ้นไปค้างเติ่งอยู่บนยอดเขาแล้วเจอเข้ากับผีแครอทจนตกเหวลงมาตาย!
“หึๆๆ”
ขวับ!
บอสหันไปมองหน้าเพื่อนสนิทอีกคนทันทีเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอ แทนยกกำปั้นขึ้นปิดปากเล็กน้อยเพื่อกลั้นขำและทำท่าทางราวกับว่าเขากำลังกระแอมไอเฉยๆ
“ไอ้แทน! ถ้ามึงฝืนมากก็หัวเราะออกมาเลย”
“55555555555”
แทนระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันทีที่ได้รับอนุญาตเล่นเอาเพื่อนสนิททั้งสองคนหันมองด้วยความตกใจก่อนจะตามมาด้วยอารมณ์ที่แตกต่างกัน
กายระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีกครั้ง ปลายหางตาของเขามีหยดน้ำซึมออกมาซึ่งเกิดจากการหัวเราะมากเกินไปเพราะตั้งแต่คบกับแทนมาสี่ปีนี่คงเป็นครั้งแรกที่แทนหัวเราะจนตัวโยนขนาดนี้
ต่างจากบอสที่หันไปมองแทนด้วยใบหน้าเศร้าสลด เสียงหัวเราะจากคนนิ่งเงียบอย่างแทนทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเจอกับเรื่องอัปยศอดสูที่สุดในชีวิต
“กูประช๊ดดด! มึงหัวเราะนี่กูเจ็บจี๊ดกว่าเดิมอีก”
“อย่างน้อยมึงก็ทำให้ไอ้แทนหัวเราะได้นะเว้ย!”
มือหนาของกายยื่นไปตบไหล่กว้างเบาๆ ราวกับต้องการปลอบใจทั้งๆ ที่ตัวเองยังพยายามปรับลมหายใจให้กลับมาเป็นปกติเนื่องจากหัวเราะมากเกินไปไม่ได้
“มันใช่เรื่องน่าภูมิใจมั้ย ไอ้เห็ดสด!”
บอสรู้สึกหงุดหงิดมากกว่าเดิม เขามาเล่าให้ฟังเพื่อต้องการระบายความอัดอั้นตันใจที่เก็บเอาไว้ทั้งคืน ถ้าไม่คิดจะปลอบใจกันก็อย่ามาหัวเราะซ้ำเติมให้มันรู้สึกเจ็บไปกว่าเดิมจะได้ไหม
“ฮ่าๆ แล้วน้องลดาว่าไงบ้างวะ”
คำถามของกายทำให้แทนหยุดหัวเราะและปรับสีหน้ากลับมาเรียบนิ่งเหมือนเดิมบ่งบอกให้รู้ว่าเขากำลังตั้งใจฟังเรื่องเล่าของบอสต่อเช่นกัน
“ว่าไงล่ะ! เค้าก็ตกใจไม่ต่างจากกูนี่แหละ”
“แล้วต่อป่ะ?”
“ต่อก็เหี้ยล่ะ! แยกย้ายสิวะ”
คำตอบของบอสทำให้กายและแทนหันมองหน้ากันทันที เพื่อนสนิทของเขากำลังจะบอกว่านอกจากจะถูกใครที่ไหนก็ไม่รู้มาส่องกระจกแล้วภารกิจที่ตามเต๊าะดาวคณะศิลปศาสตร์มาสองเดือนก็ล่มไม่เป็นท่าอีกด้วย
“หมายถึงมึงไม่ได้ไปต่อกันที่ไหนเลย?”
“เออ! กูก็แค่ขับไปส่งน้องเค้าที่รถแล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้าน”
“ไม่สานต่อ?”
“ไม่สานอะไรทั้งนั้น! แค่กูคิดถึงหน้าน้องเค้า หน้าผีแครอทนั่นก็แวบเข้ามาในหัวกูทุกที”
บอสพูดพลางนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืน นอกจากผีแครอทจะมาส่องกระจกรถเพื่อดูกิจกรรมอันเร่าร้อนแล้วยังทิ้งร่องรอยเป็นคราบมันๆ สีขาวติดกระจกรถของเขาเอาไว้อีกด้วย
บ่งบอกได้อย่างดีว่าคนส่องเอาหน้าแนบชิดกับกระจกรถของเขามากขนาดไหน ถ้าลดกระจกแล้วสอดศีรษะเข้ามาได้เธอคงทำไปแล้ว
“มึงนี่มันคนเหี้ยจริงๆ คิดจะเทก็เทซะงั้น”
กายบ่นพลางส่ายศีรษะอย่างอ่อนใจแม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องผิดปกติไปจากเดิมเลยก็ตาม บอสมักจะเปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อยๆ ไม่จริงจังและไม่คิดจะผูกมัดกับใคร
“เออ!จะให้กูไปเข้าสมาคมพ่อบ้านรักเมียหลงเมียเหมือนมึงสองคน ให้กูไปคลานแล้วหอนรอบอาคารเรียนจะดีกว่า”
บอสพูดพลางคว้าแก้วโกโก้ขึ้นมาดูดเพราะหวังว่าความเย็นของมันจะช่วยลดอุณหภูมิความร้อนในร่างกายของเขาได้บ้าง
“ที่รักจ๋าาาา~”
“มึงห้ามเล่าให้เมียมึงฟังเด็ดขาด!”
เสียงของเฟิร์นที่ดังมากจากหน้าร้านน้ำทำให้บอสรีบหันไปสั่งกายด้วยน้ำเสียงกระซิบกระซาบทันที เรื่องนี้จะปล่อยให้เฟิร์นรู้ไม่ได้เด็ดขาดไม่งั้นเธอคงจะล้อเขาไปยันลูกบวชแน่ๆ
“กระซิบอะไรกัน!”
เฟิร์นทิ้งตัวนั่งลงตรงที่ว่างข้างๆ แฟนหนุ่มของตัวเองพลางกอดอกถามและหันมองหน้าทุกคนในโต๊ะด้วยสายตาจับผิด
“กระซิบอะไรของมึง”
บอสรีบแก้ตัวขึ้นมาทันที เขาสาบานเลยว่าจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับไปตลอดกาล ให้มันตายไปพร้อมกับเขานี่แหละ
“กูเห็นนะคะ พอกูเดินเข้ามามึงก็ก้มมาพูดอะไรกับแฟนกู”
“ตอนเด็กพ่อแม่มึงให้กินอะไรทำไมโตมาอยากรู้เรื่องชาวบ้านเหลือเกิน”
“อิบอส!ปากหมา!”
“พอๆๆ กลับกันได้ล่ะกูง่วง”
กายรีบพูดห้ามทัพก่อนที่เพื่อนและแฟนของเขาจะตีกัน เขาก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าก่อนหน้านี้ทั้งคู่เป็นเพื่อนกันมาแบบไหนถึงได้กัดกันทุกครั้งที่เจอขนาดนี้
“กูรอหอม”
แทนพูดแทรกจุดประสงค์ของตัวเองขึ้นมา ที่เขามานั่งอยู่ในร้านขายน้ำหน้าคณะบริหารธุรกิจไม่ใช่เพราะเขาต้องการมานั่งกับเพื่อนแต่เขามานั่งรอแฟนสาวต่างหาก
“เบื่อคนมีความรักฉิบหาย! กูกลับล่ะ”
บอสพูดพลางหยิบเงินแบงค์ร้อยออกจากกระเป๋าเสื้อช้อปวางบนโต๊ะเพื่อจ่ายค่าน้ำก่อนจะหันหลังเดินออกจากร้านไปด้วยความหงุดหงิด
“มันหงุดหงิดอะไรอ่ะที่รัก”
เฟิร์นมองตามร่างสูงพลางขมวดคิ้วก่อนจะหันกลับมาถามแฟนหนุ่มของตัวเอง จะบอกว่าบอสอารมณ์เสียเพราะเธอไปหาเรื่องเขาก็ไม่น่าจะใช่เพราะดูเหมือนว่าบอสจะหงุดหงิดอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว
“วัยทองมั่ง”
“หงุดหงิดอย่างกับคนอารมณ์ค้าง”
กายหันไปมองหน้าแฟนสาวพลางลอบกลืนน้ำลาย ที่เขาพูดกันว่าเซ้นต์ของผู้หญิงน่ากลัวตอนนี้เขาเริ่มจะเชื่อจริงๆ แล้วล่ะ
••××××ו•
@โรงอาหาร คณะศิลปศาสตร์
วันนี้เป็นวันเรียนรวมของกลุ่มแทนกับน้ำหอม เลิกคลาสพวกเขาจึงตกลงกันว่าจะมากินมื้อเที่ยงที่โรงอาหารคณะศิลปศาสตร์เพราะอยู่ใกล้ที่สุด
“เฮ้ย!”
บอสอุทานขึ้นมาพลางทำตาโตเล่นเอาเพื่อนร่วมโต๊ะอีกห้าคนอย่างแทน กาย น้ำหอม อิ่มและแพทเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกันทันที
“ตกใจอะไรของมึง เจอลดาเหรอ”
กายถามพลางมองไปทางเดียวกับบอสแต่ก็ไม่เห็นจะมีวี่แววของดาวคณะฯคนสวยเดินอยู่ทางนั้นเลย
“ต้องใช่แน่ๆ!”
บอสมองไปยังคนตัวเล็กอย่างไม่ละสายตา นักศึกษาสาวที่ยังแขวนป้ายชื่อบ่งบอกว่าเธอเป็นน้องเฟรชชี่ปีหนึ่ง ส่วนสูงประมาณหนึ่งร้อยห้าสิบแปดห้าสิบเก้าทำให้เธอดูตัวเล็กราวกับเด็กมัธยม
ผิวขาวออร่าจนเธอโดดเด่นท่ามกลางฝูงชน ผมสีน้ำตาลช็อกโกแลตยาวประมาณขอบเสื้อในถูกหวีจัดทรงอย่างดี แต่สิ่งที่เตะตาบอสมากที่สุดคงจะเป็นกิ๊บรูปแครอทบนผมของเธอ
ร่างสูงลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินตรงไปยังเป้าหมายอย่างรวดเร็ว ทิ้งความงุนงงเอาไว้กับเพื่อนร่วมโต๊ะอาหารอีกห้าคน
บอสเดินเข้าไปหยุดยืนอยู่ข้างหลังร่างบางที่กำลังเปิดกระเป๋าสตางค์จ่ายเงินค่าน้ำมะพร้าวโดยไม่รู้ตัวว่ากำลังมีภัยร้ายรออยู่
เพราะยืนอยู่ใกล้เธอจึงทำให้บอสเห็นว่าคนตรงหน้าตัวเล็กมากจริงๆ ความสูงของเธออยู่แค่ระดับไหล่ของเขาเท่านั้นเอง
“เฮือก!”
แครอทอุทานด้วยความตกใจเมื่อหันหลังกลับมาเจอร่างสูงกำลังยืนมองเธอด้วยสายตาดุดันแถมน้ำมะพร้าวในมือยังชนเข้ากับแผงอกกว้างจนมันราดใส่เสื้อช้อปของเขาเป็นที่เรียบร้อย
เมื่อเงยหน้าขึ้นไปสบตากับคนตัวสูงก็ทำให้แครอทรู้สึกเหมือนวิญญาณเธอหลุดลอยออกไปจากร่างทันที
‘ทะ ทำไม เขามายืนอยู่ที่นี่วะ’
“หึ! ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ”
ท่าทางตกใจของคนตรงหน้ายิ่งทำให้บอสมั่นใจว่าเขาจำไม่ผิดคนแน่เพราะนอกจากกิ๊บแครอทบนผมของเธอ แว่นสายตาทรงกลมแสนเฉิ่มเชยที่เธอกำลังสวมอยู่เขาก็จำมันได้เช่นกัน
