EP 2 | เดอะช็อก
@ลานจอดรถใต้ตึกคณะศิลปศาสตร์
Honda civic 2.0 e:HEV RS เลี้ยวลงไปจอดยังลานจอดรถใต้ตึกคณะศิลปศาสตร์ ซึ่งตอนนี้มีรถยนต์เก่าๆ ที่ดูจากภายนอกแล้วควรจะนำไปบริจากทำแนวปะการังมากกว่านำมาขับบนท้องถนนจอดอยู่เพียงคันเดียว
บอส กิตติธัช เปรมจินดาเจ้าของรถและยังเป็นเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่มีเสน่ห์ชวนให้เหลียวหลังกลับมามองซ้ำ คิ้วสีดำคมเข้ม ดวงตาดุดันดุจราชสีห์มักถูกฉาบไว้ด้วยความเจ้าเล่ห์แพรวพราวเสมอ จมูกเป็นสันคมรับกับริมฝีปากหยักสีกุหลาบที่สาวๆ บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าน่าจูบมากที่สุด
สิ่งที่โดดเด่นไม่แพ้กันคือต่างหูรูปไม้กางเขนช่วยเสริมเสน่ห์ชวนให้น่าค้นหาและมักจะทำให้สาวๆ ตกหลุมพรางกลายเป็นเหยื่อของเสือร้ายตัวนี้เสมอ
Rrrr Rrrr~
สายเรียกเข้า ‘ลดา’
“พี่บอสอยู่ไหนคะ”
เสียงหวานของลดาดาวคณะศิลปศาสตร์ดังมาตามสาย ริมฝีปากหยักกระตุกยิ้มขึ้นเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับไป
“รอรับลดาอยู่ใต้ตึกไงคะ”
“อ๊ะ!ลดาเห็นแล้วค่ะ”
บอสมองออกไปนอกหน้าตารถจึงเห็นร่างอรชรของสาวสวยกำลังเดินตรงมาทางเขา มือหนากดวางสายก่อนจะเก็บโทรศัพท์ไว้ตรงที่วางแก้ว
ประตูถูกเปิดออกก่อนที่ลดาจะเข้ามานั่งภายในรถพร้อมรอยยิ้มหวานละลายใจที่คิดว่าคนตรงหน้าจะต้องหลงใหลในความน่ารักของเธอจนหัวปักหัวปำ ไม่งั้นคนที่ขึ้นชื่อว่า คาสโนว่า อย่างเขาจะยอมตามจีบเธอทำไมตั้งสองเดือน
“เหนื่อยมั้ยคะ”
คำพูด คะ ขา ที่ออกจากปากของชายหนุ่มช่างฟังดูละมุนและเป็นธรรมชาติเพราะเขาใช้มันพูดกับทุกคน
“นิดหน่อยค่ะ แล้วเราจะไปไหนกันดีคะ”
“พี่หิวมากเลยค่ะ”
“งั้นอยากไปกินร้านไหนคะ”
“พี่ไม่ได้หิวข้าวน่ะสิคะ”
เอ่ยพูดพร้อมสายตาคมที่ไล่มองไปตามร่างอรชรเพื่อสื่อความหมายให้เธอรู้ว่าเขาไม่ได้อยากกินข้าวแต่เขาอยากกินเธอ
“พี่บอสสสส~”
ลดาแสดงอาการเขินพลางบิดไปมาราวกับเรื่องที่ชายหนุ่มกำลังพูดถึงเป็นเรื่องที่เธอไม่เคยทำมาก่อน แม้ในความจริงเธอก็ขึ้นชื่อว่า ‘ตัวแม่’ ไม่แพ้กัน
“ไม่งั้นพี่ต้องขาดใจตายแน่เลยค่ะ”
นอกจากจะพูดหว่านล้อมด้วยน้ำเสียงออดอ้อน สายตาที่เคยดุดันดุจราชสีห์ก็กลายร่างเป็นลูกแมวตัวเล็กตัวน้อยไปด้วย
“แต่ถะ..”
นิ้วชี้เรียวถูกยกไปทาบไว้กับริมฝีปากหยักสีกุหลาบเพราะต้องการให้เขาหยุดพูด ก่อนจะลากลงช้าๆ ผ่านปลายคาง ลูกกระเดือกลงไปจนถึงกระดุมเม็ดแรกของเสื้อช้อปสีแดง
“ถือว่าลดาให้รางวัลคนดีที่มารอรับแล้วกันค่ะ”
กิจกรรมเร่าร้อนดำเนินขึ้นทันทีเมื่อจบประโยคเชิญชวน อุณหภูมิของแอร์ภายในรถไม่ได้ช่วยให้ความเร่าร้อนของทั้งคู่เบาบางลง อารมณ์ของหนุ่มสาวไต่ระดับขึ้นเรื่อยๆ จนไม่ได้สนใจสิ่งแวดล้อมข้างนอก
เงาตะคุ่มที่ใกล้กระจกรถเข้ามาทำให้หางตาคมจำเป็นต้องตวัดสายตาไปมองเพราะสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างที่กำลังจ้องมองมาทางเขา
“เหี้ย!”
บอสอุทานออกมาด้วยความตกใจพร้อมร่างสูงที่ดีดตัวถอยหลังไปอีกฝั่งของรถ อะไรที่เคยเชื่อมต่อกันก็หลุดออกอย่างรวดเร็วพร้อมกับบางสิ่งที่กำลังแสดงความใหญ่โตโอ่อ่าก่อนหน้าก็หดตัวลงเช่นกัน
สิ่งที่กำลังยืนจ้องเข้ามาในรถคือภาพของหญิงสาวที่ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบสี ผมถูกมัดด้วยทรงประหลาดแถมยังมีแครอทขนาดใหญ่ติดอยู่ตรงกลาง เสื้อผ้าสีดำสกปรกเลอะเทอะ
แถมมือทั้งสองข้างที่ทาบลงบนกระจกและใบหน้าก็แนบติดจนปลายจมูกแบนลงเล็กน้อย เป็นภาพสยองขวัญมากที่สุดที่บอสเคยเห็นมาตลอดชีวิต
“กรี๊ดดดดดดดดด!”
เสียงกรี๊ดสองเสียงสอดประสานกันจากหญิงสาวทั้งสองคน ร่างบางที่อยู่ภายในรถรีบหลบตัวลงหลังเก้าอี้ข้างคนขับส่วนหญิงสาวอีกคนก็วิ่งเตลิดกลับออกไปนอกอาคารทันที
ปึก!
“กรี๊ดด!”
“แคร์!”
ร่างบางหลับตาปี๋วิ่งขึ้นมาจากใต้อาคารจอดรถจนชนเข้ากับร่างสูงของเปาที่กำลังเดินออกจากลานกิจกรรม
“พี่เปา!”
แม้จะยังช็อกกับสถานการณ์ที่เจอแต่ก็ใจชื้นขึ้นมาไม่น้อยที่เธอได้เจอกับพี่ชายข้างบ้านซึ่งเธอรักและเคารพเขาเหมือนพี่ชายแท้ๆ คนหนึ่ง
“เป็นอะไร วิ่งหนีอะไรมาทำไมทำหน้าตาอย่างกับเห็นผี”
“ยิ่งกว่าผีหลอกอีกค่ะพี่เปา!”
คนตัวเล็กโวยวายเสียงดังจนนักศึกษาที่กำลังทยอยกลับบ้านต่างก็หันมามองเธอเป็นตาเดียว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเสียงของเธอหรือเป็นเพราะเธอกำลังยืนคุยอยู่กับเดือนคณะฯอย่างสนิทสนมแถมชายหนุ่มยังมองเธอด้วยสายตาเอ็นดูอีกด้วย
“เอ่อ...เราไปคุยที่อื่นมั้ยคะ”
เมื่อเริ่มสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตที่แผ่ซ่านมาถึงตัวเอง แครอทจึงค่อยๆ เบนสายตามองซ้ายมองขวาและพูดด้วยน้ำเสียงที่เบาลงจนแทบจะกลายเป็นเสียงกระซิบ
“งั้นไปคุยในรถพี่แล้วกัน เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“แต่แคร์...”
หญิงสาวกำลังจะบอกว่าเธอขับรถมาเองและรถของเธอก็จอดอยู่ใต้อาคารแต่เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าเธอจึงหยุดชะงักและเลือกที่จะให้เปาไปส่งยังดีเสียกว่าการเดินกลับลงไปยังจุดเกิดเหตุ
“ค่ะๆ ไปรถพี่เปาดีกว่า”
“อยากกินไรล่ะ”
เปาเอ่ยถามพลางยกมือขึ้นวางบนศีรษะน้องสาวข้างบ้านด้วยความเคยชินก่อนจะออกแรงดันเล็กน้อยเพื่อให้เธอเดินไปพร้อมกับเขา
“กินไรก็ได้พี่ตอนนี้แคร์โคตรหิว”
“โห ถ้าแคร์พูดว่าโคตรหิวนี่ดูท่าเงินในบัญชีพี่จะมีไม่พออ่ะ”
“เตรียมตัวจนได้เลยค่ะ พี่เปาหลวมตัวมาชวนแคร์เอง”
“ฮ่าๆ ไหน ตกลงว่าเราไปเจออะไรมา”
ชายหนุ่มเอ่ยถามอีกครั้งเมื่อทั้งคู่เข้ามานั่งอยู่ภายในรถเรียบร้อยและเปากำลังทำหน้าที่โชเฟอร์จำเป็นขับรถพาน้องสาวข้างบ้านไปหาอะไรกิน
“มันเป็นอะไรที่อุบาท ลามก บัดสีบัดเถลิงมากที่สุด!”
แครอทพูดพร้อมกับยกมือทั้งสองข้างขึ้นปิดหน้าของตัวเอง ในสมองของเธอยังคงจำจดภาพใบหน้าชายหนุ่มที่เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเธอ แสงจากต่างหูรูปไม้กางเขนสะท้อนกับกระจกจนแวบเข้ามาในดวงตา
แถมผู้หญิงใต้ร่างของเขายังเป็นหญิงสาวที่เพิ่งขึ้นไปแนะนำตัวหน้าลานกิจกรรมในฐานะดาวคณะฯข้างๆ เปาก่อนหน้านี้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
นี่มันลานจอดรถนะ! ถึงแม้จะมืดและไม่ใช่ที่คนพลุกพล่านแต่มันก็ยังอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยอยู่ดี
‘หรือเขาจะเป็นโรคจิต วิตถาร ชอบโชว์กิจกรรมลับในที่แจ้ง!กรี๊ดดด!เกิดมาหน้าตาก็ดีไม่น่าเป็นคนจิตผิดปกติเลย’
“โหหห~ ไม่ค่อยได้ยินแคร์ด่าใครเลยนะ ตกลงไปเจออะไรมากันแน่”
“เอ่อ...แคร์ขอไม่เล่านะคะ พูดแล้วกระดากปาก”
เปาขมวดคิ้วเล็กน้อยกับอาการของคนตัวเล็กเพราะเธอทั้งทำสีหน้าราวกับกำลังขยะแขยงและยกมือขึ้นลูบแขนเรียวทั้งสองข้าง
“มันร้ายแรงขนาดนั้นเลย”
“ค่ะ!ยิ่งกว่าหนังสยองขวัญซะอีก!”
ไม่นานรถของเปาก็เลี้ยวจอดข้างฟุตบาทเพื่อลงไปยังร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าประจำของเปา อีกอย่างที่เขาเลือกร้านนี้เพราะน้องสาวข้างบ้านของเขาคนนี้เป็นคนชอบกินเส้น เมนูอะไรที่เป็นเส้นจะกินแทบทุกอย่างแต่มักจะเบื่อข้าวและทานได้น้อยกว่า
“เล็กยำแห้งผักหนึ่งไม่ผักหนึ่งครับเฮีย”
เปาเดินเข้าไปสั่งด้วยความชำนาญและสั่งเมนูของแครอทที่เขาจำได้เผื่อไปด้วยเลย
“พี่เปามาเรียนที่นี่ตั้งสองปีแล้วยังจำได้ด้วยอ่ะแคร์ชอบกินอะไร”
“มาเรียนแค่สองปีแต่พี่รู้จักเรามาเป็นสิบปีไง”
“น่ารักที่สุดเลยพี่ชายของน้องเนี้ย”
แครอทตอบกลับพลางส่งยิ้มหวานไปให้ ถ้าเป็นในเวลาปกติมันคงจะน่ารักน่าเอ็นดูไม่น้อยสำหรับเปาแต่ใบหน้าของเธอตอนนี้กลับทำให้รอยยิ้มดูสยองขวัญแทน
“เราควรจะล้างหน้าล้างตาซะหน่อย”
เปาพูดปนขำไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าคนอื่นไปเจอเธอในที่มืดๆ คนเดียวจะน่ากลัวขนาดไหน
“ก็อยากล้างเหมือนกันค่ะแต่ยังไม่ได้กลับห้องนี่”
คนตัวเล็กตอบกลับพลางเบ้ปากด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย เธอก็อยากล้างหน้ามากเหมือนกันไม่รู้ว่าพอกสีไว้นานขนาดนี้วันรุ่งขึ้นสิวจะบุกหรือเปล่า
