EP 11 | น้องสาว
หลังจากจัดการล้างหน้าล้างตาเสร็จเรียบร้อย บอสโทรศัพท์เรียกรถสไลด์ให้มายกเศษเหล็กเคลื่อนที่ของแครอทไปยังอู่ซ่อมรถประจำของเขา
ส่วนเจ้าผักน้อยสีส้มตอนนี้ก็ขึ้นมานั่งนิ่งเป็นหุ่นยนต์อยู่บนรถของเขาเรียบร้อย
‘โชคดีนะที่เป็นรถคนละคันกัน ไม่งั้นเราคงหลอนแย่’
แครอทคิดในใจพลางก้มลงมองนิ้วมือของตัวเอง เธอจำเป็นจะต้องขึ้นรถมากับเขาเพราะไม่งั้นก็ไม่รู้ว่าจะกลับบ้านยังไง เพื่อนทั้งสองคนหอพักอยู่ไกลจากมหาวิทยาลัยและเธอเองก็ไม่กล้าโทรไปรบกวนเพราะมันค่ำมากแล้ว
“หอเธออยู่ไหน”
“สมจิตแมนชั่น อยู่ซอยแปดค่ะ”
บอสกลอกตามองบนอีกครั้งแค่ได้ยินชื่อแมนชั่นเขาก็รู้ว่าต้องเป็นตึกเก่าๆ ที่สร้างมาแล้วเกินยี่สิบปี ความปลอดภัยเท่ากับศูนย์และไม่น่าจะมียามเฝ้าข้างหน้าตึก เผลอๆ ทางเข้าอาจจะไม่มีรั้วกั้นเลยด้วยซ้ำ
“หาหอพักที่มันดีกว่านี้ไม่ได้หรือไง”
“ก็มันเป็นหอพักหญิงล้วนที่ว่างอยู่ตอนนั้นนี่คะ”
คนตัวเล็กหันไปอธิบายเหตุผล เธอเลือกที่จะอยู่หอพักเก่าลงมาหน่อยแต่เป็นหอหญิงล้วนยังรู้สึกสบายใจกว่าหอใหม่ๆ แต่เป็นหอรวม
“แค่ขึ้นชื่อว่าหญิงล้วนคือปลอดภัยแล้วว่างั้น?”
โชเฟอร์จำเป็นเอ่ยถามพลางถอยรถออกจากลานจอดรถของคณะวิศวกรรมศาสตร์และขับตรงไปยังประตูทางออกของมหาวิทยาลัย
คนตัวเล็กแอบเบนสายตาไปมองคนข้างๆ อยู่บ่อยครั้ง เธอเข้าใจดีเลยล่ะว่าทำไมสาวๆ ถึงได้ชอบและคลั่งไคล้เขาได้มากขนาดนี้
ก็เขาทั้งหน้าตาดี ท่าขับรถธรรมดาๆ ก็ยังดูเท่แถมดูจากยี่ห้อรถที่ขับแล้วบ้านก็คงมีฐานะน่าดู ครบองค์ประกอบขนาดนี้สาวๆ ที่ไหนจะไม่ชอบบ้างล่ะ
“พี่จอดทำไมคะ”
แครอทรีบหันไปถามด้วยความหวาดระแวงเมื่อจู่ๆ รถคันหรูก็จอดเทียบฟุตบาททั้งที่ยังไม่ถึงหอพักของเธอ
“ฉันหิว”
บอสตอบพลางพยักพเยิดหน้าไปทางร้านข้าวมันไก่ที่ตั้งอยู่บนฟุตบาท นี่มันสองทุ่มกว่าแล้วนี่นาเขาก็คงจะหิวเป็นเรื่องปกติ
“ไม่ลง? ไม่หิว?”
เขาเอ่ยถามอีกครั้งเมื่อกดปุ่มดับเครื่องรถแล้วแต่คนตัวเล็กยังคงนั่งนิ่งอยู่เหมือนเดิม
“ละ...ลงค่ะ แต่หนูไม่กินนะคะ”
“ทำไม”
“ตอนเย็นหนูกินแซนวิชไปแล้วค่ะยังอิ่มอยู่เลย”
แครอทพูดพร้อมกับหยิบแซนวิชที่เหลืออีกครึ่งชิ้นออกมาให้ดูเพื่อยืนยันว่าเธอกินไปแล้วจริงๆ แม้จะครึ่งชิ้นก็เถอะ
“กินแค่นี้เมื่อไหร่จะโต”
ชายหนุ่มบ่นเบาๆ ก่อนจะเกิดประตูลงจากรถทำให้ผู้โดยสารอีกฝั่งรีบเปิดประตูเดินตามเขาไป
“เฮีย! เหมือนเดิมสองจาน”
การสั่งของเขาทำให้แครอทรู้ได้ทันทีว่าเขาคงจะมากินร้านนี้บ่อย บอสชี้นิ้วให้เธอนั่งรอที่โต๊ะส่วนเขาเดินตรงไปหยิบแก้วสองใบใส่น้ำแข็งก่อนจะกลับมานั่งลงตรงข้ามเธอ
“ขอบคุณค่ะ”
แครอทรีบยกมือไหว้ตามความเคยชินเมื่อผู้ใหญ่ทำอะไรให้เธอแต่คนไม่ชินก็ชะงักไปเล็กน้อยเช่นกัน
“ไม่ต้องยกมือไหว้หรอก ฉันไม่อยากแก่”
“หนูแค่มีมารยาทค่ะ”
“กำลังจะบอกว่าฉันไม่มีมารยาท?”
“หนูไม่ได้พูดนะคะ”
คนตัวเล็กตอบกลับพลางทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะหยิบแก้วน้ำที่เขาเอามาให้ขึ้นดูด
“หึ! ยัยแสบ”
“พี่บอสขาาาา~”
เสียงแหลมดังขึ้นจากข้างหลังของแครอทซึ่งมันดังพอที่จะทำให้คนทั้งร้านหันไปมอง แต่เจ้าของเสียงไม่ได้คิดจะสนใจเพราะสิ่งที่เธอสนใจตอนนี้คือการเห็นหน้าแครอท
“สวัสดีค่ะกีต้าร์”
กีต้าร์นักศึกษาคณะบริหารธุรกิจสาขาการจัดการทั่วไปชั้นปีที่สอง อยู่ในชุดนักศึกษาที่รัดแน่นทุกสัดส่วนจนแครอทกลัวว่ากระดุมตรงหน้าอกของเธออาจจะดีดตัวออกจากเสื้อใส่หน้าใครสักคน
และใครคนนั้นก็อาจจะเป็นร่างสูงที่นั่งอยู่ตรงข้ามเธอก็ได้
“กีต้าร์มากินข้าวเหรอคะ”
บอสถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจเล็กน้อยเพราะเขาเคยเดทกับเธอสองสามครั้งและจำได้ว่าเธอไม่สนใจร้านอาหารข้างทางเลย ทุกอย่างจะต้องอยู่ในห้างที่แอร์เย็นฉ่ำเท่านั้น
ส่วนแครอทพยายามหันไปมองทางอื่น เธอกลัวว่าตัวเองจะอ้วกออกมาเพราะทนฟังน้ำเสียงละมุนจากคนที่ชอบทำเสียงดุใส่เธอกับน้ำเสียงออเซาะของพี่สาวโคนมไม่ไหว
“เปล่าค่ะ ต้าเห็นรถพี่บอสจอดอยู่ก็เลยลงมาทักทายแล้วนี่พี่บอสมากับใครเหรอคะ”
แปลง่ายๆ คือตั้งใจจอดรถลงมาดูนี่แหละว่าเขานั่งกินข้าวอยู่กับใครและเมื่อได้ยินคำถามของเธอแครอทจึงรีบหันกลับมาตอบทันที
“น้องสาวค่ะ”
“เอ๊ะ? พี่บอสเป็นลูกคนเดียวไม่ใช่เหรอคะ”
กีต้าร์ยังคงมองหน้าบอสพลางเอ่ยถามต่อ เธอทำราวกับว่าแครอทไม่มีตัวตนบนโต๊ะและเสียงตอบที่ได้ยินเมื่อสักครู่ก็เหมือนเสียงลมพัดผ่านหู
“ญาติห่างๆ ค่ะ”
คราวนี้บอสเป็นคนตอบเองพร้อมส่งยิ้มหวานกลับไปให้ ความจริงเขาไม่ได้ติดต่อกับเธอนานมาก จนลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าแชทไลน์ของเธอคืออันไหน
‘กับสาวๆ นมโตละพูดคะขาแต่กับเรานี่แทบจะกินหัว โคตรเจ้าชู้เลย’
แครอทเผลอแบนปากออกมาโดยไม่รู้ตัวแต่เมื่อเห็นสายตาของทั้งสองคนที่มองมาเธอจึงรีบเก็บอาการทันที
“มาแล้วๆๆ”
เฮียเจ้าของร้านเดินมาเสิร์ฟข้าวที่โต๊ะทำให้กีต้าร์จำเป็นจะต้องถอยหลบไปอีกทาง
“งั้นพี่ขอทานข้าวก่อนนะคะ”
บอสหันไปพูดกับกีต้าร์ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเหมือนเดิม ต่างจากคนที่รู้ตัวว่ากำลังถูกไล่ทางอ้อมแต่ก็พยายามฝืนยิ้มส่งกลับมา
“อย่าลืมไปหากีต้าร์บ้างนะคะ กีต้าร์คิดถึง”
ฟอด!
พูดจบก็ก้มลงหอมแก้มโดยที่บอสไม่ทันตั้งตัวส่วนแครอทก็นั่งหน้าเหวอไปเลยเหมือนกัน เธอไม่คิดว่าผู้หญิงเราจะมีความกล้าได้ขนาดนี้หรืออาจจะเป็นเพราะตัวเธอเองไม่สันทัดในเรื่องแบบนี้สักเท่าไหร่
“กินสิ”
บอสพูดพลางเลื่อนจานข้าวไปตรงหน้าคนตัวเล็กหลังจากที่กีต้าร์เดินออกจากโต๊ะไป
“หนูบอกแล้วไงว่าหนูไม่กินอ่ะ”
“ฉันสั่งมาแล้วสองจาน”
“หนูคิดว่าพี่จะกินคนเดียวซะอีก”
“ใครจะไปกินหมด เธอเห็นฉันเป็นยักษ์หรือไง”
“ก็เหมือนอยู่นะคะ”
“ยัยโบ๊ะ!”
ไม่รู้ว่าท่าทางใสซื่อก่อนหน้านี้ของคนตัวเล็กหายไปไหนหมด ตอนนี้เธอถึงได้เถียงเขาฉอดๆ เชียว
“ฮ่าๆๆ ก็พี่ชอบทำหน้าดุเหมือนจะกินหัวหนูตลอดเวลา”
แครอทหัวเราะรวนก่อนจะพูดความคิดของตัวเองออกไปตามตรง ไม่รู้เหมือนกันว่าความกลัวในตัวเขาเริ่มหายไปตอนไหนแต่ตอนนี้เธอรู้สึกว่าตัวเองผ่อนคลายมากขึ้น
บอสมองคนตรงหน้าหัวเราะก็อดอมยิ้มตามไม่ได้ เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีใครที่หัวเราะแล้วรู้สึกเหมือนโลกสดใสได้ขนาดนี้ ดวงตากลมโตเป็นประกายบ่งบอกว่าเธอหัวเราะออกมาจากความรู้สึกข้างในจริงๆ ไม่ได้แสร้งหัวเราะคิกคักเหมือนกับผู้หญิงที่เขาเคยเจอมาก่อน
“รีบกิน”
“มันเยอะเกินไปอ่ะ”
“กินๆ เข้าไปเถอะ”
สุดท้ายเขาก็อดไม่ได้ที่จะเอ็ดเธออยู่ดี ไม่รู้ทำไมเวลาอยู่กับเธอแล้วเขารู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองจนทำให้หงุดหงิดตลอดเวลา
แครอทก้มหน้าลงตักข้าวเข้าปาก แม้ว่าคำแรกจะรู้สึกอร่อยมากแค่ไหนแต่เธอก็รู้ดีว่าตัวเองน่าจะกินได้แค่ไม่กี่คำเพราะปกติเธอเป็นคนกินน้อยมากๆ อยู่แล้ว
ร่างสูงลอบมองริมฝีปากรูปกระจับอยู่ตลอด ทั้งเวลาที่เธอกำลังอ้าปากกินข้าวหรือแม้กระทั่งเวลาที่เธอกำลังเคี้ยวตุ้ยๆ
จู่ๆ ในสมองก็มีความคิดแปลกประหลาดโผล่ขึ้นมา ต้องทำยังไงเขาถึงจะได้สัมผัสริมฝีปากนั่นอีกครั้งนะ
