บทที่2
“ยังเลยค่ะ”
“พ่อชื่อคชา แม่ชื่อพรรณรี ชื่อคชาลีเป็นไง ชื่อเล่นก็หนูรินแล้วกัน” หญิงสาวได้แต่ยิ้มรับทั้งน้ำตา แน่นอนว่าเธอชอบชื่อนี้ และก็คิดว่าลูกสาวเองนั้นก็น่าจะชอบชื่อที่คุณปู่ปวดตั้งให้เช่นกัน
ชายชราอยู่เล่นกับเหลนที่แสนจะน่ารักน่าชังราวกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบตัวน้อยตลอดวันที่เหลือ ก่อนจะขอตัวกลับเมื่อเห็นชัดด้วยสองตาของตัวเองแล้วว่านอกจากท่านแล้วนั้น ตลอดทั้งวันก็ไม่มีใครคนไหนอีกเลย ที่คิดจะแวะไปเยี่ยมพรรณรีกับลูก
“ไปไหนมาเหรอคะคุณพ่อ” เป็นสินีนาถที่ถามขึ้น ก่อนจะก้มหลบสายตาเอาเรื่อง ที่พ่อของสามีมองตอบมาให้กันทันควัน
“ก็ไปทำหน้าที่แทนพวกแกทุกคนมาไง! แล้วนี่อยู่กันครบแบบนี้ แต่กลับไม่มีหมาตัวไหนโผล่ไปเยี่ยมเหลนฉันกันเลยสักคน จะไม่ใจดำผิดมนุษย์มนากันไปหน่อยรึไง!” ต่อให้จะเกลียดชังแม่ของเด็กกันสักแค่ไหน แต่เหลนตัวน้อยของท่านนั้นไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วยเลยสักนิดทำไมถึงได้โดนเหมารวมไปด้วยแบบนี้!
“ถึงตัวไม่ได้ไป แต่นาถก็ส่งของเยี่ยมไปแล้วนะคะ แค่นี้ยังไม่พอใจอีกรึไง!” เดิมทีนางเองก็ตื่นเต้นอยู่หรอก แต่พอมานึกถึงวีรกรรมที่เด็กนั่น ทำลายชีวิตของลูกชายคนโตก็พาลโกรธไปหมด
ส่วนหลานนั้นนางกับสามีก็ตั้งใจจะไปหาอยู่ รอจังหวะเหมาะๆ ก็เท่านั้น ไม่ได้รังเกียจรังงอนอะไรอย่างที่ท่านว่าสักนิด!
ออกจะออกอาการหลงเสียด้วยซ้ำไป!
“ก็ถ้าเกลียดสองแม่ลูกนั่นกันนัก ต่อไปก็อย่าให้ฉันเห็นพวกแกเข้าใกล้เหลนฉันแม้แต่ก้าวเดียว!” ในเมื่อที่ผ่านมาไม่มีใครเลยสักคนที่จะใยดีสองแม่ลูกนั่น ต่างนี้ก็ต่างคนต่างอยู่ไปเลย
“คุณพ่อ! แต่นั่นมันหลานนาถนะคะ!” ต่อให้จะเป็นหลานที่เกิดจากผู้หญิงที่นางไม่เคยชอบขี้หน้าแต่อย่างไรเสียก็คือหลาน
ท่านหรือใครหน้าไหน ไม่มีสิทธิ์มาห้ามนางเข้าใกล้ทั้งนั้น!
“หลานที่ย่ามันไม่เคยแม้แต่จะเหลียวแลน่ะเร๊อะ สู้ไม่มีเสียยังจะดีกว่า! เอาเป็นว่าทำตามที่ฉันสั่งก็แล้วกัน จากนี้ไปก็ต่างคนต่างอยู่ ในเมื่อเกลียดกันนัก ก็ไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกันอีก…”
“คะ…คุณพ่อหมายความว่ายังไงคะ”
“เด็กนั่นต้องการหย่า…หายตกใจเมื่อไหร่ก็ช่วยไปบอกลูกชายสุดที่รักของเธอด้วยก็แล้วกัน ว่าให้มันหาวันว่างไปจัดการเรื่องนี้ให้กับหนูนารีเขาด้วย เร็วเท่าไหร่ได้ยิ่งดี!” เพราะไม่คิดว่าเด็กคนนั้นจะกล้าเอ่ยเรื่องหย่าขึ้นมาด้วยตัวเองก่อนแบบนี้ คนได้ยินก็พากันตกใจจนพูดอะไรไม่ออกไปนานหลายนาที และนี่ไม่ต้องนับรวมไปถึงคชา ที่ก็ไม่รู้ว่าป่านนี้จะรู้เรื่องนี้แล้วหรือยัง และหากรู้แล้ว อีกฝ่ายนั้นจะรู้สึกเช่นไรกับเรื่องนี้นั้น ไม่อาจคาดเดาได้จริงๆ
พรรณรีกับลูกได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้ในอีกสามวันหลังจากนั้น ก่อนที่ท่านสันติจะให้มือขวาของท่านขับรถไปรับเธอกับลูกมาส่งที่บ้านด้วยตัวเอง บ้านที่บัดนี้ไม่ได้เงียบเหงาเหมือนทุกที เพราะมีคนถึงสามคนบุกมาหากันถึงที่
“คุณหญิง…”
“ใจคอเธอจะปล่อยให้พวกฉันยืนตากแดดอยู่ตรงนี้มันทั้งวันเลยรึไง!” หญิงสาวส่ายหน้าเบาๆ เป็นการตอบรับ ก่อนจะเบี่ยงตัวหลับให้คนทั้งสามได้เดินเข้ามาในห้องรับแขกของบ้าน
“ชะ…เชิญค่ะ” คุณสินีนาถไม่ได้พูดอะไรต่อนอกจากเดินตามหาใครบางคนที่นางอยากเจอสักครั้ง ซึ่งมองหาเพียงไม่นานก็พบเข้ากับร่างเล็กจ๋อยที่กำลังนอนหลับสบายอยู่บนเบาะกลางห้องรับแขก ภาพนั้นทำให้ใจคนเป็นย่าอ่อนยวบไม่ต่างอะไรกับสามีของนาง ที่ก็กำลังจ้องมองหลานอยู่เช่นกัน ในส่วนของคุณชายคนเล็กนั้นไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ ออกมาเท่าไหร่ เพราะตลอดสามวันที่ผ่านมานี้ เป็นเขาเองที่มักจะแวะมาเยี่ยมหลานสาวไม่เคยขาดเพราะโดนความน่ารักของแกตกเข้าอย่างจัง
คเชนทร์ไม่ได้โกรธเกลียดอะไรในตัวของพี่สะใภ้ที่อายุน้อยกว่าเขาอยู่หลายปีเหมือนกับคนอื่นๆ ในบ้าน เพราะหากใช้สมองตรองดูสักนิด ก็จะเข้าใจว่าพรรณรีไม่ผิด น้าสาวของอีกฝ่ายต่างหากที่เห็นแก่ตัว พอรู้ว่าตัวเองจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานก็พยายามทำทุกทางเพื่อให้หลานสาวของตัวเองมีชีวิตที่สุขสบายด้วยการจับพี่ชายของเขาทำผัว ซึ่งเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นเลยหากไอ้พี่ชายตัวดีของเขาป้องกันตัวเอง ไม่ใช่ปล่อยเนื้อปล่อยตัว!
เพราะอย่างนั้นถ้าหากจะให้โทษว่าเป็นความผิดของใคร ก็ต้องโทษทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ไม่ใช่แค่ใครคนใดคนหนึ่ง!
“หน้าเหมือนตาคีไม่มีผิด…”
คุณปองกูลอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าเห็นด้วยต่อคำพูดของภรรยา กระทั่งเมื่อวินาทีที่หลานลืมตาขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มให้ ใจคนเป็นปู่และย่านั้น ก็แทบละลายในความน่ารักน่าชังของอีกฝ่าย
“คุณพ่อบอกพวกฉันว่าเธอต้องการหย่า แล้วยัยหนูนี่ล่ะจะทำยังไงกับแกดี” เป็นเสียงของคุณสินินาถที่เอ่ยถามขึ้นหลังจากช้อนอุ้มหลานติดมือมาที่โซฟาด้วย กลิ่นหอมๆ จากแป้งเด็กที่โชยมาตามลมให้ได้สัมผัสนั้น บ่งบอกให้รู้ว่าแม้จะอายุน้อย แต่ลูกสะใภ้ก็เหมือนว่าจะทำหน้าที่แม่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
ไหนจะเรื่องที่อีกฝ่ายรองรับทุกๆ อารมณ์ของบุตรชายของนางได้นั่นอีก หากเป็นคนอื่นแล้วโดนกระทำเช่นนั้นมาเป็นระยะเวลายาวนาน นางเองก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะมีใครทนเหมือนอย่างที่คนตรงหน้าทนรึเปล่า แต่แค่เพียงความอดทนที่มี มันก็ไม่ได้เป็นตัวแปรว่าอีกฝ่ายจะเป็นที่ยอมรับของทุกคนในบ้าน
ซึ่งหากถามนาง ลองถ้าเด็กนั่นไม่ทำเรื่องแบบนั้นกับลูกชายคนโตของนาง บางทีนางอาจก็คงนึกเอ็นดูได้ไม่ยากเย็นเลย!
ปากนิด จมูกหน่อย แถมงานบ้านงานเรือนก็ไร้ที่ติ ว่าอะไรไปก็เอาแต่ก้มหน้ารับฟังเงียบๆ ไม่เคยแม้แต่จะเอ่ยปากเถียงกันสักคำ นี่มันคุณสมบัติลูกสะใภ้ในฝันของใครหลายๆ คนชัดๆ เลย
“หนูขอแค่ทะเบียนหย่ากับลูกค่ะ ส่วนอย่างอื่นหนู…ไม่ต้องการ” ในเมื่อเธอเดินเข้ามาในชีวิตของคชาแต่ตัว เธอก็หวังว่าตัวเองจะไปจากเขาแต่ตัวเช่นกัน ซึ่งคงไม่มีเวลาไหนที่จะเหมาะสมได้เท่ากับเวลานี้อีกแล้ว ที่เธอจะคืนอิสรภาพให้แก่เขา
คนที่ต้องทุกข์ทรมาน กับชีวิตคู่ที่เขาไม่ได้ต้องการแต่แรก!
