EP 10 | ขอร้องฉัน
“ยัยหมาโบ๊ะ”
“หนูไม่ชะ..จุ๊บ!”
O3O!!!
เพราะใบหน้าหล่อเหลาของเขาที่ก้มลงมามองใกล้ๆ และเธอที่เงยหน้าขึ้นไปเพราะตั้งใจจะเถียงเขาว่าเธอไม่ใช่หมาทำให้ริมฝีปากของทั้งคู่ประกบกันพอดิบพอดี
ทั้งสองคนยืนตัวแข็งราวกับถูกสาบ ดวงตาทั้งคู่เบิกกว้างด้วยความตกใจก่อนจะดีดตัวออกจากกันด้วยความรวดเร็วแถมยังยกมือขึ้นปิดปากตัวเองพร้อมกันอีกด้วย
‘จูบผู้หญิงมาตั้งเยอะ มึงจะมาเสียเชิงอะไรตอนนี้วะไอ้บอส’
‘กรี๊ดด! เจ้ากรรมนายเวรขโมยจูบแรกของฉันไปแล้ว’
“เธอขโมยจูบฉันเลยเหรอยัยโบ๊ะ”
“พี่ต่างหากที่ขโมยจูบแรกของหนู!”
แครอทตอบกลับด้วยสีหน้าเหมือนคนจะร้องไห้อยู่รอมร่อต่างจากอีกคนที่ได้ยินคำว่าจูบแรกก็แทบจะกลั้นรอยยิ้มของตัวเองเอาไว้ไม่อยู่
จู่ๆ ก็มีความรู้สึกภาคภูมิใจขึ้นมาที่ความนุ่มนิ่มจากริมฝีปากรูปกระจับของเธอยังไม่เคยมีใครได้สัมผัสมาก่อน
“เหอะ! ถือว่าฉันพลาดเองก็แล้วกัน”
‘กลับถึงห้องพักฉันจะเอาน้ำมนต์ล้างปาก!’
แน่นอนว่าเป็นเพียงความคิดในใจของแครอทเท่านั้นขืนเธอพูดออกไปตามตรงเขาคงจะพุ่งเข้ามาบีบคอเธอแน่ๆ
“เอาไป!”
แครอทรีบคว้าแว่นตาและโทรศัพท์ของตัวเองจากมือหนาทันที เธอหยิบแว่นตาขึ้นมาสวมและรีบเก็บโทรศัพท์ของตัวเองใส่กระเป๋าสะพาย
“ถ้าเธอตัดสาย บล็อกเบอร์หรือไม่ตอบไลน์ฉัน ชีวิตเธอหลังจากนี้ไม่สงบสุขแน่”
นี่คงเป็นคำขู่ที่น่ากลัวที่สุดที่เธอเคยเจอแล้วล่ะ แค่ต้องคอยหลบเขาเวลาเดินเข้าตึกคณะฯหรือสอดส่องก่อนเดินเข้าโรงอาหารก็ลำบากจะแย่อยู่แล้ว ยังมีเรื่องที่ไม่สงบสุขกว่านี้อีกเหรอ
‘พระเจ้าขาาา ถ้าจะทำแบบนี้ก็เอาหนูไปต้มให้เปื่อย สับให้เละแล้วโยนให้เจ้าหมูเด้งกินเถอะค่ะ’
“กลับไปได้ล่ะ”
บอสเอ่ยพลางหันหลังกลับโดยที่ลืมไปว่าเธอมายืนอยู่ตรงนี้เพราะรถของเธอเสีย เขามัวแต่คิดว่าอาจจะมีหนุ่มวิศวะฯคนไหนจะเดินเข้ามาหาเธออีก
“ดะ...เดี๋ยวสิคะ”
แครอทกลั้นใจเดินตามไปดึงชายเสื้อของคนตรงหน้าเอาไว้ ดูจากกลุ่มผู้ชายที่นั่งกันอยู่ใต้ตึกตอนนี้เปรียบเทียบกับคนตรงหน้าแล้วความอันตรายน่าจะไม่ต่างกัน
ไหนๆ เธอก็รู้จักเขาแล้ว การขอให้เขาช่วยน่าจะเป็นอะไรที่ง่ายกว่าเธอเดินเข้าไปหาคนอื่นๆ ที่โต๊ะ
“อะไร”
ร่างสูงเหลียวหลังกลับมาพลางใช้สายตาก้มลงมองหน้าเธอกับมือเรียวที่กำลังดึงชายเสื้อของเขาสลับกัน
“รถหนูเสีย พะ...พี่ช่วยดูให้หน่อยได้มั้ยคะ”
สายตาคมมองไปยังสิ่งที่เธอเรียกว่ารถแต่เขาเรียกว่าเศษเหล็กเคลื่อนที่ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าทำไมเธอถึงมายืนอยู่ตรงนี้
“ฉันซ่อมรถไม่เป็น”
“อ้าว แต่พี่เรียนวิศวะฯนะคะ”
“ใครเป็นคนบอกเธอว่าเด็กวิศวะฯจะซ่อมรถเป็นทุกคน”
ร่างสูงหันกลับมายืนกอดอกมองคนตัวเล็กตรงหน้าแต่สายตาเจ้ากรรมกลับเอาแต่มองริมฝีปากรูปกระจับพลางนึกไปถึงสัมผัสนุ่มนิ่มก่อนหน้า
“ไม่มีใครบอกค่ะ หนูคิดไปเอง”
แครอทตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงหงอยๆ เธอก้มหน้าลงพลางกัดริมฝีปากอย่างคนใช้ความคิดโดยไม่รู้ตัวเลยว่าท่าทางของตัวเองกำลังกระตุ้นความเป็นเสือร้ายในตัวของคนตรงหน้ามากแค่ไหน
“หึๆ ขอร้องฉันสิ”
“ตกลงพี่ซ่อมเป็นหรือซ่อมไม่เป็นกันแน่!”
หญิงสาวเงยหน้ามองร่างสูงด้วยความหงุดหงิด นี่เขาคิดจะแกล้งเธอตลอดเวลาเลยหรือไงกัน
“นี่คือท่าทางของคนที่กำลังขอความช่วยเหลือจากฉันเหรอ”
“หนูไปขอให้พี่ข้างในตึกช่วยก็ได้”
“กล้าเดินไปก็ลองดู”
ขาเรียวชะงักตั้งแต่ยังไม่ทันก้าวออก จู่ๆ น้ำเสียงของเขาก็ดุดันขึ้นมาอีกครั้ง นี่มันเวรกรรมอะไรของเธอกันนะคนตรงหน้าก็เอาแต่กวนประสาทจะเดินไปขอความช่วยเหลือคนอื่นก็ไม่ได้อีก
“นู้นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ พี่จะให้หนูทำยังไงกันแน่”
แครอทเริ่มโวยวายด้วยความโมโห ปกติเธอคิดว่าตัวเองเป็นคนง่ายๆ อะไรก็ได้และใจเย็นมากๆ มาตลอด แต่เขากลับทำให้เธอรู้สึกหัวร้อนอยู่ตลอดเวลาเลย
บอสหันหน้าไปทางอื่นก่อนจะยกกำปั้นขึ้นปิดปากเสแสร้งว่าตัวเองกำลังกระแอมไอทั้งๆ ที่ความจริงแล้วเขากำลังหัวเราะท่าทางของเธอต่างหาก
เธอกำลังโวยวายด้วยความโกรธซึ่งเขาไม่ชอบผู้หญิงที่มีนิสัยขี้วีนมากที่สุดแต่ในสายตาของเขากลับมองว่าเธอกำลังงอแงได้น่ารักน่าเอ็นดูมากทีเดียว
‘พรุ่งนี้มึงต้องไปเช็คสมองที่โรงพยาบาลแล้วล่ะ!’
“ฉันบอกให้ขอร้องฉันไง”
บอสตอบกลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างคนอารมณ์ดีต่างกับอีกฝ่ายที่กำลังมีใบหน้าบูดบึ้งเพราะความอดทนกำลังจะถึงขีดสุด
‘เฮ้อออ~ ไม่มีทางเลือกแล้วนี่หว่า’
“ช่วยซ่อมรถให้หนูหน่อยได้มั้ยคะพี่บอส”
ใบหน้าจิ้มลิ้มค่อยๆ เงยขึ้น ดวงตากลมโตช้อนมองไปยังคนตรงหน้าตาละห้อย มุมปากทั้งสองข้างคว่ำลงเล็กน้อยอย่างน่าเอ็นดู ถ้าใครปฏิเสธสีหน้าของเธอตอนนี้ลงก็คงต้องเป็นคนที่ต่อมความรู้สึกตายด้านไปแล้วอย่างแน่นอน
‘ดาเมจรุนแรงฉิบหาย!’
“ไปเปิดกระโปรงหน้ารถสิ”
บอสรีบเดินหนีไปที่เศษเหล็กเคลื่อนที่ของเธอทันที ขืนยืนมองหน้าเธออยู่ตรงนั้นต่ออีกแค่เสี้ยวนาทีเขาอาจจะต้องไปพบแพทย์ตอนนี้เลยก็ได้
“กระโปรงหน้ารถ เปิดตรงไหนเหรอคะ”
“ห๊ะ! นี่เธอขับรถโดยไม่รู้ว่ากระโปรงหน้ารถเปิดตรงไหนด้วยซ้ำเนี้ยนะ”
อยากจะบ้าตาย! ใครเป็นคนยอมให้เธอเอารถออกมาขับวะเนี้ย นอกจากจะเป็นอันตรายกับตัวเธอเองแล้วยังเป็นอันตรายกับเพื่อนร่วมถนนของเธออีกด้วย
“คือคุณพ่อให้หนูขับแค่จากมหา’ ลัยไปหอพักค่ะ ท่านไม่อยากให้เดินไกล”
แครอทบอกเหตุผลไปตามตรง ตั้งแต่มายืนอยู่หน้าเขาตรงนี้เธอรู้สึกเหมือนที่หน้าผากของเธอมีเครื่องหมายผิดติดอยู่ตลอดเวลาเลย
“กุญแจรถอยู่ไหน”
บอสเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเอือมระอา เธอกำลังทำให้เขารู้สึกว่าเธอไม่สามารถดูแลตัวเองได้เลย
“ในรถค่ะ”
ร่างสูงเดินตรงไปเปิดประตูรถก่อนจะก้มลงกดปุ่มเปิดฝากระโปรงแล้วเดินกลับออกมา แครอทรีบเดินเข้าไปยืนข้างๆ เขาเผื่อว่าเธอจะช่วยอะไรได้บ้างทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าเธอทำอะไรไม่เป็นเลย
ฟู่~
ทันทีที่ฝากระโปรงรถถูกเปิดออกควันสีดำก็พวยพุ่งขึ้นมาใส่หน้าของทั้งคู่ซึ่งกำลังก้มลงไปมอง
“แค่กๆๆๆ”
แครอทสำลักออกมาทันทีส่วนบอสแค่ไอเล็กน้อยก่อนจะใช้มือปัดควันออกจากใบหน้าของตัวเอง
“อาการนี้ซ่อมไม่ได้หรอก ขายซากทิ้งยังไม่มีคนรับเลย”
บอสบ่นพลางหันกลับมามองคนตัวเล็กที่เพิ่งหยุดไอจากอาการสำลักควันและเมื่อทั้งคู่เงยหน้าขึ้นมาสบตากันภาพตรงหน้าก็ทำให้หลุดขำออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
“ฮ่าๆๆๆ หน้าเธอโคตรฮาเลยยัยโบ๊ะ”
“ฮ่าๆๆๆ หน้าพี่เหมือนขวานฟ้าหน้าดำเลยอ่ะ”
O_O!!
ต่างคนต่างรีบวิ่งไปส่องกระจกรถและสิ่งที่สะท้อนกลับมาก็ทำให้รู้ว่าไม่ใช่แค่อีกฝ่ายที่หน้าดำปี๋เพราะตัวเองก็อยู่ในอาการเดียวกัน
“เธอนี่มันตัวซวยจริงๆ”
ร่างสูงบ่นออกมาอย่างเหนื่อยใจ เจอเธอทุกครั้งเขาต้องมีเรื่องให้ซวยทุกครั้งสินะ
“คิดว่าตัวเองซวยอยู่คนเดียวรึไง”
“ฉันได้ยิน”
แครอทรีบหุบปากฉับพลางเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าซึ่งตอนนี้มืดมิดเป็นที่เรียบร้อยก่อนจะมองซากรถแล้วคิดว่าวันนี้คงจะต้องทิ้งเอาไว้ที่นี่จริงๆ พลางถอนหายใจ
มือเรียวถอดแว่นตาออกมาเช็ดคราบดำที่ติดอยู่แม้จะไม่ได้ช่วยให้มันมองเห็นชัดขึ้นเลยก็ตาม
“ไปล้างหน้า”
บอสส่ายศีรษะเบาๆ อย่างเอือมระอาก่อนจะหันหลังเพื่อเดินตรงไปยังห้องน้ำแต่เดินได้ไม่กี่ก้าวก็รู้สึกถึงแรงดึงเบาๆ จากข้างหลังและแน่นอนว่าแครอทกำลังดึงชายเสื้อของเขาอยู่อีกแล้ว
“อะไรอีก”
“หนูมองไม่เห็นนี่”
“ภาระ!”
ร่างสูงกลอกตามองบนก่อนจะยื่นมือไปคว้ามือเรียวของเธอมาจับเอาไว้แล้วเดินนำไปยังห้องน้ำที่อยู่หลังตึกสาขาอิเล็กทรอนิกส์
