บทที่4
ไม่ว่าเธอจะพูดยังไง สุดท้ายพ่อของลูกก็ยังยืนยันคำเดิมว่าเธอจะได้ใบหย่าจากเขาก็ต่อเมื่อยอมยกลูกให้เขาแล้วเท่านั้น แน่นอนว่านี่เป็นเพียงเรื่องเดียว ที่เธอจะไม่มีวันยอมให้มันเกิดขึ้น
หญิงสาวยังคงใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายของตัวเองต่อไป จนกระทั่งค่ำคืนที่ลูกสาวของเธอครบสองเดือน ภาพของใครบางคน ที่กำลังเดินโซซัดโซเซเข้ามาในบ้านก็ปรากฏขึ้นต่อสายตากัน
“ดึกดื้นป่านนี้ทำไมไม่หลับไม่นอน หรือแอบนัดใครเอาไว้!” คำกล่าวนั้นทำให้คนฟังรู้สึกร้าวรานใจอย่างถึงที่สุด ไม่ว่าที่ผ่านเธอจะพยายามทำดีกับเขาสักแค่ไหน แต่ก็ไม่มีเลยสักวันที่เขาจะมองกันในแง่ดี จ้องแต่จะหาเรื่องจับผิด ไม่ว่าเรื่องไหน
“ถามทำไมไม่ตอบ!” ความนิ่งเฉยทำราวกับว่าคำถามของเขา เป็นเรื่องน่ารำคาญใจสิ้นดีทำให้คชายิ่งหงุดหงิดไปกันใหญ่!
“นาแค่ลงมาหาน้ำดื่มค่ะ” หญิงสาวตอบก่อนจะขยับมาช่วยพยุงคนเมาขึ้นมายังชั้นสองอย่างคนไม่มีทางเลือกเท่าไหร่นัก
ความจริงเธอจะปล่อยเขาไว้แบบนั้นก็ย่อมได้ แต่เพราะไม่อยากถูกคำพูดร้ายๆ ของเขาสาดใส่หน้าอีกถึงได้เลือกที่จะทำเหมือนอย่างที่ทำมาตลอด นั่นคือดูแลเอาใจใส่เขาในฐานะสามี
“ไปห้องเล็กสิ…หรืออยากเสียงดังจนทำลูกเธอตื่นก็ตามใจ!” หนแรกเธอไม่ได้สงสัยอะไรในคำพูดของเขาเท่าไหร่ กระทั่งเมื่อถูกรั้งให้ล้มลงบนเตียงพร้อมกับเขาที่ขยับมาคร่อมถึงได้เข้าใจทุกสิ่งที่เขาพูด เข้าใจกระทั่งว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นด้วย!
“อื้อ คุณคี…”
รสจูบของคชายังคงร้อนแรงเสมอไม่ว่าเมื่อไหร่ และเพราะแบบนั้น มันถึงได้ทำให้เธออ่อนโยนไปกับเขาทุกครั้งที่ถูกสัมผัส
นานมากทีเดียวที่เขาไม่พาตัวเองเข้ามายุ่งเกี่ยว มันนานมากเสียจนเธอเองก็เกือบๆ จะลืมไปแล้วว่ารสสัมผัสของสามีนั้นมันรุนแรง และเต็มไปด้วยความต้องการอันมากล้นสักแค่ไหน
“ทำเป็นไม่เคยไปได้…หรือเก่งแค่ทำตัวใสซื่อไปวันๆ ทั้งๆ ที่ข้างในกลวงโบ๋…”แม้ปากจะว่าแบบนั้น แต่พอเอาเข้าจริงๆ แล้ว
ก็ต้องยอมรับว่าเขาชอบที่ได้สัมผัสร่างกายหอมกรุ่นนี้ ชอบที่ได้ทำให้เธอ ยอมสิโรราบอยู่แทบเท้าราวกับคนไม่มีทางสู้!
และชอบที่ท้ายที่สุดแล้ว จะมีแค่เขาเท่านั้นที่ได้รับชัยชนะ!
“คุณคี นาเจ็บค่ะ” เสียงหวานจำต้องเอ่ยขึ้นยามเมื่อเขารั้งชุดนอนออกไปจากร่างกายไม่พอ ยังฝากรอยรักไปทั่วตัวเธออีก แม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำ แต่มันกลับเป็นครั้งแรกที่เธอนึกอยากจะขัดขืน เพราะบางจุดที่เขาเน้นย้ำเป็นพิเศษนั้นมันเป็นจุดที่ยากต่อการปิดบังซ่อนเร้น ซึ่งเธอไม่ชอบเลยเวลาที่ใครต่อใครพากันแอบมองร่องรอยที่เขาฝากไว้ เพราะมันทำให้เธออับอาย
“อดทนสิ เธอเก่งเรื่องพวกนี้ไม่ใช่รึไง!” ทว่ามันกลับเป็นอีกครั้งแล้ว ที่เขาตอบโต้กลับมาด้วยถ้อยคำที่ทำให้เธอต้องมีน้ำตา
“ฮึก” กระทั่งเมื่อช่วงเวลาสำคัญมาถึง เขาก็ไม่แม้แต่จะอ่อนโยนต่อกัน ทั้งๆ ที่ก็น่าจะรู้ดีกว่าใครๆ ว่าร่างกายเธอผิดปกติ
ความไม่พร้อม บวกกับการร้างลาจากเรื่องเหล่านี้มาเป็นเวลานาน ทำให้เธอเจ็บทุกครั้งยามที่เขาพยายามแทรกตัวเข้าหา
“จะ…เจ็บค่ะ”
“อ้าขาหน่อย…อ่าส์! แน่นชิบ!” ช่องทางของหล่อนคับแน่นเหมือนกับคืนนั้นไม่มีผิด คืนที่เขาใช้ทุกๆ ความสามารถล่อลวงให้เธอจมดิ่งกับบวงสวาทไปจนเกือบเช้า จะต่างจากครั้งนั้นก็แค่หนนี้มันไม่ได้มีความเอ็นดูเจือปนอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว
สำหรับเขาแล้วผู้หญิงคนนี้ตอนนี้ คงเป็นได้แค่เสี้ยนหนามชีวิตที่เขาอยากกำจัดไปให้พ้นๆ เท่านั้น เธอไม่ได้มีค่าอะไรเลยในชีวิตของเขาไปมากกว่าแม่ของลูกที่เขาไม่ได้อยากจะมีมาตั้งแต่แรก ต่อให้เขาจะเคยเอ็นดูที่เธอว่านอนสอนง่ายสักแค่ไหน แต่นั่นมันกลับเทียบไม่ได้เลย กับสิ่งที่เธอกับใครอีกคนเคยทำไว้กับเขา!
และในเมื่อเธอเลือกที่จะตอบแทนด้วยวิธีสารเลวแบบนั้น เขาก็จะสนองคืนให้สมน้ำสมเนื้อ ชนิดที่ชาตินี้ทั้งชาติ พรรณรีจะไม่กล้าไปทำเรื่องบัดซบแบบนั้นกับผู้ชายคนไหนอีกเลยไปชั่วชีวิต
เขาจะทำให้เธอรู้
ว่าท้ายที่สุดแล้วคนที่ริอาจจะเล่นกับไฟอย่างเขา หากไม่ถูกไฟลวก ก็ต้องใช้ชีวิตที่เหลือไปกับความทรมานแทบขาดใจ!
เพราะค่ำคืนที่ผ่านมาสามีไม่แม้แต่จะป้องกันเลยสักครั้ง จึงเป็นหน้าที่ของพรรณรี ที่ต้องฝืนตื่นนอนแต่เช้า หวังจะออกไปหาซื่อยาคุมมากิน แต่กระนั้นเธอก็ยังติดปัญหาสำคัญอยู่เรื่องหนึ่ง นั่นคือลูกสาวตัวน้อยที่กำลังมองกันตาแป๋วในอ้อมแขนเธอ
“คุณ… ช่วยอยู่เป็นเพื่อนยัยหนูสักสิบนาทีได้ไหมคะ” ถามออกไปแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะมองสำรวจคนตรงหน้าอย่างลืมตัวไม่ได้ ยอมรับว่าเธอชอบมองภาพเขาตอนตื่นนอนเป็นที่สุดเลย
“จะไปไหน”
“นา…ว่าจะออกไปซื้อยาคุมที่ร้านขายยาปากซอยค่ะ” คชาไม่ได้ตกใจอะไรในคำตอบของอีกคนนอกจากคิดว่ามันช่างไร้สาระมากทีเดียว ที่หล่อนเพิ่งจะนึกอยากป้องกันตัวเองเอาตอนนี้
“อะไรจะกลัวท้องขนาดนี้ มันไม่สมกับเป็นเธอเลยนะนารี”
“ถ้าคุณคีไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวนาเอาลูกไปด้วย..”
“จะไปก็ไปคนเดียว อย่าเที่ยวอุ้มลูกฉันออกไปตากแดดตากลมเป็นอันขาด!” หญิงสาวไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับไป นอกจากจ้องมองลูกสาวอย่างชั่งใจ ก่อนจะส่งตัวแกให้อีกคนพร้อมๆ กับหมุนตัวเดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้พ่อกับลูกได้มีโอกาสอยู่ด้วยกันตามลำพังเป็นครั้งแรก
คชาไม่ได้ทำสิ่งใดนอกเหนือไปจากจ้องมองแผ่นหลังของอีกคนจนมันหายลับสายตาไป ครั้นพอหันกลับมามองเจ้าตัวเล็กในอ้อมแขน อีกฝ่ายก็เบะปากทำเหมือนจะร้องไห้ ราวกับจะไม่พอใจที่เมื่อครู่เขาตวาดแม่ของแก
“อย่าร้อง…ฉันเกลียดเสียงเด็ก” ทันทีที่พูดจบ เสียงกรีดร้องที่แสบแก้วหูก็ดังขึ้นคับบ้านแทบจะทันที เดือดร้อนเขาที่ต้องขยับไปช้อนอุ้มอีกฝ่ายขึ้นยืน ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะทำให้แกหยุดร้องไห้ ไม่ง่ายเลยจริงๆ
