บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 – ยิ่งเกลียดยิ่งเจอ

“มองอะไรคะน่าน” เสียงของเจ้าของร้านเสริมสวยคนสวยเดินมาพร้อมกับน้ำเย็นในมือหนึ่งแก้วมาให้แขกที่แวะมาหาแต่เช้าของวันนี้พร้อมมองตามสายตาของชายหนุ่มไปด้านนอก

“หลานสาวของคุณยายแสงฉวีน่ะน่าน”

“อือ” เขาหันมาพยักหน้ารับรู้แล้วรับแก้วน้ำในมือของสุดใจมาดื่มแล้ววางไว้บนโต๊ะตรงหน้า พร้อมกับเจ้าของร้านเสริมสวยก็นั่งลงตรงข้ามกับเขา

“เธอสวยมากเลยนะน่านว่าไหม เนี่ยมาทำงานที่นี่ทำให้หนุ่มๆ แถวนี้มองกันตาค้างเลย เธอแต่งตัวเปรี้ยวทันสมัย มีเสน่ห์มากเลยแหละ”

“ถ้าจะแต่งแบบนั้นทำไมไม่ถอดโชว์ไปเลยล่ะ นมก็เล็กเท่าอะไรทำเป็นใส่เกาะอกอวดเนินอก” พูดด้วยอารมณ์โกรธคนตัวเล็กที่กำลังเดินข้ามถนนมาทางฝั่งที่ตัวเองอยู่

“สุดใจว่าสวยออก อีกอย่างน่านดูอารมณ์ไม่ดีเป็นอะไรรึเปล่าแล้วก็พูดเยอะเหมือนไม่ใช่น่านด้วย”

คนที่เป็นเพื่อนที่รู้จักกันมานานหลายปี ไม่ใช่สิ ต้องเรียกว่าอดีตแฟนเก่าถึงจะถูก แม้จะเคยคบกันเป็นแฟนในช่วงระยะเวลาไม่กี่ปีแต่ก็ทำให้รู้จักน่านน้ำเป็นอย่างดี แม้ตอนนี้น่านน้ำจะลดสถานะของเธอมาเป็นแค่เพื่อนแล้วก็ตาม แต่สุดใจก็หวังว่าในอนาคตจะได้เป็นคนรักของเขา

“ร้อนน่ะเลยหงุดหงิด”

“ร้อนเหรอ งั้นเราปรับแอร์ลงอีกหน่อยไหม”

“ไม่ต้องหรอกสุดใจ เดี๋ยวน่านจะกลับแล้ว วันหลังจะแวะมาหาใหม่นะ”

ว่าแล้วก็หยิบเสื้อหนังที่ถอดพาดไว้ที่พนักโซฟาขึ้นมาใส่แล้วหยิบกุญแจรถเดินจากไปทันที พร้อมกับที่คนที่ข้ามถนนมาถึงฝั่งนี้พอดี ส่วนสุดใจเก็บแก้วน้ำเดินเข้าไปหลังร้านเมื่อแขกกลับไปโดยไม่ได้มองว่าตอนนี้น่านน้ำไม่ได้กลับ แต่เดินตามหญิงสาวที่พูดถึงก่อนหน้านี้ไป

พอเดินข้ามถนนมาแล้วก็หันไปมองทางฝั่งที่เดินจากมาแล้วยิ้มเมื่อเห็นภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ของตัวเองและปลัดหนุ่มฉายขึ้นมาให้เห็นในหัวอีกครั้ง ก็อดยิ้มเขินไม่ได้ ก่อนจะหมุนตัวเดินไปยังเซเว่นที่เดินไปอีกไม่ถึงสิบก้าวก็ถึง แต่ยังไม่ทันได้เดินก็ต้องหยุดเท้าที่กำลังจะก้าวเดิน เมื่อถูกคว้าเอวเล็กรั้งไว้จากทางด้านหลัง

“ว้าย! ปล่อยฉันนะ ชะ...อื้อ” แล้วมือใหญ่ก็ปิดปากเธอได้ทันก่อนที่เธอจะร้องเรียกให้คนมาช่วย

“ไม่มีใครมาช่วยเธอหรอก เพราะทุกคนรู้จักฉัน ฉันจะเอามือออกให้เธอแต่เธอห้ามร้อง โอเค้ ถ้าร้องฉันจะจูบปากเธอและบอกทุกคนว่าเราเป็นคู่หมั้นกัน ถ้าอยากให้ทุกคนในตลาดรู้ว่าเราเป็นอะไรกัน ฉันเอามือออกก็ร้องเลยนะ” เสียงทุ้มห้าวเอ่ยขึ้นชิดแก้มนวล

“นะ....นายน่าน” พอปากได้อิสระก็เรียกชื่ออีกฝ่ายทันที พร้อมดิ้นออกจากอ้อมกอดของเขาที่กอดรัดเอวเธอแน่น ตอนนี้มันจะต่างอะไรกันกับทุกคนรู้ว่าเธอกับเขาเป็นคู่หมั้นกัน ก็เขายืนกอดเธออยู่ตรงฟุตปาธที่มีผู้คนเดินขวักไขว่ไปมา

“ใช่ ฉันเอง นึกว่าลืมคู่หมั้นอย่างฉันไปแล้วซะอีก แล้วเนี่ยใส่ชุดอะไรของเธอ” พูดพร้อมกับคืนอิสระให้คนตัวเล็ก

“สวยใช่ไหมล่ะ” เมื่อได้อิสระก็หมุนตัวเองอวดโชว์ให้คู่หมั้นหนุ่มดู

“หึ! สวยตายล่ะ แต่งตัวนึกว่ากะหรี่” พูดแล้วก็หัวเราะเยาะเย้ยอีกฝ่าย

“น...นายน่าน นายว่าฉันแต่งตัวเหมือนกะหรี่ได้ยังไง นายรู้ไหมชุดนี้กี่บาท”

“กี่บาทก็ไม่ได้เงินฉันหรอก ชุดอะไรก็ไม่รู้ แต่งมาขนาดนี้ทำไมไม่ถอดเสื้อผ้าเดินเลย นมก็เล็กเท่าฝาหนมครก ทำเป็นอยากโชว์” ไม่พูดเปล่าแต่ยื่นมือไปใช้นิ้วจิ้มอกของเธอโดยไม่แคร์สายตาผู้คนที่มองมา และไม่สนใจว่าเธอจะโกรธตัวเองมากแค่ไหน

“กรี๊ด...นายน่าน นายมาจิ้มนมฉันทำไม เล็กใหญ่ก็นมฉัน และถึงจะเท่าฝาหนมครกนายก็ไม่มีวันได้เห็นหรอก”

“แล้วใครได้เห็น ไอ้ปลัดธนูงั้นสิ”

“นายเห็น”

“ยืนยิ้มบิดเขินเหมือนคนปวดขี้ขนาดนั้นทำไมจะไม่เห็น”

“เขาหล่อ ฉันก็ต้องเขินเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว อ้อ แล้วทำไม ถ้าฉันจะให้ปลัดธนูดูหรือไม่ดูก็เรื่องของฉัน เพราะมันคือนมของฉัน ฉันพอใจให้เขาดูจบไหม แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่นายแน่นอนนายน่าน” พูดแล้วก็สะบัดหน้าจะเดินหนี แต่ยังไม่ทันได้เดินไปไกลก็ถูกคู่หมั้นหนุ่มเดินตามมายกร่างเธออุ้มพาดไหล่

กรี๊ด!

“นายน่านปล่อยฉันลงนะ"

“ไม่ปล่อย ไอ้ปลัดธนูงั้นเหรอที่จะได้ดู ฉันไม่มีสิทธิ์งั้นเหรอ ฉันอยากรู้เหมือนกันว่าฉันจะได้ดูฝาหนมครกของเธอไหม เผียะ!” พูดจบก็ฟาดมือตีก้นกลมกลึงของเธอแรงๆ ไปหนึ่งที เพื่อให้เธอหยุดดิ้น

“นะ...นายพูดบ้าอะไรของนาย แล้วนายจะพาฉันไปไหนนายน่าน” หยุดดิ้นทันทีเมื่อได้ประมวลคำพูดของน่านน้ำ

“ไปที่ที่ฉันจะได้เห็นฝาหนมครกของเธอยังไงล่ะ” เท้าใหญ่ก้าวยาวๆ ไปยังไอ้เกอร์คู่ใจที่ขับมา พอเดินมาถึงก็นำร่างที่อยู่ไม่นิ่งบนไหล่ไปนั่งที่บนเบาะ แล้วตัวเองก็ขึ้นไปนั่งซ้อนท้าย โอบกอดเธอแล้วติดเครื่องไอ้เกอร์ จากนั้นก็บิดคันเร่งออกตัวไปทันที ไม่สนใจว่าเธอจะร้องโหวกเหวกโวยวายตลอดเส้นทาง

“ฉันจะฟ้องคุณย่าระย้าว่านายอุ้มฉัน จิ้มนมฉัน”

เธอตะโกนขู่คนที่กำลังตั้งใจมองทางขับไอ้เกอร์บิ๊กไบค์คู่ใจ ตอนนี้พิมพ์มาดาไม่รู้เลยว่าคนที่นั่งซ้อนโอบกอดตัวเองขับรถมอเตอร์ไซค์อยู่ด้านหลังนั้นเต็มไปด้วยยิ้มที่ยากจะคาดเดาอารมณ์ได้ ตอนนี้ในอกของน่านน้ำเต็มไปด้วยไฟโทสะและความอยากเอาชนะคนตัวเล็กที่อุ้มฉุดมาด้วย

ตอนนี้น่านน้ำไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ บิดไอ้เกอร์คู่ใจจนมามาถึงห้องแถวรายวันและชั่วคราวเขาก็ตัดสินใจเลี้ยวรถเข้าไปในห้องแถวรายวันทันที และนั่นยิ่งทำให้คนที่ถูกอุ้มฉุดมากรีดร้องโวยวายเสียงดัง พร้อมทุบตีแขนของเขาที่บิดคันเร่งอยู่

“นายพาฉันมาที่ห้องแถวรายวันทำไมนายน่าน ไม่นะ นายไม่ปล้ำฉันนะ”

เขานิ่งเงียบไม่พูดตอบ ไม่แสดงสีหน้าหรืออารมณ์ใดๆ ออกมาให้เธอได้เห็น มีเพียงใบหน้านิ่งขรึมดุดันที่มีหนวดเคราล้อมกรอบหน้าไว้เท่านั้น และตอนนี้พิมพ์มาดารู้สึกหวาดกลัวเมื่อรถที่นั่งมาจอดนิ่งสนิทพร้อมกับเสียงเครื่องยนต์ดับลง

“ยังไงเราก็ต้องแต่งงานกันใช่ไหม” เขาพูดพร้อมกับก้าวขาลงจากรถ พร้อมกับอุ้มเธอขึ้นพาดไหล่อีกครั้ง

“มะ...ไม่นะนายน่าน ฉันไม่แต่งงานกับคนถ่อยอย่างนายแน่นอน” เธอส่ายหัวแรงๆ พร้อมกับทุบตีหลังเขาแรงๆ เพื่อให้ปล่อยเธอ

“ยังไงเธอก็จะต้องแต่งงานกับฉัน”

“ไม่! ไม่มีทาง ฉันไม่แต่งงานกับคนถ่อยนิสัยป่าเถื่อนอย่างนายหรอก” ยิ่งพูดยิ่งไปจี้หัวใจของน่านน้ำ และภาพที่เธอส่งยิ้มหวานบิดตัวม้วนอายปลัดธนูก็แทรกเข้ามาในหัวจนต้องกัดกรามแน่น จนมีเสียงดังออกมาให้คนที่ดิ้นบนไหล่ได้ยิน

กรอด!

พิมพ์มาดาหยุดดิ้นทันทีเมื่อได้ยินเสียงกัดกรามของเขาดัง ตอนนี้เขาโกรธเหรอ แล้วเขาโกรธด้วยเรื่องอะไร และอย่าบอกนะว่าโกรธเธอ

“นะ..นายคงไม่ทำอะไรฉันใช่ไหม” ถามเสียงสั่น

เงียบ!

ไม่มีเสียงใดๆ ตอบกลับมา มีเพียงเสียงย่ำเท้าของเขาที่เดินไปยังเคาน์เตอร์ต้อนรับแขกของห้องเช่ารายวัน

“นายน่านนายไม่ปล้ำฉันใช่ไหม นายก็ไม่อยากแต่งงานฉันก็ไม่อยากแต่งงานไม่ใช่เหรอ นายไม่ทำหรอกใช่ไหม” ตอนนี้พิมพ์มาดาไม่รู้เลยว่าตัวเองทำไมถึงกลัวผู้ชายคนนี้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ปากเก่งไม่กลัวแต่ตอนนี้น่านน้ำไม่ใช่คนที่ต่อปากต่อคำได้เหมือนก่อนแล้ว เธอได้ยินเพียงเสียงลมหายใจของเขาดังออกมาพร้อมกับเสียงกัดกรามของเขา

“ขอเช่าหนึ่งห้องสองชั่วโมง” เขาบอกพนักงานพร้อมกับอีกมือล้วงกระเป๋ากางเกงยีนของตัวเองแล้วนำแบงค์พันออกมาส่งให้พนักงานและก็พูดต่อเมื่อเห็นสายตาสงสัยของพนักงานที่มองมาทางตน

“พอดีผมกับเมียทะเลาะกันนิดหน่อยเลยอยากปรับความเข้าใจกันน่ะ” เขาพูดแค่นั้นพนักงานก็ยิ้มรับเงินที่เขาส่งให้ พร้อมกุญแจห้องและบอกเลขห้องเขา

“คุยกันดีๆ นะพี่”

“อือ ถ้าหากว่าเกินเวลาไม่ต้องไปเรียกนะ ฉันจะจ่ายค่าชดเชยเวลาให้เอง” พูดแค่นั้นก็พาคนที่พยศตลอดทางเดินไปยังห้องที่เช่าทันที

“น้องช่วยพี่ด้วย พี่ไม่ใช่เมียไอ้หนวดนี่สักหน่อย ช่วยพี่ด้วย” พิมพ์มาดาขอความช่วยเหลือจากพนักงาน แต่เด็กพนักงานได้แต่หัวเราะขำเธอ

“นายน่านนายทำบ้าอะไรของนาย เราไม่ได้เป็นอะไรกัน ทำไมไปบอกพนักงานแบบนั้น”

“ทำไมจะไม่ได้เป็น เราเป็นคู่หมั้นกัน” เขาตอบเสียงเรียบ เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องแล้วใช้กุญแจที่รับมาไขเข้าไปในห้องทันที

“แต่เรายังไม่ได้หมั้นกันสักหน่อย ก็แค่ผู้ใหญ่พูดกัน” เธอแย้งเขา

น่านน้ำไม่ตอบ เขาปิดล็อกประตู อุ้มเธอเดินไปยังเตียงที่อยู่กลางห้องทันที ในห้องนี้มีเพียงเตียงและก็ตู้เย็นเท่านั้น เพราะมันเป็นห้องที่หนุ่มสาวหรือคนที่ชอบมีเล็กมีน้อยชอบมาใช้บริการเท่านั้น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel